บทแปลของ Crazy English จากบันทึก"ใครไม่ชอบภาษาอังกฤษอ่านตรงนี้ค่ะ"


เขียนบันทึกนี้เมื่อ 4 เดือนมาแล้วค่ะ

เสน่ห์ของ GotoKnow อยู่ตรงนี้ด้วยนะคะ เขียนจนลืมไปแล้ว เพียงเพราะมีเรื่องอยากบอกเล่า แต่พอมีคนมาถาม เราก็สามารถมาเพิ่มเติมได้ แล้วจะไม่ให้รัก GotoKnow และผู้บริหารจัดการกับคนสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ยังไง จริงไหมคะ ชาว GotoKnow

บทความนี้เขาบอกว่า ภาษาอังกฤษนี่เพี้ยนจัง (ขอแปล crazy ว่าเพี้ยนดีกว่าบ้านะคะ เพราะจะได้เบาลงหน่อย) โดย คุณ Richard Lederer เขามีเว็บไซต์ของตัวเองเลยนะคะ ที่นี่ เป็นที่ที่ใครชอบภาษาสนุกไปหาอ่านได้ค่ะ อ่านสนุก อาจจะหายเกลียดภาษาอังกฤษก็ได้นะคะ

มาเข้าเรื่อง แปลสิ่งที่เขาเขียนว่าภาษาอังกฤษเพี้ยนยังไง ดีกว่า (ขอแปลแบบเอาความ ไม่ใช่คำต่อคำนะคะ อ่านซ้ำดูอีกทีจากคำแปล ก็จะเข้าใจดีขึ้นค่ะ) และจะขอต่อความเห็นตัวเองไปด้วย (อดไม่ได้ค่ะ เพราะบางคำก็น่าแปลกจริงๆ คิดได้ไงไม่รู้)

Let’s face it: English is a crazy language. There is no egg in eggplant or ham in hamburger, neither apple nor pine in pineapple.
English muffins were not invented in England or french fries in France. Sweetmeats are candies, while sweetbreads, which aren’t sweet, are meat.

เริ่มแรก เขาบอกว่า ยังไงก็ต้องเจอ ยอมรับกันเถอะว่า ภาษาอังกฤษน่ะเพี้ยน ดูซิไม่เห็นมีไข่ (egg) ในคำว่า eggplant (มะเขือยาว) แล้วก็ไม่มีทั้ง แอ้ปเปิ้ล กับ ต้นสน (pine) ในคำว่า pineapple (สับปะรด) เลย นั่นสินะ ตั้งมาได้ไงไม่รู้
ส่วนขนมชื่อ English muffins ก็ไม่ได้คิดขึ้นที่อังกฤษซะด้วย และมันฝรั่งทอด ที่เรียกว่า French fries ก็ไม่ได้เกิดจากฝรั่งเศส แถมขนมที่เรียกว่า sweetmeats ก็ไม่ใช่เนื้อ (meat) แล้ว ขนมปังหวาน (sweetbreads- อันนี้ไม่รู้ภาษาไทยเราเรียกว่าอะไรนะคะ ) ก็ไม่หวานสักหน่อย

We take English for granted. But if we explore its paradoxes, we find that quicksand can work slowly, boxing rings are square, and a guinea pig is neither from Guinea nor is it a pig. And why is it that writers write, but fingers don’t fing, grocers don’t groce, and hammers don’t ham? If the plural of tooth is teeth, why isn’t the plural of booth beeth? One goose, 2 geese. So, one moose, 2 meese? One index, two indices? Is cheese the plural of choose?
If teachers taught, why didn’t preachers praught? If a vegetarian eats vegetables, what does a humanitarian eat?

เขาบอกว่า พวกเราไม่ได้คิดให้ลึกๆอะไรเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ (เขาหมายถึงคนที่พูดภาษาอังกฤษอยู่เอง เหมือนเราก็มีหลายๆคำ ที่ถ้าคิดแล้วจะมีคำที่ความหมายแต่ละคำขัดแย้งกับความหมายรวมๆ)  แต่ถ้าดูให้ดีๆจะพบความขัดแย้ง อย่างเช่น ทรายดูด (quicksand) เนี่ยบางทีก็ดูดช้าๆ, เวทีมวยที่เรียกว่า boxing rings ก็เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสไม่ยักกะเป็นวงกลม (ring) แล้วสัตว์ที่เรียกว่า Guinea pig ก็ไม่ได้มาจาก Guinea และไม่ใช่หมู (pig) แล้วทำไม writer ใช้ write แต่ finger (นิ้ว) ไม่ยักกะ fing,  grocers ก็ไม่ groce, hammers ก็ไม่ ham (ไม่ทราบมีคำแปลไหมนะคะ 3 คำนี้ น่าจะเล่นเสียงเฉยๆ) แล้วก็ถ้าพหูพจน์ของ tooth เป็น teeth ทำไมของ booth ไม่ยักกะใช่ beeth เหมือนอย่างห่าน goose กับ geese ก็ไม่เห็นใช้กับ moose (กวางชนิดหนึ่ง) ว่าเป็น meese บ้าง ดรรชนีอันเดียว เรียกว่า index มากกว่าหนึ่ง ใช้ indices แล้วอย่างนี้ cheese ก็น่าจะเป็นพหูพจน์ของ choose สิ (เขาประชดเล่นค่ะ)
แล้วถ้า คุณครู (teacher) สอนใช้คำว่า taught อย่างนี้นักเทศน์ (preachers) ก็น่าจะใช้ praught (ไม่มีคำแปลค่ะ เค้าล้อคำเล่น) ทีนี้ถ้ามังสวิรัติ (vegetarian) กิน vegetables (ผัก) แล้ว humanitarian (คนใจบุญ) จะกินอะไร (เค้าคงให้คิดว่า ก็ต้องกิน human-มนุษย์ไง เพราะล้อกันกับ vegetarian)

In what language do people recite at a play and play at a recital? Ship by truck and send cargo by ship? Have noses that run and feet that smell? Park on driveways and drive on parkways?
How can a slim chance and a fat chance be the same, while a wise man and a wise guy are opposites? How can the weather be hot as hell one day an cold as hell another?

 คิดดูซิมีภาษาไหนที่ผู้คน ท่องบท (recite)ที่การแสดง (play) แต่แสดง (play) ที่ recital (การแสดงเดี่ยว) เป็นการล้อคำเล่นนั่นเองค่ะ ส่งของที่เรียกว่า ship (เรือ) ก็ใช้รถบรรทุก (truck) แต่ถ้าเป็น cargo (ของเหมือนกัน แต่มีคำว่า car) กลับส่งโดยเรือ (ship) มีจมูกที่วิ่งได้ (น้ำมูกไหล เขาใช้คำว่า running nose) และมีเท้าที่ดมได้ (เท้ามีกลิ่น เขาใช้คำว่า smelly feet ก็เหมือนเท้ามันดม -smell ได้) จอดรถ (park) บนทางเท้า (แต่เขาเรียก ทางขับ-driveways) แล้วก็ขับ (drive) บนทางวิ่ง (ที่เขาเรียก parkways ตลกดีไหมคะ ที่มันกลับกัน)  
คำว่า slim chance กับ fat chance แปลเหมือนกันว่าโอกาสน้อย แล้ว wise man (คนฉลาด) กลับไม่เหมือนกับ wise guy (คนเจ้าเล่ห์) เป็นไปได้ยังไงที่อากาศจะร้อนเหมือนนรก (hell) ได้ในวันนึง พออีกวันเย็นก็เหมือนนรก เหมือนกัน (เพราะเขาใช้คำว่า hell เวลาเปรียบเทียบทั้งร้อนทั้งหนาว)

When a house burns up, it burns down. You fill in a form by filling it out and an alarm clock goes off by going on.
When the stars are out, they are visible, but when the lights are out, they are invisible. And why, when I wind up my watch, I start it, but when I wind up this essay, I end it?
เวลาบ้านไฟไหม้ (เขาใช้คำว่า burn up) มันจะถูกทำลายลง (burn down) เวลาเรากรอกข้อความใน (in) แบบฟอร์ม เขาเรียกว่า fill out นาฬิกาปลุกหยุด (go off) โดยการเดินต่อไป (going on)

เวลาดาวโผล่ (เขาใช้คำว่า out - ออกไป) มองเห็นได้ แต่พอ light out (ใช้คำว่า out เหมือนกัน แต่แปลว่าไฟดับ) กลับมืด มองไม่เห็น แล้วทำไมเวลาเราไขลาน (ใช้คำว่า wind - อ่านว่า วายด์) นาฬิกา เราทำให้มันเริ่ม แต่พอเราสรุปบทความ (ใช้คำว่า wind- เหมือนกัน หมายความว่า ขมวดปม อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ) เราทำให้มันจบ
Now I know why I flunked my English. It’s not my fault; the silly language doesn’t quite know whether it’s coming or going.
เขาสรุปจบได้สะใจดีว่า รู้แล้วว่าทำไมสอบภาษาอังกฤษตก ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก ภาษาอะไรไม่รู้ ดูจะไม่รู้หนทางตัวเองว่าจะไปจะมายังไงเลย

เพราะฉะนั้น หากเราคนไทยไม่เข้าใจบ้าง ก็ยิ่งไม่น่าแปลกใจเลยล่ะค่ะ  

หมายเลขบันทึก: 49315เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2006 15:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 13:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เห็นหัวข้อแล้วรีบเปิดอ่านเลยค่ะ

คราวนี้เราก็มีข้อแก้ตัวแล้วล่ะ ถ้าเราไม่เข้าใจ ก็"ภาษาอะไรก็ไม่รู้" --ยิ้ม  ๆ

^___^

ตอนแรกเห็นเยอะ เกือบไม่อ่าน แต่พออ่านแล้วสนุกดีต้องอ่านให้จบ

มิน่าล่ะ ภาษาอังกฤษเราถึงไม่ค่อยดี 555 ขอบคุณค่ะกับภาษาอังกฤษที่น่ารักๆ

ดีมากๆ เลยค่ะ  ชักรัก weblog นี้เสียแล้วค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท