แนวคิดการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ทำให้ข้าพเจ้ามองการแก้ปัญหาสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องกับไปดูและที่รากฐานของสังคม นั่นคือ เด็กและเยาวชนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต
การที่ความนึกคิดของเด็กเปลี่ยนแปลงไป ในหน้าหนังสือพิมพ์แต่ละวันที่ปรากฏการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน สร้างความสะเทือนใจให้ผู้ใหญ่เช่นข้าพเจ้าที่ไม่อาจหาเหตุผลในการกระทำนั้นได้ แนวคิด “เด็กดีถูกจ้องทำร้าย” เพราะกระทบต่อจิตใจคนในสังคมได้มากกว่า เกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน...
ข้าพเจ้าจึงเล็งเห็นว่า การปลูกฝังแนวคิดที่ดีต่อเด็กและเยาวชนเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งต่อสังคมในเวลานี้ ที่ผู้ใหญ่จะนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป สังคมกำลังป่วยเพราะภูมิต้านทางของเราไม่แข็งแรง เราจึงต้องกับไปดูแลเด็ก ๆ ให้มากขึ้น ให้พวกเขาแข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงของสังคม
เมื่อกล่าวถึงเด็กและเยาวชน อาจเกิดความสงสัยว่า เศรษฐกิจกับเด็กจะเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร “เศรษฐกิจ” เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลรับผิดชอบหรือหาทางแก้ไขปัญหาเท่านั้นงั้นหรือ ? ความจริงเราได้มองข้ามกลไกตัวน้อย ๆ ในสังคมของเราไป นั่นคือ “เด็ก ๆ” การมีค่านิยมความฟุ่มเฟือยและการใช้จ่ายโดยไม่ระมัดระวังของเด็กและเยาวชน ทำให้เป็นปัญญาต่อตัวเด็กเอง พ่อแม่ และสังคม และนำไปสู่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่จะทวีคูณมากขึ้นเมื่อพวกเขาเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ แล้วจะกล่าวว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องของผู้ใหญ่อย่างเดียวได้เช่นไร
ปัจจุบัน บ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อทุกคนแน่นอน จึงเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ คือผู้ปกครอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ครูบาอาจารย์” ของเด็กทุกคนที่จะต้องรับภาระในการเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างที่ให้เยาวชนได้ปฏิบัติตาม
เพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในชีวิต โดยการปลูกฝังแนวคิดการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ละเว้นความสนุกสนานนอกบ้านที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็นนัก
ข้าพเจ้าขออัญเชิญ “พระวรธรรมคติ” ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาปริณายกได้ทรงพระเมตตาประทานแก่คณะอาจารย์และ
นักเรียนในวโรกาสที่เข้าเฝ้า ฯ เพื่อรับรางวัลความดีประทาน เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นแนวบรรทัดฐานของความคิดแก่ครูบาอาจารย์ อันมีสาระสำคัญว่า
“ที่สำคัญที่สุดผู้ใหญ่และครูบาอาจารย์ต้องอบรมจิตใจตนเองก่อนให้มั่นคงอยู่ในความดีงาม คิดดี พูดดี ทำดี มีเมตตากรุณาให้จริงใจ นักเรียนจะดีหรือไม่เพียงไร อยู่ที่ผู่ใหญ่ครูอาจารย์มุ่งมั่นเพียงไรที่จะประคับประคอง นั่นคือ อนาคตของชาติจะมืดจะสว่างเพียงใด อยู่ในมือท่านทั้งหลายแล้ว ขอฝากให้ช่วยกันจุดประทีปในจิตใจสานุศิษย์ของท่านให้สว่างตั้งแต่ยังเป็นเด็กและเยาวชนเถิด ชีวิตของท่านจะเป็นชีวิตที่มีค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ ปัจจุบันโลกมืด อนาคตโลกต้องสว่าง สว่างด้วยความสามารถของท่านทั้งหลายส่วนหนึ่ง ที่จะเกิดแต่ความมีมานะ อุตสาหะ ทุ่มเทกำลังใจรักษาลูกศิษย์ลูกหาให้ไกลจากความไม่งดงามน่ารังเกียจที่มีอยู่เต็มไปทุกหนทุกแห่ง ขออำนวยพรให้ทำได้อย่างงดงาม”
“เด็กและเยาวชนเคยเป็นผ้าขาว เติบโตมาหมายมั่นให้เป็นผ้าสวยงดงามและดูดี” จึงต้องมีผู้สร้างสรรค์ที่มีความตั้งใจอันแข็งแกร่ง อันจะช่วยกันทำให้กลไกของสังคมในส่วนนี้นำพาเศรษฐกิจของชาติก้าวไปสู่ความมั่นคงและพัฒนาก้าวหน้าต่อไป.
ที่มา : ฝากลูกไว้กับครู.คุณหญิงสุชาดา ถิระวัฒน์.ชมรมรวมน้ำใจพระเกี้ยวน้อย, หน้า 29-34
เห็นด้วยกับสภาพปัญหาในสังคมไทย ที่นับวันจะขยายวงกว้างเข้าสู่เด็กและเยาวชน... "เด็กในวันนี้จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้า" ต้องรู้จักอดออม ๆๆ หยอดกระปุกออมสินตั้งแต่เล็กๆ ^_^
ขอเห็นด้วยอีกคนค่ะ
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
ผมอ่านทบทวน ๒ รอบ ด้วยความสนใจครับ...ผมคิดฝันไว้ว่าเด็กเยาวชนของเราจะเป็นเยาวชนที่เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ ทั้งวิชาความรู้และศีลธรรม โดยมีระบบการศึกษา และสังคมที่ดีหล่อหลอม
ในความจริง สถาบันกลับช่วยให้สังคมดีได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก
ผมคิดว่า ควรต้องนั่งคุยกันว่า ทิศทางการพัฒนาเยาวชน ของไทยเรา ให้เก่งดีและมีสุข น่าจะมียุทธศาสตร์อย่างไร?
ไม่อยากให้มีคนเก่งมากมาย แต่ไม่รักประเทศ ห้ำหั่นกันตลอดเวลา อย่างปรากฏการณ์ที่เราคุ้นเคยและพบเจอ
ขอบคุณครับผม สำหรับบันทึกดีๆครับ
เห็นด้วยค่ะ สำหรับเยาวชนที่เติบโตขึ้นมาในสังคมปัจจุบันมีความเสี่ยงหลายอย่าง ดังนั้นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดกับเยาวชนจึงควรใส่ใจให้มาก และยึดถือพุทธจริยธรรมเพื่อชีวิตที่ดีงามทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชน