คุณสมบัติของระบบ
1. ความเป็นองค์รวม Holistic หรือ Wholeness
จะต้องมองในลักษณะขององค์รวม จะมีลักษณะเป็นเอกภาพเดียวกัน (universal) ซึ่งความเป็นเอกภาพประกอบด้วย เนื้อที่(space) เวลา(time) สาระ(element) การเคลื่อนที่(movement) ความเป็นเหตุเป็นผล(causality) มีความเป็นระบบ(system)
2. ความเป็นลำดับชั้น Hierarchy
ระบบย่อยมีความสัมพันธ์กันกับส่วนประกอบของระบบ แต่ละชั้นของระบบย่อยมีความสัมพันธ์กัน
3. ขอบเขตของระบบ Boundary
เป็นเครื่องแสดงเขตแดนว่าระบบหนึ่งๆครอบคลุมด้วยอะไรบ้าง อะไรบ้างที่อยู่นอกขอบเขต บางครั้งก็มีการซ้อนทับกับระบบอื่นๆ
ระบบที่พิจรณาได้ยาก เช่น นามธรรม ธรรมชาติ ระบบที่มีการซ้อนทับ ระบบครอบครัว
ระบบที่พิจรณาได้ง่าย เช่น ร่างกาย (มีขอบเขต คือ เนื้อเยื่อ)
4. แบบแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ Pattern
คือลักษณะที่คงที่แน่นอนขอบระบบ แบบแผนของระบบจะถูกกำกับโดยกฎเกณฑ์หน้าที่ เพื่อเป็นการประกันการทำงานว่าจะไม่เบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายของระบบโดยรวม
5. โครงสร้างของระบบ
คือ ชิ้นส่วนต่างๆที่ประกอบขึ้นมาเป็นระบบ ซึ่งจะทำหน้าที่สัมพันธ์กัน อาจจะมีรูปร่าง แบบแผน เหมือนหรือแตกต่างกันก็ได้
6. ระบบต้องมีปฎิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม(interchange With Environment)
ระบบต้องมีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม ซึ่งจะมีการ รับเข้า ป้อนออก และระบบจะผลิตผลลัพธ์ที่ได้ออกมาให้กับสภาพแวดล้อม
7. มีการปรับตัวกับสภาพความเปลี่ยนแปลง (Adaptation)
ในความเป็นจริงที่ระบบต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา เพราะสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และระบบที่มีความซับซ้อนจะต้องมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลง และจัดระเบียบตัวเองใหม่ บนพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
8. มีการจัดระบบภายในตัวเองและคงทนตัวเองไว้
เนื่องจากระบบมีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมที่มีความเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นระบบต้องมีความสามารถในการปรับตัว และคงสภาวะสมดุลของระบบไว้ให้ได้
9. การควบคุมการปฎิบัติหน้าที่ภายในระบบโดยผ่านทางกฎและการสื่อสาร
ระบบต้องมีการควบคุมตนเองเพื่อนำระบบของตนให้บรรลุไปสู่เป้าหมายได้
แนวทางวิเคราะห์ระบบมีดังนี้ ...
1. อะไรคือปัญหาของระบบ
2. ปัญหาดังกล่าวเกิดจากอะไร (ใช้แนวคิดเชิงระบบในการมองปัญหา)
3. ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบถึงใคร และส่งผลกระทบอย่างไร
4. แนวทางแก้ไขปัญหานั้น
1. การกำหนดปัญหา (Problem Definition) วิเคราะห์ให้ได้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นในองค์กรหรือในระบบนั้น นิยามปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบนั้น
2.การวิเคราะห์ (Analysis)
จะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ระบบเก่ามาสู่ระบบใหม่เพื่อให้ทราบถึงขั้นตอนการปฎิบัติงานปัจจุบัน แล้วทำการสร้างแบบจำลองเชิงตรรกะ
3. การออกแบบ (Design)
คือการเอากระบวนการออกแบบเชิงตรรกะมาออกแบบเพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่ปฎิบัติงานได้จริง
4. การพัฒนา (Development)
เป็นการพัฒนาโปรแกรมด้วยการสร้างชุดคำสั่ง
5. การทดสอบ(Testing)
ก่อนนำมาใช้งาน เราควรที่จะตรวจสอบ ทดสอบ ระบบว่ามีความพร้อมเพียงใดที่จะนำไปใช้งาน หาข้อผิดพลาดและหาข้อแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำมาใช้จริง
6. การติดตั้ง
หลังจากทดสอบแล้วก็ทำการติดตั้งระบบให้มีความถูกต้องตรงกับความต้องการของผู้ใช้
7.การบำรุงรักษา
หลังจากใช้งานไปอาจจะเกิดปัญหาต่างๆที่นอกเหนือจากปัญหาที่พบในการตรวจสอบ เราจึงต้องทำการแก้ไข โปรแกรมที่มีความผิดพลาด เกิดBug ทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ "การจัดการสารสนเทศเบื้องต้น"
เขียนโดย ผศ.ดร. ชัชวาลย์ วงค์ประเสริฐ
*************************************
เสร็จเรียบร้อยแล้วจ้า
**************************************