การเลี้ยงโคให้ประสบความสำเร็จเกษตรกรควรมีการวมกลุ่มจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดพลังในการทำงานและเกิดผลอย่างมั่นคงยั่งยืน
การเลี้ยงโคเนื้อของชาวบ้าน
ลูกผสมชาโรเลส์ที่ฟาร์มคุณเจริญ
จากที่ได้ไปประชุมร่วมกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงที่อำเภอสตึกใน
2 วันที่ผ่านมาพบประเด็นที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง เช่น
- ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงที่เป็นข้อมูลทางวิชาการนั้นยังมีไม่พียงพอ
เพราะเกษตรกรที่เข้าร่วมการอบรม (ลูกค้า ธกส.)
ยังไม่รู้จักแม้แต่อาหารข้น
รู้จักพันธุ์หญ้าอาหารสัตว์เพียงไม่กี่ชนิด
ชาวบ้านรู้แค่ว่าโคกินแค่หญ้ากับฟางข้าว
ดีขึ้นมาหน่อยก็ใช้ฟางผสมกากน้ำตาลและชาวบ้านจะเข้าใจผิดคิดว่ากากน้ำตาลจะไปเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้ฟาง
ซึ่งความจริงแล้วกากน้ำตาลนั้นทำให้ฟางนุ่มโคทานได้ง่ายแต่ให้คุณค่าทางอาหารน้อย
หรือไม่รู้ว่ามันเส้น
และใบมันสำประหลังที่แห้งแล้วสามารถนำมาเป็นอาหารให้กับโคได้
- ความรู้ด้านการคัดเลือกพันธุ์
ส่วนหนึ่งเกษตรกรจะเลี้ยงพันธุ์พื้นเมืองอย่างเดียว
ทำให้ได้โคที่มีคุณภาพซากต่ำ ขายได้ราคาต่ำด้วย
และส่วนพันธุ์ลูกผสมก็นิยมเลี้ยงพันธุ์หูยาว (ฮินดูบราซิล)
ซึ่งเป็นวัวตามความนิยมทำให้เกษตรกรที่ลงทุนเลี้ยงพันธุ์นี้ประสบปัญหาขาดทุนได้
- เกษตรกรยังขาดการรวมกลุ่ม ต่างคนต่างเลี้ยง
เวลาประสบปัญหาทำให้ไม่มีที่ปรึกษา
และไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกัน
ส่วนวิธีการเลี้ยงโคที่ทำแล้วได้ผลดีนั้น
คุณทูล และคุณเจริญ ได้อธิบายเป็นด้าน ๆ
ดังนี้
โคที่คัดมาขุน
1.
การเลือกซื้อโค
ทั้งนำมาเลี้ยงเพื่อทำพันธุ์และขุน
การเลือกแม่พันธุ์
- ต้องสูงยาวเข่าดี
- ควรเป็นลูกผสมบราห์มัน
เพราะพันธุ์นี้มีความเป็นกลางทางสายพันธุ์และเป็นแม่พันธุ์ที่ดีที่สามารถถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมของพ่อพันธุ์ที่ได้ดี
- เป็นพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะสูงยาวเข่าดีจากนั้นค่อยนำมาผสมกับพ่อพัน์บราห์มัน
และผสมต่อกับชาโรเลส์
จะโคเนื้อที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด
- โคที่มีลักษณะเป็นแม่พันธุ์ที่ดีนั้นเมื่อผสมกับพ่อพันธุ์ไหนแล้วลูกที่ได้จะต้องมีลักษณะเหมือนพ่อพันธุ์โดยเฉพาะสีซึ่งเห็นได้ชัดที่สุดจะต้องเหมือนพ่อพันธุ์
การเลือกโคเข้าขุน
- ซื้อโคตามน้ำหนักไม่ซื้อราคาเป็นตัว
เพราะการซื้อตามน้ำหนักจะถูกกว่า โดยใช้การวัดรอบออกเพื่อเทียบน้ำหนัก
(จะนำเสนอเทคนิคการวัดในวันต่อไป)
- โคต้องโตตัวยาว กระดูกใหญ่
ขนเรียบนุ่มเป็นมันสังเกตจากการมองเห็นเป็นมันสะท้อนกับแสงอาทิตย์
หนังหนา ขาตรง หลังตรง ท้องไม่ป่อง สะโพกกว้างและยาว ให้ค่อนข้างผอม
โคที่ผอมเมื่อขุนแล้วจะได้กำไรมากกว่า
เพราะต้นทุนถูกกว่า
- การซื้อแบบเหมา
จะต้องประมาณน้ำหนักให้ถูกต้อง โดยฝึกการวัดรอบอกให้ชำนาญ
ถ้ายังไม่ชำนาญต้องมีให้ผู้ที่มีความชำนาญแล้วไปช่วยเลือกซื้อ
- โคโครงร่างใหญ่และผอมจะเติบโตเร็วมาก
- ควรซื้อโคขุนที่อายุประมาณ 2-3
ปี
เพราะถ้าอายุมากจะรบกันไม่เลิกแย่งกันเป็นใหญ่ในฝูง
2.
การทำคอกเลี้ยงโคขุน
- โคขุน 1 ตัว
ต้องการพื้นที่ 8 ตารางเมตร
จะพอเหมาะกับการเจริญเติบโตไม่แออัดโคสุขภาพจิตดี
ซึ่งต่างจากข้อมูลของกรมปสุสัตว์ที่กำหนดพื้นที่ 3 ตารางเมตรต่อโค 1
ตัว
- ใชวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น
โดยเฉพาะไม้ไผ่จะราคาถูกและแข็งแรงทนทาน รวมทั้งต้นตาล ต้นมะพร้าว
ต้นหมาก
จะมีความคงทุนแข็งแรงและไม่เป็นเสี้ยนตำผิวหนังของโคยิ่งโคถูกตัวบ่อยเปลือกต้นหมากจะขึ้นมัน
- หลังคาส่วนที่ต่ำที่สุด ไม่ควรต่ำกว่า 2.5 เมตร
แต่ไม่ควรสูงเกินไปเพราะจะกันแดดกันฝนไม่ได้
เพราะต้องการให้อากาศถ่ายเทสะดวก โคขุนไม่ชอบอากาศร้อน
ถ้าอากาศร้อนโคจะกินอาหารได้น้อยและน้ำหนักตัวไม่เพิ่ม
ไม่ควรนำโคไปผูกไว้ตามที่โล่ง
เพราะเมื่อโคกินอิ่มจะชอบนอนพักทั้งในที่ร่มและแดดรำไรจะไม่ชอบแดดร้อนมาก
เพราะแดดที่ร้อนจัดจะเผาผลาญไขมันในเนื้อและหนังวัว
ทำให้ได้เนื้อไม่มีคุณภาพ
- รางอาหารควรมีช่องให้เพียงพอกับจำนวนโคที่เลี้ยง
- วางรางน้ำไว้ที่ต่ำที่สุดและให้เพียงพอต่อโค
เพราะโคขุนต้องการน้ำมากกว่าโคที่เลี้ยงตามปกติ
- รางอาหารควรกว้างประมาณ 90 เซนติเมตร
ถ้าแคบอาหารจะตกหล่นเสียหาย
พรุ่งนี้มีต่อ
ขอบคุณค่ะ
พันดา
เลิศปัญญา