ในช่วงแรกๆของการศึกษาพระเนื้อผง โดยเฉพาะ พระสมเด็จสามวัดของท่านสมเด็จพุฒาจารย์โต นั้น
ผมได้ทราบจากการอ่านตำนานพระสมเด็จ และหนังสือพระสมเด็จของท่าน ตรี ยัมปวาย มาว่า
บางขุนพรหมกรุเก่า
บางขุนพรหมกรุใหม่
และยิ่งกว่านั้น ยังมีการสร้างพระสมเด็จรุ่นเก่าๆ ระดับพระอาจารย์ของท่าน ก็มีเนื้อแกร่งแบบแก่ปูนดิบเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้น
คำว่า"ปูนดิบนั้น" ผมจึงตีความว่า "ปูนที่ยังไม่สุก" หรือไม่เผา แต่อาจจะเผาโดยใช้ไฟไม่แรง หรือไม่นานพอ หรืออาจเตรียมแล้วผสมกับปูนสุกทีหลัง
ความ "ดิบ" ของปูน น่าจะทำให้ยังมีความแข็ง และต้องใช้เวลาและแรงงานในการเตรียมมากกว่า
แต่การใช้ปูนดิบเพียงอย่างเดียว น่าจะปั้นเป็นก้อนได้ยากมาก
เพราะในการปั้นและกดพิมพ์นั้น วัสดุที่เตรียมควรต้องมีความเหนียว และการยึดเกาะ (concretion) จากปูนที่มี calcium bonds จึงจะอยู่ได้
แค่แรงเกาะแบบ binding จากน้ำมันตังอิ้ว กล้วย น้ำอ้อย ไม่น่าจะพอครับ
และการคงรูปของพระสมเด็จชิ้นฟักนั้น ต้องใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนจะเกิด concretion ที่ผิวให้คงทน
ดังนั้น ผมจึงคาดเดาว่า น่าจะมีความเหนียวจากการยึดเกาะ (concretion) ภายในเนื้อก่อนนั้น ตั้งแต่เริ่มผสมมวลสาร แบบเดียวกับการผสมคอนกรีต
ในประเด็นกระบวนการทางเคมี ผมขอสรุปนะครับว่า concretion น่าจะมาจากปูน และน่าจะเกิด ๒ ระยะใหญ่ๆ คือ
น้ำมันที่ผสมลงไป น่าจะทำให้เกิดความนุ่มและลดแรงบิด หรือทนแรงบิดของการหดตัวของปูนมากกว่าที่จะทำให้เกิดความแกร่งโดยตรง
ที่แสดงว่าชุดความรู้ของการใช้ปูนดิบเพื่อสร้างความแกร่งของเนื้อพระนั้นมีมานานแล้ว แต่การสร้างในบางช่วงก็ยังมีการสร้างพระเนื้อแก่ปูนสุก ที่มีเนื้ออ่อน และไม่งดงามดังเช่นที่เคยทำมาแล้ว ที่น่าจะมีสาเหตุ และข้อจำกัดของการจัดการให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
แล้วสาเหตุที่ว่าน่าจะเกิดจากอะไร
จากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังของเทคนิคและเวลาในการสร้างพระสมเด็จแต่ละชุดจากหนังสือพระสมเด็จของท่าน ตรี ยัมปวาย พบว่า
ขั้นตอนดังกล่าวของการสร้างพระสมเด็จแต่ละชุด น่าจะเป็นของที่มา พระสมเด็จแก่ปูนดิบ และแก่ปูนสุก
นอกเหนือจากองค์ประกอบของมวลสารอื่นๆที่เพิ่มเข้ามาตามหลักพุทธคุณที่ท่านสร้างขึ้นมาและกำหนดไว้ในการผสม
นี่คือผลการวิเคราะห์ลักษณะของเนื้อพระ และความน่าจะเป็นของเหตุการณ์และวิธีการสร้างพระสมเด็จแต่ละวัด
ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรครับ
ของเล่นครับ ผมลบไปแล้ว ผมไม่เล่นพระเก๊ครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ