“ การสอนศาสนาในโรงเรียนทั้งในกรุงและหัวเมืองจะต้องให้มีขึ้น ให้มีความวิตกไปว่าเด็กชั้นหลังจะห่างเหินจากการศาสนาจนเละเป็นคนไม่มีธรรมในใจมากขึ้น ต่อไปภายหน้าถ้าเป็นคนที่ได้เล่าเรียนคงจะประพฤติตัวดีกว่าคนที่ไม่ได้เล่าเรียนนั้นหาถูกไม่ คนที่ไม่มีธรรมเป็นเครื่องดำเนินตาม คงจะหันไปหาทางทุจริตโดยมาก ถ้ารู้น้อยก็โกงไม่ค่อยคล่องหรือโกงไม่สนิท ถ้ารู้มากก็โกงมากคล่องมากขึ้น และโกงพิสดารมากขึ้น การที่หัดให้รู้อักขรวิธีไม่เป็นเครื่องฝึกหัดให้คนดีและคนชั่ว เป็นแต่ได้วิธีที่จะเรียนความดี ความชั่วได้คล่องขึ้น”
“ การสร้างสรรค์แผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินทองหรือการช่วยเหลือตัวเองในปัจจุบันนี้ เห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความสงบให้เกิดขึ้นก่อนโดยเร็ว เพราะถ้าความสงบไม่เกิดเราจะคิดอ่านแก้ปัญหาหรือจะรวมกำลังกันทำการงานช่วยตัวเองไม่ได้ ความสงบนั้น ภายนอก ได้แก่ สภาวะการณ์อันเรียบร้อยเป็นปรกติไม่มีความวุ่นวายขัดแย้ง ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบหรือมุ่งร้ายทำลายกัน ภายใน ได้แก่ ความคิดจิตใจที่ไม่ฟุ้งซ่านหวั่นไหวหรือเดือดร้อนกระวนกระวาย ด้วยอำนาจความมักได้เห็นแก่ความร้ายกาจเพ่งโทษ ความหลงใหลเห่อเหิมอันเป็นต้นเหตุของอกุศลทุจริตทั้งหมด การทำความสงบนั้นต้องเริ่มที่ภายในใจก่อน”
ขอบคุณบันทึกงดงามที่นำมาแบ่งปัน
เห็นด้วยกับพี่ใหญ่ค่ะ รูปใหม่สดใสมากค่ะ
ผมเคยสังเกตเห็นว่าเวลาลูกติดเกมแล้วพ่อแม่ใช้วิธีแก้ปัญหาโดยยกเครื่องเล่นไปทิ้ง, ลงโทษโดยการตี, หักเงินค่าขนมซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่เกือบจะต้นเหตุ (แต่ยังไปไม่ถึงครับ เพราะเอาเครื่องไปทิ้งก็เล่นไม่ได้ แต่ก็ไปเล่นที่ร้านได้) ... ขอบคุณค่ะ ชื่นชมแนวคิดนี้ คล้ายเวลา เกิดจราจล เราก็คิดเพียง ปิดสื่อไม่ให้คนอื่นรับรู้ เราควรปลูกฝังเยาวชนอย่างไร ให้เป็นผู้มุ่งมั่นแก้ที่ต้นเหตุ
เตรียมโค๊ตข้อความไว้ดิบดี ปรากฏว่าตรงกับข้อความเดียวกันกับอาจารย์หมอ ป.พอดีเลย เลยขอร่วมคิดไปด้วยนะครับว่า ทรรศนะที่ว่า
".... เวลาลูกติดเกมแล้วพ่อแม่ใช้วิธีแก้ปัญหาโดยยกเครื่องเล่นไปทิ้ง, ลงโทษโดยการตี, หักเงินค่าขนมซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่เกือบจะต้นเหตุ(แต่ยังไปไม่ถึงครับ เพราะเอาเครื่องไปทิ้งก็เล่นไม่ได้ แต่ก็ไปเล่นที่ร้านได้) จะให้ดีจริงๆ สมควรปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเป็นเด็กเชื่อฟังบิดามารดา ใฝ่รู้ พากเพียรเรียนศึกษา หากิจกรรมที่พัฒนาทักษะทางปัญญาหรือความเพลิดเพลินเจริญจิตใจ ...."
เป็นแนวคิดที่จำเป็นมากครับที่จะต้องทำในแนวนี้มากขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบันทั้งของครอบครัวและในภาคการศึกษา จัดว่าเป็นการพัฒนาคนออกจากด้านใน ในขณะที่กระแสสังคมพัฒนาแต่ทางวัตถุและปัจจัยภายนอกให้กับเด็กๆ สอดคล้องกับการเชื่อมต่อเข้ากับพื้นฐานหลายอย่างที่มาในศาสนธรรม ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเห็นว่าดีที่สุด แต่เพราะสังคมไทยมีสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นทุนอยู่ในตนเองอยู่แล้ว
ผมมีข้อสังเกตต่อวิธีคิดและการวางเค้าโครงนำเสนอบทความของวศินด้วยครับว่า มีความริเริ่มและน่าสนใจมากแตกต่างจากบทความเชิงให้ทรรศนะวิพากษ์โดยทั่วไปครับ บทความเชิงทรรศนะวิพากษ์ทั่วไปนั้น เพียงเปิดประเด็นและสร้างบทสรุปเพื่อได้วิธีคิดและวิธีมองต่อสิ่งต่างๆให้หลากหลายและรอบด้านมากขึ้นนั้นก็นับว่าดีมากแล้ว แต่ของวศินนั้น มีอีก ๒ ส่วนเพิ่มขึ้นมา คือ การเสนอแนะหลักปฏิบัติเพื่อเป็นทางเลือกให้ดีกว่าเดิม ไม่ได้มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ให้แต่เพียงเท่านั้น ขณะเดียวกัน ก็มีส่วนที่แสดงถึงการน้อมไปสู่แนวปฏิบัติของตนเองที่ทำทั้งต่อตนเองและต่อการมีคารวธรรมต่อผู้อื่น โดยเฉพาะครูอาจารย์ จึงเป็นการแบ่งปันบทเรียนชีวิตและการเขียนเพื่อใคร่ครวญตนเองให้งอกงามไปด้วยในตัว
ประทับใจและขอบคุณที่ลิงก์มาฝากกันเด้อ
พึ่งชมภาพข่าวนักการเมืองชายต่างประเทศ สาดน้ำ - ตบหน้า 3 ที ผู้หญิง 2 คนในรายการถ่ายทอดสด อารมณ์โกรธของผู้ใหญ่เพียงแค่คนเดียว ทำให้เสียกันทั้งพรรคหรือโดยรวมทั้งประเทศนั้นดูไม่ดีได้ อายเด็กๆนะคะ
วศิน เด็กติดเกมส์ เหมือนคนแก่ติดติดโก ไม่ว่ากัน
บันทึกดีมากกินใจจริงๆ อ้านแล้วเห็นภาพ มองย้อนได้ทันที ดีใจกับวงการการศึกษาไทยที่จะมีว่าที่คุณครูคุณภาพ ดีใจดับคุณพ่อคุณแม่ ที่มีลูกน่ารักอย่างน้องอาร์ม ผู้เป็นอนาคตที่ดีของชาติบ้านเมือง ดีใจกับ มก ที่มีว่าบัณฑิตคุณภาพเช่นนี้ครับ