ฟ้าหลังฝน...ผ่านการเวลา...มาถึงยามเช้านี้...บรรยากาศสดใส...รถคันนี้ขับขี่แล้วรวย...ติดประโยคนี้...อยู่กระจกหลังรถคันหน้าผม...ขำ...เขาช่างสรรหา...คมความคิดมาให้ขบแล้วขำ...
เสียจริง ๆ ฮา ๆ เอิก ๆ...
ทำให้ผมนึกถึงคติธรรมต่าง ๆ...ล้วนสอนใจให้คิดในทางบวกเสมอ...
การคิดในแง่ดีนี้ทำให้ตัวผู้คิดมีความเบาสบาย...ไร้กังวัล...ดื่มด่ำกับรสคติธรรมที่สุขุมลุ่มลึก
ช่างพาใจเป็นสุขจริง...
ผมแว๊บไปในอดีต...ช่วงเรียน ป. โท เราลงรถไฟที่เชียงใหม่...ในเช้าวันหนึ่ง...สวัสดีครับท่านอาจารย์ ดร. โสรีย์ โพธิ์แก้ว มารับและนั่งรถ อ. ไปวัดหินลาด...เชิงดอยสุเทพครับ...พอลงจากรถก็เจอนักศึกษาอีกกลุ่ม เรียน ป. โท ด้วยกันและคนละสาขา
พวกเธอเป็นพยาบาลทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียว กรุงเทพฯ...พวกเราต่างออกภาคสนามในรายวิชาที่ ท่าน อ. สอน...
เรากำลังศึกษาธรรมชาติ...ท่าน อ. มีท่าทาง...อ่อนน้อมถ่อมตน
พูดค่อย ๆ...แต่กินใจ...ท่านเป็นกันเองกับพวกเราทุกคน...และท่าน อ. ทำให้ผมได้แง่คิดเรื่อง
กำแพงพูดได้ต้นไม้แสดงธรรม...เราไปหลายแห่ง...ที่ประทับใจของผมคือวัดป่าดาราภิรมย์
แม่ริม จ. เชียงใหม่...เราพบท่านสมภารวัด...ยอดนักคิด...ที่วัดเต็มไปด้วยคติธรรมสอนใจ
...วัดในพระพุทธศาสนามักจะมีคติธรรมให้แง่คิดแก่เราเสมอ...เช่นที่ต้นไม้ใหญ่...ติดแผ่นป้ายเขียนว่า...คนไม่รู้...พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ คนรู้แล้วไม่ทำตาม ท่านไม่สอน ( หลวงปู่ชา )...
ท่านให้แก้ไขตัวเราเอง...ไม่ใช่ไปแก้ไขอย่างอื่น ( หลวงปู่ชา )...ดูไม้ท่อนนี้ซิ...สั้นหรือยาว...
สมมุติว่าคุณอยากได้ไม้ที่ยาวกว่านี้...ไม้ท่อนนี้มันก็สั้น...แต่ถ้าคุณอยากได้ไม้สั้นกว่านี้...ไม้ท่อนนี้มันก็ยาว...หมายความว่า...ตัณหาของคุณต่างหาก ที่ทำให้มีสั้น มียาว มีดี มีชั่ว มีทุกข์ มีสุข ขึ้นมา...(หลวงปู่ชา )...
โปรดติดตามตอนต่อไป
ด้วยความปรารถนาดี
จาก...umiไม่มีความเห็น