ฝึกคิดเชิงบวก...


ฝึกคิดเชิงบวก...ส่งผลที่ดีอย่างยิ่งต่อชีวิตและจิตวิญญาณเรา

       การฝึกคิกเชิงบวก หรือ positive thinking นี้ดิฉันคิดว่าตนเองได้รับการฝึกอย่างจริงจังเมื่อเริ่มเรียนทางด้านจิตวิทยาให้คำปรึกษาหรือการฝึกจิตประมาณนี้แหละ...จำไม่ได้แน่ชัดเพราะเป็นเวลาที่ไล่เรี่ยกันมาก...แต่ถามว่าตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กนั้นเป็นอย่างไร จากการเลี้ยงดูดิฉันโชคดีที่มีพ่อและแม่ที่เป็นแบบอย่างแห่งการฝึกคิดเชิงบวก...ตรงนี้น่าจะเป็นทุนเดิมของชีวิตที่สั่งสมมา...ก็อาจเป็นได้

       การฝึกคิดเชิงบวก...เป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันไปตั้งแต่จิต คิด กาย และวาจาที่เปล่งออกมา...บางครั้งดิฉันก็ยังสับสนระหว่างการเสแสร้งและความเป็นจริง...แต่พอหลังๆมาความคิดเปลี่ยนไปไม่ว่าใครนั้นจะแสร้งแกล้งทำหรือความเป็นจริง...สิ่งหนึ่งหากที่ใจเราคิดบวกก็ไร้ซึ่งปัญหาต่อบุคคลนั้น...

       การฝึกคิดเชิงบวก...ทำให้ดิฉันผ่านแบบทดสอบแห่งชีวิตมาได้หลายครั้ง แม้บางครั้งอาจจะยากแสนเข็ญ...และบีบรัดซึ่งความรู้สึกปานใดก็ตาม...หากแต่เมื่อทุนที่มีที่สั่งสมทำให้เราสามารถที่จะผ่านหนทางแห่งแบบทดสอบชีวิตนั้นได้อย่างบอบช้ำบ้างในบางครั้ง...ก็ทำให้เราเจริญงอกงามแห่งชีวิตขึ้นมาได้ หรือภาษาทางจิตวิทยาเรามักใช้คำว่า Growth..."ความเจริญงอกงามแห่งบุคคล"...

       การคิดเชิงบวกทำให้เรามองเห็นความดีที่มีในตัวบุคคล...แม้อาจน้อยนิดในสายตาแห่งสังคม...แต่น้ำใจการมองของเราก็สามารถทำให้บุคคลนั้น...รู้สึกได้แห่งความมีคุณค่าในตนเอง..เฉกเช่นใน case บำบัดของดิฉันหลายราย...ที่มาบำบัดสังคมมักมองเขาอย่างไร้ค่าต่อสังคม...แต่มุมมองและการปฏิบัติของเราที่มีต่อ case เราก็ไม่ได้ซ้ำกระหน่ำเขาลงไป...ให้บริการด้วยความรัก เห็นอกเห็นใจ..และมักเดือนร้อนแทนเขาเมื่อเขาได้รับความไม่เป็นธรรมจากสิทธิการบริการที่เขาพึงได้รับจากสังคม...

ดังนั้นการสั่งสมการฝึกคิดเชิงบวก...นอกจากจะส่งผลที่ดีอย่างยิ่งต่อชีวิตและจิตวิญญาณเราแล้ว...ก็ยังเผื่อแผ่ไปสู่...บุคคลที่อยู่รอบด้านเราได้...แม้เขาจะรับได้หรือไม่ก็ตาม..

ทุกโอกาสแห่งการมีชีวิตและกระทบจิต...ก็พยายามมองหาบวกแห่งความคิดให้เจอ
ที่เขาพูดอย่างนั้น...เพราะอะไร..อาจเพราะเขาไม่รู้จักเราดีพอ...
ที่เขาทำอย่างนั้น...เพราะอะไร...อาจเพราะเขาเป็นคนแบบนั้นเราเปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้ เป็นเรื่องกรรมที่เขาต้องจัดการที่ตัวเขาหาใช่เป็นเราไม่...หากแต่เราทำได้คือ...เออ! ความดีของเขาก็มีอยู่นะ...ถ้างั้นเรามองที่ความดีของเขาที่มีอยู่แล้วกัน...
แต่เขายังคุกคามเราอยู่นะ...นั่นก็อาจไม่เป็นไรเพราะเขายังปรับเปลี่ยนตัวเขาเองไม่ได้...เราก็เป็นเรานี่แหละทำดีที่สุด...มองใจตนเองว่าคิดอย่างไร...หากไม่ลบก็ดีไป...และเดินต่อไป...

...
จริงๆ อยากบันทึกเรื่องนี้มากกว่านี้..
เอาไว้วันว่าง..กลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง

หมายเลขบันทึก: 48770เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2006 07:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 12:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

   การคิดในเชิงบวกนั้นมีความสำคัญมากในการ ดำเนินชีวิตในปัจจุบันนี้ ซึ่งจะมีสิ่งที่มากระทบกับ ความรู้สึกนึกคิด จิตใจเรามากมาย การคิดเชิงบวก ช่วยในการทำงาน(อ่านหนังสือของ Edward de Bono)  และชีวิตประจำวันได้มาก การคิดในเชิงบวก จะช่วยใหสบายใจไม่เครียดดีครับ มันพูดง่าย แต่ทำยากครับ คงต้องใช้้เวลาสั่งสม ความคิดเชิงบวก อย่างที่บอกนั้นแล้วล่ะครับ

 

 

การคิดในเชิงบวก ทำให้รู้สึกว่ามองสิ่งรอบข้างได้มีความสุขขึ้น

การคิดในเชิงบวก ทำให้เราเข้าใจ และวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ที่คนอื่นกระทำ กับเรา เกี่ยวข้องกับเรา ทำเพื่อเรา ได้ถ่องแท้มากขึ้น

แต่การคิดในเชิงบวก จะมีขอบเขตมั้ย บางครั้งบางคนอาศัยประโยชน์จากการคิดในเชิงบวก แสแสร้งสร้างเรื่องเพื่อให้ได้ซึ่งความรัก ความโลภ และหลง บางกรณีที่เราสามารถมองได้หลายๆ มุม อาจจะทำให้เปิดตา เปิดใจ เปิดความคิดได้เพิ่มขึ้นหรือไม่

การคิดในเชิงบวกอย่างเดียว เหมือนกระทำเพื่อการประนีประนอม ก่อให้เกิดความเข้าใจในอีกฝ่าย ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

การคิดในเชิงลบอย่างเดียว ทำให้เกิดการมองโลกอย่างหวาดกลัว ปกป้องตนเอง และไม่กล้าทำอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวชอบที่จะคิดในเชิงบวกให้ได้ แม้บางสถานะการณ์อาจจะอยากมาก อยากที่จะเข้าใจว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่การคิดในเชิงบวก ก็ช่วยทำให้สุขภาพจิตดี ไม่คิดแค้น ขุ่นเคือง เพราะทุกการกระทำของทุกคน ล้วนแล้วแต่เกิดจากเหตุผล สุดแล้วแต่ว่าใครจะยอมรับหรือไม่

IS โชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น เจอเพื่อนที่ดีๆ จึงคิดว่ามีเพื่อนแท้มากกว่าเพื่อนกิน เจอคนดีๆ ผ่านเข้ามาให้ได้เรียนรู้จิตใจกัน แม้ในท้ายที่สุดจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี หัวหน้าที่ดี และที่สำคัญ เพื่อนออนไลน์ใน G2K ที่ดีๆ ที่นำความรู้ดีๆ มาแลกเปลี่ยนกัน

ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้ยิ้มกว้างๆ ได้ทุกวัน แม้วันที่อาจจะมีทุกข์ ^______^

คุณฉัตรชัยคะ...

การทำความดีนั้น...พูดง่ายทำยาก...
แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะทำนะคะ...
อาศัยความเพียร...และการฝึกฝนอย่างตั้งใจ...
ศรัทธาต่อการทำสิ่งที่ดีงาม...

...

ขอบคุณนะคะ...

*^__^*

กะปุ๋ม

คุณ IS...

กะปุ๋มเชื่อในสิ่งที่เราทำความคิด....

พลังความคิดในเชิงบวก...เหมือนเป็นแรงผลัก...ที่ทำให้เราฝ่าฟัน...บททดสอบชีวิตไปได้...

ขอบคุณนะคะ....

ที่มาต่อยอดเติมเต็ม....ให้เสมอ...

*^__^*

กะปุ๋ม

  • แอบติดตามกะปุ๋มมานานแล้ว...^____^
  • แหะๆ ไม่อยากบอกเลยว่า ตอนนี้กำลังหัดเขียนเครื่องหมายบวก (+) โดยเขียนแนวตั้ง (I) ก่อน แนวนอน (-) นั่นหมายความว่า กำลังฝึกคิดเชิงบวกให้มากขึ้น (โดยเฉพาะเวลาที่มีอะไรมากระทบใจเราให้ขุ่นมัว เศร้าหมอง...)
  • เคยคุยกับพี่ๆที่กลุ่มงาน ก็ได้คำแนะนำดีๆเหมือนกัน (แต่ไม่รู้ว่าจะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือเปล่า...ฮา) คือ ให้เราคิดก่อนคิด คิดก่อนพูด เพราะการได้นิ่งคิดกับตัวเองสักครู่ มันทำให้เราเห็นมุมมองที่แตกต่าง

พี่ไก่...พี่สาวที่น่ารัก...สมกับคำว่า angel...

แอบ...แอบ..และก็แอบ..

ไม่แอบได้ไหมคะ...มาแบบพี่ขวัญเลย...

กะปุ๋มจะได้..รู้ตัว..ไม่ต้องเหลียวซ้ายและขวา...กลัวคนมาแอบมอง...

*^__^*

ชอบมากเลยคะ...ที่ว่า.."คิดก่อนคิด"....เก็บเข้าคลังความรู้ตัวเองแล้วนะคะ

ขอบคุณคะ

กะปุ๋ม

 

ข้อดีของการมี Positive Thinking จะทำให้คุณ..คุณ.รู้สึกว่า

  • สมองคุณจะรู้สึกเบา
  • คิ้วจะไม่ขมวดเข้ามาใกล้กัน
  • หัวใจจะทำงานช้าลง (แต่ยังเต้นนะคะ)
  • เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น
  • กล้ามเนื้อจะค่อยๆคลายตัว
  • สายตาจะเปิดกว้าง
  • แววตาคุณจะอ่อนโยน

และสุดท้าย

  • จะมี..."รอยยิ้มเล็กๆ" เกิดขึ้นที่มุมปากคุณ ค่ะ

ไม่เชื่อลองทำดูสิคะ เคยลองทำมาบ้างแล้วค่ะถึงได้กล้าบอก...(ป้า IS ยิ้มปากกว้างไปป่ะ)

ขอบคุณพี่กระปุ๋มที่มาshareชอบมากค่ะหัวข้อนี้ :D

ยิ้ม...ยิ้ม...ยิ้ม...

กะปุ๋มยิ้มแฉ่งเลยคะ...ชอบมากเลยคะ...กับความรู้ที่นำมาต่อยอด...ชอบที่สมองเบาคะ...เบาแจ่ไม่กลวงนะคะ...เบาอย่างมีปัญญาที่เบิกบาน...

ขอบคุณนะคะ

*^__^*

กะปุ๋ม

อ่านแล้ว นึกถึง Meta communication ที่ท่านอาจารย์นวลสิริ เคยพูดให้พวกเราฟังในชั้นเรียน ตราบใดที่ใจเรายังขุ่นมัว หรือ แรงไปด้วยอัตตา แม้ความคิดที่จะเมตตาต่อตนเองก็อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ การฝึกกำลังสติและปํญญาให้มีความละเอียด อ่อนโยน และ มีเมตตานั้น นอกจากจะสร้างให้เป็นผู้ที่มีเสน่ห์ และเอาตัวรอดจากภัยภายนอกที่บีบคั้นคุกคามแล้ว ภัยภายในไม่ว่าจะเป็นความกลัดกลุ้ม วิตกกังวล หรือ ตึงเครียดก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายหรือเบียดบังการไปสู่จุดหมายแห่งการพัฒนาตนเอง

พี่สาวของกะปุ๋ม (saengia)

สุดยอดความเห็นเลยคะ...เมื่อสองสามเดือนก่อนกะปุ๋มไปเจอหนังสือของอาจารย์วางแผงอยู่...ดีใจมาก...เพราะทางคงออกมาจากการไปปฏิบัติธรรม...หรือว่าอย่างไรไม่แน่ใจแต่นั่นหมายถึงท่านไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอก...แล้ว...หนังสือที่ท่านเขียนขึ้นมาเป็นจิตวิทยาที่อ่านเข้าใจงาน...แต่แฝงความรู้ไว้เยอะมากและคะในแนวทางกระบวนการช่วยเหลือทางด้านจิตใจของเพื่อน "มนุษย์"

ความเห็นของพี่ saengia นี้ทำให้กะปุ๋ม Think แว๊ป...ต่อและเป็นเชื่อมโยงของเรื่อง meta communicatiom กับเรื่อง "ความรัก" ตามแนวพุทธ...เดี๋ยวจะบันทึกความคิดไว้...

ขอบคุณมากนะคะ

กะปุ๋ม

ดิฉันมีลูกสาวอายุ 9 ปี 10 เดือน เรียนอยู่ชั้น ป.4  ในตอนนี้น้องเริ่มเป็นสาวนมเริ่มตั้งเต้า แต่อาการบางอย่างมันมาพร้อมกันการเริ่มเป็นสาวของลูก  จากเด็กที่พูดเก่ง ตอนนี้ไม่ค่อยพูดถามคำตอบคำและชอบแยกตัวอยู่คนเดียวจะฟัง MP3,เล่นCom. หรือเขียนหรืออ่านหนังสือตามลำพัง  และจะมีโลกส่วนตัวมาก ๆ จนเห็นได้ชัดเมื่อคุณคูรสอนเปียนโนบอกว่าน้องในตอนนี้ไม่พูดกับครูเลยตลอดเวลา 1 ชม. ในการเรียนเปียนโนถามคำตอบคำ  ผิดกับตอนแรกๆที่ได้เข้าสอนน้องเมื่อปีก่อน ไม่ว่าจะยิงมุกขนาดไหนก็ไม่รับมุก  ขนาดเพื่อนบ้านตรงกันข้ามเมื่อก่อนตัวติดกันเหมือนปาท่องโก้  แต่อยู่มากับตัดสัมพันธ์กันอย่างไม่มีเหตุผลอันใด ได้สอบถามทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ทะเลาะกันเลย  แต่เป็นที่อารมณ์ของลูกสาวเองที่ไม่อย่างคุยหรือเล่นด้วยขึ้นมาเฉยๆ  ตามว่าทำไมไม่เห็นไปเล่นกับเพื่อนเลย ตอบว่าไม่อยากเล่นและไม่ได้ทะเลาะกันด้วย  ดิฉันบอกให้ลูกหาเหตุผลที่ไม่อยากคบเพื่อนคนนี้ (ซึ่งเป็นเด็กนิสัยดีและเรียบร้อย) มาเป็นข้อ ๆ ให้แม่ฟังหน่อย  ลูกสาวก็ตอบออกมาไม่ได้ บางครั้งพูดกันเรื่องนี้มากๆ เข้าก็จะไม่พอใจ  ณ ตอนนี้พูดด้วยก็ไม่ค่อยสบสายตา พูดกับลูกกว่าจะเข้าไปถึงสมองต้องพูดเป็นครั้งที่ 3-4 ไม่ว่าพ่อคุยหรือแม่คุยจะหรือคนอื่นจะเป็นอย่างนี้เสมอ  เรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นครอบครัวที่อบอุ่นไม่ขาดสิ่งใดเลยมีครบทุกสิ่งทุกอย่าง มีพ่อแม่และน้องอีกสองคน (เป็นลูกคนโต) ในบ้านหลังเดียว พ่อแม่ไม่เคยทะเลาะกันเลยไปรับไปส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน ที่โรงเรียนก็เป็นโรงเรียนที่มีสังคมดีและเป็นโรงเรียนที่ดีไว้ใจให้ดูแลลูกเราได้เพราะเจ้าของโรงเรียนเพื่อนๆ กัน 

สุดท้ายนี้ขอให้คุณหมอช่วยวิเคราะห์ว่าลูกสาวของดิฉันนี้ป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า(กลุ่มใจมาก ๆ)

ขอบพระคุณค่ะ

คิดเชิงบวกคิดยากฝึกยาก..ถ้าใจเตรียมใจจะฝึกไม่ยากอย่างที่คิด เริ่มพูดแต่ความจริง อิงเที่ยงธรรม นำไมตรีและดีต่อทุกฝ่าย...ขออนุโมทนาสนับสนุนครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท