สรุป ทฤษฎีและวิธีการวิจัยทางการบริหารจัดการการศึกษาขั้นสูง
บทเรียนที่ 1
1.
การวิจัย
เป็นกระบวนการแสวงหาความรู้ใหม่
ที่ใช้กระบวนการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์โดยใช้วิธีการอนุมานและอุปมาน
ประกอบให้เกิดการแสวงหาความรู้จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้เป็นระบบ
จนสามารถทำให้เกิดเป็นความรู้ใหม่และทฤษฎีใหม่
ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่น่าเชื่อถือได้ แม่นยำ
สอดคล้องกับความเป็นจริง
2.
ลักษณะของงานวิจัย พอสรุปได้
- มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน
- ตั้งเป็นสมมติฐาน เพื่อแสวงหาคำตอบ
- มีแนวคิดทฤษฎีเพื่อความเที่ยงตรงถูกต้องและความน่าเชื่อถือ
- มีการบันทึกและรายงานเพื่อสื่อสารและสร้างสรรค์ความก้าวหน้าทางวิชาการ
- ต้องใช้ความอดทน ใช้ความเพียรพยายามสูงในการออกแบบ เก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ผลและเขียนรายงานผลการวิจัยจนสำเร็จ
3.
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สังคมแตกต่างกันดังนี้
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ |
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์สังคม |
|
1. เป็นการวิจัยทางสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ 2. เป็นการวิจัยทางพฤติกรรมของมนุษย์ 3. เป็นการวิจัยทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม |
4.ประโยชน์ของการวิจัยในประเด็นดังนี้
การพรรณนา |
การอธิบาย |
การคาดคะเน |
1.เป็นการพรรณนาให้รู้ความเป็นจริงของธรรมชาติ คุณลักษณะ ส่วนประกอบ ทำให้มองเห็นเป็นรูปธรรมได้อย่างเข้าใจเป็นลำดับขั้นตอน 2.ได้รายละเอียดการดำเนินงาน |
1.เป็นการบอกถึงความสัมพันธ์หรือปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เป็นเหตุเป็นผลอย่างเข้าใจ 2.รู้เหตุรู้ผลที่มีความสัมพันธ์กัน |
เป็นการควบคุมผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโดยการจัดปัจจัยเป็นสาเหตุให้เหมาะสม |
5. วิธีการวิจัยเกี่ยวข้องกับการอนุมาน การอุปมาน วิธีวิทยาศาสตร์อย่างไร
การอนุมาน |
การอุปมาน |
วิธีวิทยาศาสตร์ |
อนุมานเป็นตัวสมมุติฐานของการวิจัย ที่มีวิธีการหาเหตุผล หาข้อสรุปให้เกิดความน่าเชื่อถือ |
เป็นการแสวงหาความรู้เชิงประจักษ์ที่ต้องได้ข้อมูลย่อยจากการอนุมาน ซึ่งจะได้ 2 แบบ คือ - อุปมานแบบสมบูรณ์ได้ข้อมูลย่อยครบ - อุปมานไม่สมบูรณ์ได้ข้อมูลย่อยบางหน่วยแล้วนำมาสรุป |
เป็นการแสวงหาความรู้ที่ต้องอาศัยการอนุมานและอุปมาน ประกอบกันให้เกิดการแสวงหาความรู้จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้เป็นระบบ จนสามารถทำให้เกิดความรู้ใหม่และทฤษฎีใหม่ๆอย่างกว้างขวาง |
บทปฏิบัติการที่ 1 การสังเคราะห์ความรู้
คำตอบ
การวิจัย |
มุ่งเน้นศึกษาเรื่อง |
วิธีการศึกษาทีใช้ |
เป้าหมายการศึกษา |
ทางวิทยาศาสตร์ |
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ |
ใช้วิธีการอนุมานและวิธีการอุปมาน |
ได้ความรู้ถูกต้องและเกิดความน่าเชื่อถือ |
ทางสังคมศาสตร์ |
มุ่งเน้นศึกษาทางด้านพฤติกรรม ความรู้และด้านวัฒนธรรม |
ใช้วิธีการศึกษาเชิงปฏิบัติการ |
เกิดการมีส่วนร่วม |
คำตอบ
การวิจัย |
วิธีธรรมชาติ |
วิธีตรรกะ |
วิธีวิทยาศาสตร์ |
วิธีการวิจัย |
ลักษณะสำคัญ |
เป็นไปตามธรรมชาติไม่มีระบบ |
มีระบบ |
เป็นระบบ |
เกิดความน่าเชื่อถือและความถูกต้อง |
ขั้นตอนและวิธีการ |
|
ค้นหาโดยวิธีอนุมานด้วยวิธีการหาเหตุผลจากข้อเท็จจริงใหญ่และย่อย3 |
ใช้วิธีอนุมานแลอุปมานประกอบกันซึ่งประกอบด้วย5 ขั้นตอนคือ 1)ขั้นรู้สึกว่าเป็นปัญหา |
มี 7 ขั้นตอนคือ 1.กำหนดปัญหา 2.สำรวจทฤษฎีเอกสารและงานวิจัยที่ |
การวิจัย |
วิธีธรรมชาติ |
วิธีตรรกะ |
วิธีวิทยาศาสตร์ |
วิธีการวิจัย |
ขั้นตอนและวิธีการ |
|
ประการ คือ 1) เก็บรวบรวมข้อมูล 2)วิเคราะห์ข้อมูล 3)สรุปผล 2.วิธีอุปมานโดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ |
2)ขั้นตรวจสอบความถูกต้องและเหตุผลของแต่ละสมมุติฐาน 3)ขั้นทดสอบ 4)สมมุติฐาน 5)สรุปผล |
เกี่ยวข้อง 3.เสนอสมมุติฐานการวิจัย 4.เก็บรวบรวมข้อมูล 5.วิเคราะห์ข้อมูล 6.ทดสอบสมมุติฐาน 7.เขียนรายงานการวิจัย |
ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน |
เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นที่หลากหลาย |
หาเหตุผลประกอบเพื่อสร้างความรู้ใหม่ |
ใช้อนุมานและอุปมานประกอบ |
ใช้วิธีการหาแบบวิทยาศาสตร์ |
แนวคิดที่เกี่ยวกับการวิจัย |
เป็นวิถีชีวิต การดำรงชีวิตกับสิ่งแวดล้อม |
อาจจะสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ก็ได้ |
เป็นวิธีการแสวงหาความรู้ใหม่ |
มีทั้งปริมาณและคุณภาพ |
บทเรียนที่ 2
ปรัชญาบริสุทธิ์ |
ปรัชญาวิทยาศาสตร์ |
|
1. ความรู้ได้มาจากกการสังเกตและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงประจักษ์ 2. ความรู้ที่ได้ต้องเป็นรูปธรรมเฉพาะ 3. ไม่เป็นสากล 4. การแสวงหาความรู้แบบอุปมาน |
ตอบ แนวคิดของลัทธิสังคมปฏิฐาน(Positivism) เป็นการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมโดยใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์
4.คำว่า วิธีทางวิทยาศาสตร์คืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ วิธีทางวิทยาศาสตร์คือการแสวงหาความรู้ที่ต้องอาศัยการอนุมานและอุปมาน ประกอบกันให้เกิดการแสวงหาความรู้จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้เป็นระบบ จนสามารถทำให้เกิดความรู้ใหม่และทฤษฎีใหม่ๆอย่างกว้างขวาง มี 5 ขั้นตอนคือ 1)ขั้นกำหนดปัญหา 2)ขั้นตตั้งสมมุติฐาน 3)ขั้นรวบรวมข้อมูล 4)ทดสอบสมมุติฐาน 5)สรุปผล
5.คำว่า วิธีวิทยาการวิจัย คืออะไร เกี่ยวข้องกับการวิจัยอย่างไร
ตอบ วิธีวิทยาการวิจัย คือ การศึกษาวิเคราะห์ กระบวนการที่นักวิจัยนำมาใช้ในการบรรยาย อธิบายหรือทำนายปรากฏการณ์อย่างเป็นระบบตามหลักทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนเทคนิคที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ เกี่ยวข้องกับการวิจัยเพราะเป็นส่วนที่นำมาใช้อธิบาย ทำนายปรากฏการณ์อย่างเป็นระบบ สามารถนำมาออกแบบการวิจัยได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง
บทปฏิบัติการที่ 2 การสังเคราะห์ความรู้
ข้อ1. พัฒนาการของ แนวคิดทางการวิจัย 4 ยุคสมัยมุ่งศึกษาในเรื่องใด กลุ่มนักคิดสำคัญของแต่ละยุคสมัยคืออะไร วิธีการศึกษาที่ใช้วิจัยคืออะไร
คำตอบ
การวิจัย |
ยุคปรัชญาบริสุทธิ์ |
ยุคปรัชญาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ |
ยุคปรัชญาสังคมศาสตร์ |
ยุคปรัชญา มนุษย์ศาสตร์ |
สิ่งที่ศึกษา
|
ความเป็นไปที่เป็นความจริง เป็นชีวิต ธรรมชาติ พฤติกรรม จักรวาล โลก |
ปรากฏการณ์ในธรรมชาติ
|
สภาพความเป็นอยู่และพฤติกรรมมนุษย์ |
ความเชื่อและค่านิยมของมนุษย์
|
กลุ่มนักคิดที่สำคัญ |
พลาโต,อริสโตเติ้ล |
เบคอน,นิวตัน,John lock,Kant |
ออกัสตุส ดองเต้,จอห์น สจวต มิลล์ |
Edmund Husserl,Herbert Spence,Emile Durkheim |
วิธีการศึกษาที่มุ่งเน้น |
ใช้ตรรกะคณิตศาสตร์ การอนุมาน +อุปมาน |
Induction + Deductionโดยใช้ฐานปรัชญาบริสุทธิ์เกี่ยวกับวิธีเชิงตรรกะ |
สังคมความเป็นอยู่และพฤติกรรมของมนุษย์ |
เน้นกระบวนการตีความและให้ความหมายแก่ปรากฏการณ์ที่ศึกษา |
ข้อ 2. วิธีวิจัยวิทยาศาสตร์มีข้อตกลงเกี่ยวกับธรรมชาติในแต่ละเรื่องอย่างไร
คำตอบ
วิธีวิทยาศาสตร์ |
ข้อตกลงเกี่ยวกับความจริงของธรรมชาติ |
ข้อตกลงเกี่ยวกับแบบแผนของธรรมชาติ |
ข้อตกลงเกี่ยวกับกระบวนการทางจิตวิทยา |
1. |
เป็นการค้นหาความจริงที่มีอยู่แล้ว |
Kind ของธรรมชาติ |
Rerealbility การรับรู้ |
2. |
|
Constencyของธรรมชาติ |
Rerealbility การจำ |
3. |
|
Deteminismของธรรมชาติ |
Rerealbility การใช้เหตุผล |
ข้อ 3. วิทยาการเรื่องการวิจัยมีกรอบความคิดในแต่ละระดับอย่างไร
แนวคิดทฤษฎีการวิจัย |
กระบวนทัศน์การวิจัย |
ระเบียบวิธีการวิจัย |
กระบวนการวิจัย |
วิธีการวิจัย |
1.ทฤษฎีปฏิฐานนิยม |
ใช้วิธีวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัด |
ตามแนววิทยาศาสตร์ |
ที่อาศัยวิธีทางสถิติมาวิเคราะห์ข้อมูล |
ใช้วิธีวิทยาศาสตร์ |
2.ทฤษฎีปรากฏการณ์นิยม |
ใช้การตีความตามบริบทของสิ่งที่ศึกษาอย่างลึกซึ้ง |
ตามแนวมนุษย์ศาสตร์ |
มุ่งศึกษาข้อมูลที่เป็นคุณลักษณะที่หลากหลายและลึกซึ้ง |
ใช้วิธีการตีความ |
3. ทฤษฎีสังคมเชิงวิพากษ์ |
ภายใต้แนวคิดทฤษฎีปฏิบัติการทางสังคมนิยม |
ตามแนวสังคมศาสตร์ |
ใช้วิทยาศาสตร์บางส่วนและข้อมูลจากการมีส่วนร่วม |
ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมระหว่างผู้วิจัยกับผู้ถูกวิจัย |
บทเรียนที่ 3
ตอบ วิธีวิทยาศาสตร์เป็นการค้นหาความจริงจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ขึ้นอยู่กับชนิด ข้อกำหนด ความคงเส้นคงว โดยผ่านกระบวนการรับรู้ การจำ การใช้เหตุผล ส่วนวิธีวิจัย เป็นการนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎี/แนวคิดโดยใช้กระบวนการเชิงปริมาณและคุณภาพ
2.ความ เกี่ยวข้อง“ทฤษฎี”กับการอนุมานและอุปมาน
ตอบ ทฤษฎีเกี่ยวข้องกับการนอนุมานและอุปมาน กล่าวคือ ทฤษฎีเป็นข้อสรุปที่มีความเชื่อมั่นและสามารถนำมาอนุมานหาคำตอบและนำมาตั้งเป็นสมมุติฐานการวิจัยครั้งนั้นได้ ส่วนอุปมานเป็นวิธีเพื่อเสนอสมมุติฐานและเพื่อนำมาใช้ลงสรุป
3.ความ เหมือนความต่างกันของ “ทฤษฎี”กับ “สมมุติฐาน”
ตอบ “ทฤษฎี”กับ “สมมุติฐาน”เหมือนกัน กล่าวคือ เป็นการอนุมานเพื่อใช้ในการหาคำตอบการวิจัยเป็นกรอบแนวคิดที่เชื่อมโยงแนวคิดเข้าด้วยกันอย่างสมเหตุสมผล แต่ต่างกันคือ ทฤษฎีเป็นสมมุติฐานที่ได้รับการตรวจสอบและทดลองจนสามารถอธิบายข้อเท็จจริง สามารถคาดคะเนทำนายเหตุการณ์
ทั่ว ๆไปได้ถูกต้องเป็นเหตุเป็นผล จนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป แต่สมมุติฐานมาจากการอนุมานของทฤษฎีเพื่อใช้เป็นคำตอบของปัญหางานวิจัย สมมุติฐานจะน่าเชื่อถือต้องมี ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องมารองรับเพื่อเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือของการคาดคะเนคำตอบซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่ก็ได้
4.ความหมายการนิยามปฏิบัติการ(Operation)และการนำมาใช้ในการวิจัย
ตอบ นิยามปฏิบัติการ(Operation)คือ ขั้นตอนการนำเสนอวิธีการวัดข้อมูลเชิงประจักษ์ของตัวแปรภายใต้สมมติฐานการวิจัยที่ต้องการทดสอบ นำมาใช้ในการวิจัยเพื่อนำสมมุติฐานไปตรวจสอบกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สามารถสังเกต วัดและประเมินได้อย่างเป็นปรนัย
5.ความหมายการให้ค่าคะแนน(Scoring) และการนำมาใช้ในการวิจัย
ตอบ การให้ค่าคะแนน(Scoring) คือคำตอบที่แปลออกเป็นค่าตัวเลขที่สามารถนำมาใช้ประมวลผล
ได้นำมาใช้ในการนำมาคำนวณหาค่าสถิติที่จะนำไปใช้ทดสอบและตัดสินใจเกี่ยวกับสมมุติฐาน
สรุปการสังเคราะห์ความรู้ในบทปฏิบัติการที่ 3 ดังนี้
ข้อ 1
ระเบียบวิธีวิจัยทั้งสามแนวทางเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ
ระเบียบวิธีวิจัยทั้งสามแนวทางเหมือนกันคือ
เป็นภาระกิจของมนุษย์ในการแสวงหาความรู้และเป็นการทำความเข้าใจระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
แต่แตกต่างกันที่ระดับวิธีวิจัยหลักกับขั้นตอนการวิจัย
ข้อ2
ระเบียบวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางสังคมศาสตร์เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ
ระเบียบวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางสังคมศาสตร์เหมือนกันคือ
ทางวิทยาศาสตร์เป็นแนวทางหลักให้กับศาสตร์สาขาอื่น ๆ
และระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ก็ได้นำระเบียบวิธีวิจัยหลักทางวิทยาศาสตร์แบบ
Deductive – inductive approach ประกอบ
แต่แตกต่างกันที่ระเบียบวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นการวิจัยที่แสวงหาความรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหลาย
เป็นการวิจัยสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต
ส่วนระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์เป็นการวิจัยทางพฤติกรรมวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของมนุษย์
ซึ่งจะต้องเพิ่มขั้นตอนนิยามปฎิบัติการและการสร้างเครื่องมือกับขั้นตอนการให้ค่าคะแนนและการวัดเพื่อเชื่อมโยงสมมุติฐานการวิจัยกับการวัดค่าตัวแปรเข้าด้วยกัน
ข้อ 3 วิธีอนุมานกับวิธีอุปมานเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ วิธีอนุมาน
เป็นวิธีการแสวงหาความรู้ใหม่อาจจะอนุมานทางตรงคือใช้ความสัมพันธ์ระหว่างญัตติหรือประโยคตรรกะหรือทางอ้อมก็ได้โดยใช้ตรรกะ
สร้างความสัมพันธ์ของสิ่งของสองสิ่งโดยใช้สิ่งที่สามเป็นตัวกลางด้วยหลักเหตุผลเท่านั้น
ในการวิจัยนักวิจัยจะอนุมานสมมุติฐานการวิจัยจากทฤษฎีที่มีอยู่ก่อนแล้วและสมมุติฐานเป็นคำตอบของการวิจัยที่อนุมานมาจากทฤษฎีแต่ยังไม่สรุปเป็นคำตอบ
วิธีอุปมาน
เป็นกระบวนการการให้เหตุผลที่เนื้อความของผลการสรุปต้องกว้างเกินกว่าเนื้อความเหตุ
และอุปมานต้องตัดสินใจว่าสมมุติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้สามารถยอมรับได้หรือไม่ในทางสถิติ
ดังนั้นสรุปได้ว่า ทั้งสองวิธีเหมือนกัน คือ หาคำตอบสมมุติฐานให้กับการวิจัย โดยให้วิธีอนุมานเป็นวิธีการหาเหตุผลเพื่อหาข้อสรุปให้เกิดความน่าเชื่อถือ และวิธีอุปมานเป็นการแสวงหาความรู้เชิงประจักษ์ที่ต้องได้ข้อมูลย่อยจากการอนุมาน ซึ่งจะได้ 2 แบบ คืออุปมานแบบสมบูรณ์ได้ข้อมูลย่อยครบและอุปมานไม่สมบูรณ์ได้ข้อมูลย่อยบางหน่วยแล้วนำมาสรุป
ไม่มีความเห็น