การรักษา
แนวทางการรักษาโรคนิ้วล็อก จะขึ้นอยู่กับระยะอาการที่เป็น นั่นคือ
หากเป็นในระยะแรกก็สามารถรักษาได้ด้วยการพักมือ แช่น้ำอุ่น ทานยา
หากเป็นระยะที่ 2 ก็ให้ทานยาแก้อักเสบ การรักษากายภาพบำบัด การฉีดยา
ระยะที่ 3 คือการฉีดยา Steroid เข้าปลอกหุ้มเอ็น กับการผ่าตัด
และหากเป็นระยะสุดท้ายจึงจะเป็นการผ่าตัดปลดนิ้วล็อก
สำหรับการการผ่าตัดจะมี 2 วิธีคือการผ่าตัดเปิดแผลเพื่อ
ตัดเซาะเอ็นกับพังผืดที่รัดปลอกหุ้มเอ็นออก มีการเย็บแผลและตัดไหม
ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบเดิมที่จะต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์
กับทางเลือกใหม่ที่คิดค้นขึ้นโดยนายแพทย์วิชัย วิจิตรพรกุล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน คือการเจาะรูตัดทางผิวหนังด้วยเครื่องมือพิเศษ
ดัตแปลงจากเครื่องมือทันตกรรม พัฒนาต่อเนื่องมา5-6ปี
ที่มีผู้ป่วยนิ้วล็อกให้ความสนใจทยอยกันเข้ารับการผ่าตัดแล้วกว่าห้าพันคน
การผ่าตัดเจาะรูผ่านผิวหนัง
การปลดล็อกโรคนิ้วล็อกในแบบใหม่นี้ จะเป็นการผ่าตัดแบบเจาะรู ผ่านผิวหนัง
ซึ่งมีความสะดากและปลอดภัย ชนิดที่ต่อให้ไม่ได้อยู่ในห้องผ่าตัด
ก็ยังคงความเป็นกระบวนการที่ปราศจากเชื้อโรค เพราะหลังการทายาฆ่าเชื้อด้วย
Betadin และ อัลกอฮอลล์บริเวณที่เจาะผ่าแล้ว แพทย์จะฉีดยาชา
จากนั้นก็จะใช้เครื่องมือ Carver หรือ Blade Probe
ของทันตแทพย์ดัดแปลงที่ผ่านการฆ่าเชื้อเหมือนเครื่องมือผ่าตัดทั่วไป
เจาะผ่านผิวหนังบริเวณฐานนิ้วที่มีอาการล็อก
โดยจะเจาะลงไปถึงเข็มขัดรัดเส้นเอ็นที่ 1 หรือ A1 - Pully
แล้วตัดปลอกเข็มขัด
หรือ ล็อกที่เสื่อมชำรุดแข็งตัวนั้น
ให้แยกออกเพื่อให้เส้นเอ็นของนิ้วที่ล็อกสามารถวิ่งผ่านได้อีกครั้งหนึ่ง
หลังการผ่าตัดจะมีแผลรูเจาะเพียง 1 มม. เท่านั้น โดยไม่มีเลือดออก
ทำให้ลดอาการเจ็บ บวม ปราศจาก แผลเป็น
ไม่ต้องตัดไหม แผลก็จะหายเร็ว กำมือ แบมือได้ทันที
สามารถกลับไปทำงานได้ในวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด
ทั้งไม่ต้องกลัวว่าแผลจะแยก ใช้เวลาเพียง 2-3 วัน แผลก็จะหาย
ประยุกต์เครื่องมือ
จุดเด่นของการผ่าตัดแบบเจาะรูผ่านผิวหนัง ก็คือการประยุกต์ใช้เครื่องมือ
Blade Probe ของทันตแพทย์ มากลึงลับปลาย Carver ให้ปลายมี 2
รูปทรงคล้ายกับมีดพร้าเล็กๆ ขนาดปลาย 0.5 มม.
เพื่อความสะดวกในการเจาะลงไปตัดเข็มขัดรัดเส้นเอ็น การลับเครื่องมือ
ก็สามารถทำเองได้โดยประยุกต์เครื่องสว่านไฟฟ้ามาดัดแปลง
ใส่หัวขัดกระดาษทราย เพื่อลับปลายเครื่องมือ Blade Probe ให้ได้รูปทรงที่ต้องการ
สุดท้ายคือการทดลองกรีดลงบนผืนผ้า เพื่อทดสอบความคม
แต่เดิมในต่างประเทศ การเจาะรักษาจะใช้เข็มเบอร์ 18 ลงไปเจาะตัด
แต่ด้วยลักษณะของเข็มก็ทำให้สามารถตัดในแนวตรงได้เพียงอย่างเดียว
ไม่มีความเหมาะสมในการตัดปลอกเอ็น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เข็มขัดรัดเส้นเอ็น
และ ปลอกเอ็นแข็งตัวเป็นพังผืดหนา และปลายเข็มแหลมคมเกินไปอาจไป
ทำลายเส้นเอ็นได้ Blade Probe จึงมีความเหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า
เพราะทำด้วยวัสดุแข็งแรงและมีด้ามจับถนัดมือ ทั้งทำด้วยสแตนเลสจึงไม่เป็นสนิม
เหมือนอุปกรณ์ผ่าตัดชนิดอื่นๆ การใช้งานในช่วงแรกจึงเป็นการประยุกต์ใช้เครื่องมือ
ที่ชำรุดแล้ว มาลับปลายที่หักให้มีความคม จากนั้นก็มีการปรับปรุงรูปแบบเป็นระยะจนมา
ถึงในปัจจุบัน ที่เป็นการนำ Blade Probe ใหม่มาลับปลาย โดยจะแบ่งปลายเป็น 2 แบบคือ
ชนิดที่ใช้กับนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นางก้อย กับชนิดที่ใช้สำหรับอาการล็อกที่นิ้วหัวแม่มือ
เนื่องจากนิ้วหัวแม่มีมือมีตำแหน่ง ล็อกอยู่หน้า interphalangeal joint และเข็มขัดที่จะตัด
อยู่ใกล้เส้นประสาทของนิ้วโป้ง จึงต้องใช้เครื่องมือชนิดที่มีความคม อยู่ด้านข้างคุณลักษณะ
สำคัญของการประยุกต์เครื่องมือในครั้งนี้ก็คือ การทำให้มีความคมแบบแหลมเฉียง
จึงสามารถตัดปลอกหุ้มเอ็นได้โดยที่ไม่ต้องใช้มือลาก เพียงแค่หมุนข้อมือเล็กน้อยเท่านั้น
เพื่อป้องกันไม่ให้เวลาตัดแล้วหลุดมือ จนกลายเป็นอันตรายต่อเส้นประสาทที่อยู่ใกล้
<ภาพเครื่องมือ>
ยังมีข้อวิจารณ์ว่าการผ่าตัดแบบเจาะรูเป็นการผ่าตัดแบบ “ตาบอด” หรือ blind
technique เพราะเป็นการผ่าตัดที่มองไม่เห็น ใช้ความชำนาญสอดปลายเครื่องมือเข้าไปสัมผัสคลำและตัดเข็มขัดรัดเส้นเอ็น และบางครั้งต้องตัดปลอกหุ้มเอ็น แล้วแต่ความรุนแรของคนไข้แต่ละราย ซึ่งนายแพทย์วิชัย ยืนยันว่าไม่ใช่ blind technique เพราะเส้นเอ็นกับปลอกเอ็นนั้นมีความแตกต่างกัน โดยเส้นเอ็นจะมีลักษณะลื่น ส่วนปลอกเอ็นจะฝืดคล้ายการกรีดมีดบนผ้า ทำให้สามารถคลำแยกความแตกต่างได้ว่าควรตัดหรือไม่นอกจากนี้ ตามโครงสร้างทางกายวิภาคนิ้วมือแนวแกนกลางของนิ้วต่อมาถึงฐานนิ้วจะมีเพียงเส้นเอ็นที่ห่อด้วยปลอกเอ็นและเข็มขัดรัดเส้นเอ็นการผ่าตัดด้วยการเจาะรูผ่านผิวหนังโดย Blade Probe จึงมีความปลอดภัย แต่แพทย์ที่จะใช้วิธีนี้ควรได้รับการฝึกจนมีความแม่นยำและทราบว่าควรตัดตำแหน่งใด มากน้อยเพียงใด จึงจะหายล็อก เสมือนการตัดเสื้อไม่หลวมเกินไป หรือฝิตเกินไป นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ วัฒนา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดมือ ประธานมูลนิธิโรคข้อในพระราชอุปถัมภ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ได้นำเทคนิคนี้ไปใช้ได้ผลดี และเชื่อมั่นว่าจะเป็นเทคนิคมาตราฐานสำหรับการรักษาโรคนิ้วล็อกในอนาคต และจัดโครงการนิ้วล็อกสัญจรช่วยรักษานิ้วล็อกให้กับคนไทยในจังหวัดต่างๆเช่น จันทบุรี สุรินทร์ สมุทรสาครเพชรบุรี สระบุรี นครสวรรค์ เป็นต้น และถ่ายทอดเทคนิคการผ่าตัดแบบเจาะให้กับแพทย์ในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งช่วยให้ผู้คนจำนวนมากพ้นจากความเจ็บปวดทรมานจากอาการนิ้วล็อก
ข้อมูลเนื้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนิ้วล็อก การป้องกัน การรักษา ศึกษาได้ในweb sites
1. www.trigger-finger.net 2. www.lockfinger.com
โรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูงและเก๊าท์ ไปรับการผ่าตัดต้อเนื้อ หมอให้ยามารับประทานนาน 3 เดือน เกิดอาการ
-หน้าบวมเป็นวงพระจันทร์(คล้ายคนอ้วน)
-ผิวแห้งแตกลาย
-เกิดอาการนิ้วล๊อค
เมื่อหยุดยา(โยนทิ้งทันที) เกิดอาการ
-หน้าบวมลดลงมาก
-อาการนิ้วล๊อกหายไป
-มือ-เท้าบวม เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ ไปพบแพทย์และผลตรวจเลือด เพื่อหาสาเหตุ ตับ ไต ให้ค่าปกติ ปัสสาวะ ปกติ เอ็กเรย์ปอด หัวใจ ปกติ
ขอเรียนถามคุณหมอว่า อาการทั้งหมดนี้เกิดจากการได้รับ Steriod ใช่ไหม และหากใช่ จะรักษาอย่างไร
ขอบคุณครับ