ผมออกจากโรงแรมในจังหวัดหนองคาย ขึ้นรถออกจากตัวเมือง เพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ผมเห็นธงชาติของสองประเทศปลิวสะบัดไสวตามแรงลม ตามแนวสะพาน
มองเบื้องล่างเห็นสายน้ำโขงที่เหยียดยาวขดเคี้ยวเหมือนงูตัวยาว ๆ ท่ามกลางแมกไม้ ในฤดูที่ร้อนมาก
สะพานมิตรภาพไทย – ลาว ตามจริงต้องเพิ่มประเทศออสเตรเลียด้วยนะ …เพราะเป็นประเทศที่ให้ทุนในการสร้าง
แต่เวลาเรียกเราเรียกกันเฉพาะสองประเทศ คงเป็นเพราะเป็นประเทศที่เชื่อมกันกับพื้นที่
ผู้คนที่นี้บอกว่า เราสามารถเดินทางด้วยรถไฟด้วย จากหนองคายไปถึงบ้านนาแล้งของประเทศลาว
วันหนึ่งมีรถไฟไป-กลับ สองเที่ยว....และนับว่า เป็นพาหนะหนึ่งในการเชื่อมโยงเชื่อมพื้นที่ของสองประเทศ
ผู้คนเล่าอีกว่า อนาคตจะมีรถไฟฟ้าความเร็วสูง มาจากประเทศจีนเลย
อากาศร้อน เพราะแดดเริ่มออกตัวเร็วมากในวันนี้
ผมมองเห็นน้ำโขงที่เริ่มเหือดแห้งมาก จนเห็นพื้นที่ที่เป็นชายหาดมากขึ้น...มองเห็นก้อนหินเรียงรายรอบ ๆ ขอบน้ำ
ผมนั่งรถมาเรื่อย ๆ จนมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง
ก่อนถึงแปดโมงเช้าผมก็มาถึงด่านแล้ว พบผู้คนมากมายที่กำลังเข้า-ออก ประเทศลาว
ขาเข้า ผมสังเกตว่า ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ฝรั่ง และญี่ปุ่น
ขาออก ผมมองเห็นคนลาวที่มารอ คงจะมาทำธุระที่เมืองไทย หรือผู้หญิงลาวที่มีความงดงาม และสมส่วนในการนุ่งผู้ถุง (ผ้าซิ่น) เป็นความงดงามที่ผู้คนทั่วโลก ที่ต้องการย้อนเวลา และโหยหาความเรียบง่ายเหล่านั้น
ผมว่านะว่า...เวลาในสมัยก่อนและสมัยปัจจุบันแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะเวลาแห่งความคิดถึง และการเดินทาง
คนสมัยก่อนเดินทางไปหากันด้วยความรักและความคิดถึง...สามารถเดินทางไปได้เลย โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง อยากไปไหนก็เดินทางไปเลย ถึงแม้จะล่าช้าหน่อยในการเดินทางด้วยพาหนะ แต่มันจะสำคัญอะไร ถ้าเราอยากไป เราไปได้เลย
แต่เวลาในการเดินทางในปัจจุบัน ...ผมสังเกตว่า เมื่อก่อนโลกเราเป็นพื้นที่เดียวผืนใหญ่...ไร้ดินแดน...ไร้รัฐ ...ไร้ประเทศ ผู้คนคงเดินทางได้อย่างเสรี และไม่มีกฎเกณฑ์ เช่นพวกเราต้องทำบัตรข้ามแดน หนังสือเดินทาง และวีซ่า
พื้นที่... เวลา....เป็นสิ่งสมมติสำหรับผม....แต่ความรัก และความดีงาม เป็นสิ่งที่เป็นจริงสำหรับผม
หรือผมคิดผิดทั้งสองอย่างก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้...
ผมมองเวลาบนหน้าจอมือถือ ซึ่งผมกำลังจะปิดมือในการข้ามไปประเทศหนึ่ง เพื่อคนที่จะโทรศัพท์หาผมจะได้ไม่เสียค่าบริการมากปกติ ผู้คนที่นั่นเล่าว่า นาทีละ 30 บาท
เวลาที่ผมมองครั้งสุดท้าย คือเวลา 7.53 นาฬิกา เพื่อกำลังจะข้ามสู่นครหลวงเวียงจันทร์
ผมมองนาฬิกาของประเทศต่าง ๆ ...
New York = 9.52 Paris = 1.80 Seoul = 9.52
Bangkok = 05.60 Laos = 8.00 Vientiane = 7.55
เวลาที่ตรงกัน... แต่กลับมีเวลาที่แตกต่างกัน....
ผมพยายามเลือก...ชีวิตที่เดินช้าลง ...คงเหมือนนาฬิกาที่ไม่มีเข็มวินาที
และผมไม่สามารถย้อนอดีตได้...หรือโบยบินไปสู่เวลาอนาคต
ดังนั้น เวลา ณ ปัจจุบันสำคัญที่สุด ที่จะเดินทางไปเรียนรู้กับชีวิต...ชีวิตที่มีเวลาเหลือน้อยลงทุกที...ทุกที
หมายเหตุ: ผมขอขอบคุณ...คุณปริม...มากครับ กับแรงบันดาลใจในการเขียนบันทึกนี้ เพราะได้ชื่อเรื่องบันทึกจากข้อความคิดเห็นของคุณปริม บันทึกที่ (1) หลวงพระบาง
...ความรักและความดีงาม..เป็นสิ่งสำคัญต่อ(ทุก)ชีวิต..แม่นแท้..เจ้าค่ะ..คุณทิมดาบ..
l`สวัสดีค่ะ
ชอบข้อความนี้มากค่ะ กระตุกให้คิด.....
".......คนสมัยก่อนเดินทางไปหากันด้วยความรักและความคิดถึง...สามารถเดินทางไปได้เลย โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง อยากไปไหนก็เดินทางไปเลย ถึงแม้จะล่าช้าหน่อยในการเดินทางด้วยพาหนะ แต่มันจะสำคัญอะไร ถ้าเราอยากไป เราไปได้เลย....."
ขอบคุณค่ะ
แต่เวลาแห่งความสุขก็ยังหมุนไปตามเดิม ขอบคุณบันทึกที่งดงามนี้ค่ะ ;)