ไปอ่านบันทึกเรื่อง เลือกข้าง ไม่เลือกข้าง เป็นกลาง และเป็นธรรม ของ ดร.ประพนธ์ แล้วเกิดความเชื่อ ความคิดบางอย่างจึงเขียนต่อท้ายของบันทึกของท่านว่า .....
"... ถ้าคนเราพยายามถอนตนเสีย จากความ พอใจ และ ไม่พอใจ ในโลกได้ ก็จะทำให้สามารถมองเห็น คุณค่า บางอย่างในสิ่งที่เราเคยไม่พอใจ และเห็น ความไม่เข้าท่า บางอย่างในสิ่งที่เราเคยพอใจ แล้วในที่สุดก็มีโอกาสสูงในการสังเคราะห์ให้เกิดสิ่งที่ พอดี เป็นกลางๆ ไม่มาก ไม่น้อยได้ ... ผมคิดอย่างนี้ แต่ถ้าเห็นชัดหลังจากใช้ใจที่เป็นกลางตรวจสอบแล้ว ว่าฝ่ายหนึ่ง กำลังจะพาชาติลงเหวลึก ผมจะ ไม่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลางเป็นอันขาด จะต้องไปร่วมแรงกับฝ่ายที่จะช่วยยับยั้ง ขัดขวาง หรือต่อต้านโดยไม่ลังเลครับ.. "
เคยได้ยินบางคนเค้าบอกกับผมว่า
ลองเอาใส่ตาชั่งในใจดูก็น่าเป็นอย่างนั้น แต่อะไรที่มองผ่านไปได้ก็ควรให้มันผ่าน ไม่ควรเก็บใว้ให้เป็นพิษในใจครับ -_-"
ขอบคุณครับ คุณ หนุ่มปากน้ำโพ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ความเห็นน่าสนใจครับ วางเฉยเมื่อเลาอันสมควรก็ OK. แต่เมินเฉยนี่ ไม่น่าจะดีนะครับ.
เคยได้ยินมาว่า ในทางการเมืองไม่มีความเป็นกลาง แต่ถ้าจะมีก็มีแต่ "เป็นกลางข้างเรา หรือจะเป็นกลางฝ่ายเขา" จะแบ่งกันชัดเจน
ส่วนการพาชาติลงเหวนั้น ผมว่า ตอนนี้กำลังลงเหวที่มืดมิด ถ้าลงเหวแล้วยังไม่เจอก้นเหวไม่ดี แต่ถ้าเจอก้นเหวแล้วดีกว่าครับ....