๒๙๐.นานาทัศนะการปรับตัวพุทธศาสนา(เชิงรุก)สู่ประชาคมอาเซียน ๒.


   

    คุณอาภาภรณ์  นาควัชระ ประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา ได้กล่าวว่า

     ๑.ประเทศไทย น่าจะมีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนาที่เข้มแข็ง ซึ่งสามารถเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งอาเซียนได้ หากมองจากสัดส่วนที่ควรจะเป็น

     ๒.ได้มีโอกาสไปที่สิบสองปันนา ซึ่งใกล้ชิดกับเรามาก แต่ก้าวไปไกลกว่าเรามาก ซึ่งประเทศจีนมองพระพุทธศาสนาเป็นการแสดง คือนำพระพุทธศาสนาออกสู่เวทีการแสดงโชว์มากกว่า เช่น ไปแสดงคอนเสริตกลางแจ้ง ดังนั้นเราต้องสื่อให้รู้ว่านั้นเป็นพระภิกษุสามเณรนะ ไม่ใช่นักแสดง อย่าใช้ความน่ารักของสามเณรเล่นสงกรานต์ มาขาย ในนามของวัฒนธรรม

     ๓.ดีใจที่พระพุทธศาสนาตั้งท่าสู่อาเซียน กรมประชาสัมพันธ์ยินดีรับใช้ ตอนนี้ท่านอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ได้ปวารณาตัวเลยว่า ถ้ามีประเด็นเรื่องอาเซียนพร้อมจะไปเป็นวิทยากรให้ทุกหน่วยงาน องค์กร

     รศ.ดร.พัชรินทร์  อนันต์ศิริวัฒน์  อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า พระพุทธศาสนมีความพร้อมแค่ไหน? มีหลวงพี่(?) บอกว่าเป็นห่วงจำนวนพระภิกษุสามเณรมีน้อย แต่คิดว่า มากน้อยไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณภาพ

     มีคนมองว่าพระพุทธศาสนาเสื่อม แต่คนต่างหากที่เสื่อม เท่าที่ผ่านมาเจ้าอาวาส ควบคุมดูแล พระภิกษุสามเณรมากน้อยแค่ไหน? ทำไมต้องเกิดกรณีพระเกษม วัดสามแยก ขึ้น? คณะสงฆ์จะจัดการอย่างไร?

     หลายคนเปลี่ยนศาสนา เพราะนักบวชเขามีความรู้ พูดจากมีเหตุผล แต่พระของเราเป็นอย่างไร? ทุกวันนี้ มีคนที่รู้จักหลายคนบอกว่า ทำบุญเสร็จก็รีบกลับบ้าน ประเด็นก็คือทำไมไม่ยอมรับคำสอน พระนักเทศน์ ได้ผ่านการฝึกอบรมมาหรือไม่?

     กรณีศาสนวัตถุ เช่น วัดทับกระดาน ชาวบ้านไม่ไปกราบพระกันแล้ว แต่ไปไหว้รูปเหมือนพุ่มพวง บอกว่ายังทำให้มีความหวังกว่า,  กรณีจตุคาม พระก็เป็นผู้นำในการสร้างและนำเชื่อเสียเอง ไม่ต้องกล่าวถึงการกราบไหว้พระพิฆเณศและเจ้าแม่กาลีเลย  ก็เพราะพระบอกว่าทำบุญ ๆ ๆๆๆ ญาติโยมก็ทำบุญ ๆๆๆๆ จึงไม่แสวงหาปัญญาเลย

     ปัจจุบันมีสำนักสงฆ์เยอะมาก และมีแต่เรี่ยไร ๆ ๆ  ครั้งหนึ่งมีเพื่อนบ้านจะไปร้านเสริมสวย พระก็ตามไป สีกาไปเข้าร้านเสริมสวยนะ สิ่งเหล่านี้ใครดูแล? มีลูกศิษย์ที่เป็นพระรูปหนึ่งเวลาสอบ ทำเป็นห่มจีวร แต่ตามองดูข้อสอบเด็กข้าง ๆ ซึ่งบางครั้งก็รับไม่ได้ แต่เมื่อใกล้จบท่านนุ่งกางเกงยีนส์มาเลย บอกว่าจะไปเป็นผู้คุมประพฤติ จึงบอกว่าท่านคุมตัวเองให้ได้ก่อนดีไหม?

     หรือบางสำนักบอกว่าให้ทำบุญโดยให้นำกระปุกออมสินมาให้ ถ้าเต็มแล้วก็ให้ไปเปลี่ยน ซึ่งการไปรับเปลี่ยนแต่ละครั้งจะมีคะแนนให้ เมื่อได้คะแนนเท่านั้นเท่านี้จะได้ไปสวรรค์ชั้นนั้น-ชั้นนี้ เมื่อมีคนเขียนจดหมายมาถาม ท่านจะรีบตอบทันทีว่าเคยทำอย่างนั้น ๆ มาก่อน อวดอุตริมนุษย์ธรรมใช่หรือไม่?

     พระราชวิริยาภรณ์  เจ้าคณะจังหวัดพะเยา กล่าวว่า วันนี้ถูกพาดพิง แท้จริงแล้ว เราอยากได้คนดีเข้ามาบวช แต่เรามีกรรม ได้เคยคุยกับเจ้าคณะจังหวัดหลาย ๆ จังหวัด บอกว่าบางครั้งเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นก็แทบนอนไม่หลับ เพราะเราได้คนไม่ดีมาอยู่ด้วย

     ครั้งหนึ่งวัดหลวงพ่อทอง พระธาตุศรีจอมทองเชียงใหม่ ชีกับพระตีกัน มีคนไปฟ้องหลวงพ่อทอง ๆ พูดว่า ผมมันมีกรรมนะท่านเจ้าคุณ ได้คนไม่ดีมาอยู่ด้วย

     เมื่อเกิดเหตุขึ้น จะต้องมีหลักฐานพร้อม ถ้าไม่อย่างนั้น เราจะถูกฟ้องเสียเอง บางครั้งดีไม่ดีชาวบ้านจะยกพวกมาประท้วงเราอีกต่างหาก หาว่าเราไปแกล้งลูกหลานเขา

     พระกันทวี  ฐานุตฺตโร, ดร. มจร.พะเยา กล่าวว่า ในประเด็นนี้พระภิกษุสามเณรมีปัญหา หากมองในแง่ดี ก็จะพบว่าพระพุทธศาสนานั้นได้ให้โอกาส แต่บุคคลเหล่านั้นจะรักษาโอกาสที่ถูกให้มาได้หรือไม่?

     ญาติโยมก็เหลือเกิน ถ้าลูกหลานที่นำมาฝากไว้กับวัด ถ้ามีความประพฤติดีมีคุณ พ่อแม่ก็จะนำเอาไปใช้งานโดยการให้ลาสิกขา แต่ถ้ามีนิสัยความประพฤติเสีย ๆ ยังไม่มีความเรียบร้อยก็ให้อยู่ต่อ นี้ก็อีกประเด็นหนึ่ง

     พระที่มีปัญหาโดยมากมักจะเป็นพระที่มีอายุมากแล้วเข้ามาบวช เพราะไม่ได้ศึกษามาตั้งแต่ต้น ประกอบกับพระหนุ่ม ๆ บวชมาสัก ๒-๓ พรรษา ก็ยกตัวเองเป็นครูบาฯ แล้ว นี้ต่างหากน่ากลัว

     รศ.ดร.สุพัตรา  จิรนันทนาภรณ์  มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า อย่างไรเสียคนก้ต้องพึ่งพระอยู่ดี แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการบวชว่า

     ๑.จะบวชตามประเพณี ๕-๑๐ วัน หรือ ๑ พรรษา

     ๒.บวชเพราะมีศรัทธา หรือเพราะมีความเลื่อมใสโดยมากจะอุทิศตน ประเภทนี้เมื่อบวชแล้วจะตั้งใจ ส่วนจะสิกขาหรือไม่ขึ้นอยู่กับบารมี แต่ถ้าอยู่นานได้ จะเป็นที่พึงหวังแก่ชาวบ้านมาก ส่วนพระนักเผยแผ่ในยุคใหม่นั้น ต้องมีบทบาทในอาเซียน เพื่อปรับใช้ในการเผยแผ่ สามารถดึงดูดประชาชนเข้ามาสู่พระพุทธศาสนาโดยการจัดองค์กรพุทธศาสนาใหม่

     พระราชวิริยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดพะเยา กล่าวเสริมว่า เป็นที่น่าแปลกว่า เมื่อพระที่ทำการปลุกเสก จะมีประชาชนให้ความสนใจสูงมาก แม้จะประกาศหาเจ้าภาพทำนั้น ทำนี้ก็มีคนขันอาสามาเป็น จนเหลือล้น  แต่ที่น่าสนใจคือพระนักเผยแผ่ เมื่อจะมีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้น ประกาศเชิญชวนชาวบ้านประกาศแล้วประกาศอีก ไม่มีใครสนใจ นี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งใช่ใหมที่พระปลุกเสกมากกว่าพระนักเผยแผ่?

 

หมายเลขบันทึก: 483883เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2012 08:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 20:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท