บันทึกการเดินทาง :
คุณครูวิราช - คุณครูกาญจนา กองแก้ว
(๑)
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ผมพาครอบครัวไปเยี่ยมพ่อบุญธรรมของผมที่บ้านหนองเก่า ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ โดยพ่อบุญธรรมได้พาผมและครอบครัวไปเยี่ยมชมสวนผลไม้ของท่านด้วย
พ่อบุญธรรมของผม ชื่อ คุณครูวิราช กองแก้ว เป็นข้าราชการครูสอนอยู่ที่โรงเรียนบ้านพราน(ประชานุเคราะห์) ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
เดิมทีท่านเป็นชาวอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอุบลราชธานี แต่สอบบรรจุได้ที่โรงเรียนบ้านพราน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผม จากนั้นท่านก็สอนอยู่ที่นี่ตลอด จนกระทั่งแต่งงานกับครูโรงเรียนเดียวกัน และสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น กว่า 30 ปีแล้ว
สมัยที่ผมเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมอยู่ที่นี่ ท่านรักและห่วงใยผมเหมือนลูกแท้ๆ ของท่าน คอยช่วยเหลือผมและครอบครัวตลอดเวลา แม้เมื่อตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม ท่านก็เป็นคนอุปการะค่าเล่าเรียนให้ผมทั้งหมด....ผมก้าวมาถึงวันนี้ได้ ก็เพราะท่านนี่แหละ ที่คอยอุปถัมภ์และช่วยเหลือผมมาตลอดและอย่างยาวนาน
ทุกๆ ปี เมื่อผมกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ศรีสะเกษ ผมก็จะเดินทางไปเยี่ยมท่านเสมอทุกครั้ง ....แต่บางครั้งท่านก็จะเป็นฝ่ายเดินทางมาเยี่ยมผมและครอบครัวที่เชียงใหม่ด้วยเช่นกัน
ผมกับท่าน....จึงมีความรักและความผูกพันต่อกันตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปยาวนานสักเพียงใดก็ตาม
(๒)
วันนั้น พ่อบุญธรรมพาผมและครอบครัวเดินชมสวนอย่างมีความสุข และเด็กๆ ต่างก็พากันสนุกสนานและอิ่มท้องไปตามๆ กัน เนื่องจากมีผลไม้หลายอย่างที่กำลังสุกอยู่พอดี
ในขณะที่กำลังเดินชมสวนผลไม้อยู่นั้น ผลเหลือบไปเห็นขวดพลาสติกที่พ่อบุญธรรมดัดแปลงขึ้นสำหรับใช้เป็น "กับดักแมลงวันทอง" ซึ่งชอบเจาะกินผลไม้และวางไข่อยู่ในผลไม้จนทำให้ผลไม้เน่าและเสียหาย
ช่วงหนึ่ง ผมมองเห็นมดแดงไต่และวางไข่อยู่ในขวดพลาสติกสำหรับดักแมลงวันทองดังกล่าว
ผมเกิดความสงสัยจึงถามพ่อบุญธรรมว่า ทำไมมดแดงถึงเข้าไปวางไข่อยู่ในนั้นได้
พ่อบุญธรรมท่านบอกว่า.... เดิมทีก็ทำไว้ดักแมลงวันทองนั่นแหละ แต่ไปๆ มาๆ มดแดงกลับเข้าไปอาศัยอยู่ในนั้นแทน แถมยังวางไข่ไว้เต็มอีกต่างหาก ซึ่งเป็นความบังเอิญที่น่ามหัศจรรย์มากๆ เลยทีเดียว ท่านเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกที่หาดูได้ยาก ก็เลยปล่อยไว้อย่างนั้น โดยไม่รบกวนมันแต่อย่างใด ปล่อยให้มันได้แพร่พันธุ์ต่อไป จะได้ช่วยในการกำจัดศัตรูผลไม้ลงได้บ้าง เช่น หนอน และเพลี้ย เป็นต้น
ผมได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกทึ่งและแปลกใจกับนวัตกรรมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในครั้งนี้
วันนี้ ผมก็เลยเก็บภาพมดแดงในขวดพลาสติกมาให้เพื่อนๆ ใน GTK ได้ชมกันนะครับ
เด็กๆ โพสต์ท่าถ่ายรูปใต้ต้นมะยงชิด
หวาน อร่อย และเก็บมาจากต้นสดๆ คิคิคิ
สวนยางพาราอันร่มรื่น
รถเก๋งคันเล็กของผมกำลังพักผ่อนอยู่ใต้ร่มยางพาราอย่างมีความสุข
ระวังลูกทุเรียนตกใส่หัวเด้อ เด็กๆ 555
น้องแพรวพราวขี่หลังแม่ชมสวนอย่างมีความสุขที่สุด
ละไม...ออกลูกดกเต็มต้น
ลองกองกำลังออกดอก
ถนนลูกรังที่ตัดผ่านสวนยางพาราอันร่มรื่น
มดแดงเข้าไปทำรังอยู่ในขวดพลาสติก
เพลง "ครูในดวงใจ"
ร้องโดย "ไมค์ ภิรมย์พร"
ทั้งลองกองทั้งยางพาราถ้าไม่บอกผมไม่รู้เลยว่าเป็นที่ศรีสะเกษครับ
สวัสดีค่ะ
นี่น่าจะเป็นนวัตกรรมสำหรับผู้หาไข่มดแดงนะคะ
จากผุ้หาเป็นผู้เลี้ยง....
น่าสนใจนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ห้ามจอดใต้ต้นทุเรียนนะครับ
มดแดงทำรังอยู่ในขวดพลาสติก....เพิ่งเคยเห็น
..
ขอบคุณมากนะครับ
สวนร่มรื่นๆไม่แพ้ที่ปัหษ์ใต้เลยนะครับ
ถนนลูกรังที่ตัดผ่านสวนยางพาราอันร่มรื่น...สวยมากครับ
น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนเรื่องสั้นสักเรื่องที่เกี่ยวกับคนชีวิตได้ครับ
...คนที่รักและระลึกถึงครูจะเจริญทุกคนครับ
...ไม่น่าเชื่อว่า...บ้านพี่จะร่มรื่น เต็มไปด้วยผลไม้ มากมาย...อย่างนี้ครับ
...เด็กเขาเหมาะกับธรรมชาติ ต้นไม้ และความรักของพ่อและแม่...ความทรงจำจะอยู่กับเขาไปชั่วชีวิตครับ
...นวัตกรรมไม่ตั้งใจเกิดขึ้นแบบไม่ตั้งใจ แต่มีประโยชน์มากมายมหาศาล เช่น การค้นพบยาปฏิชีวะโดยบังเอิญ
มดแดงกินได้ไหมครับ ?
Happy ครับ ขอให้เป็นทริปแห่งความประทับไม่รู้ลืมครับ
เพราะได้พบกับสิ่งล้ำค่าหลายสิ่งด้วยกัน
จบแบบวกกลับไปกลับมาครับ
ตื่นเต้นจนเขียนไม่ถูก...สนุกครับ
แต่ ก็มีซาบซึ้งด้วย ฯลฯ ครับ
อย่างนี้หากคนที่หาไข่มดแดงขายก็ง่ายต่อเขามากเลย แล้วเจ้ามดแดงที่เข้าไปไข่นี้ สงสัยจะไม่ขยันทำรังเองแน่ๆ ไข่ในที่โปร่งแสงเสียด้วย หากมีผู้เลียนแบบเพื่อให้มดแดงไข่เพื่อนำไปขายได้เงินใช้ อย่างไม่ต้องแหงนคอสอยสูงๆก็สบายไป ทำให้คิดถึงสวนมะม่วงบ้านสุพรรณ ก็แขวนไว้แต่มดแดงไม่มาไข่ค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์ ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์
-หากย้อนหลังกลับไปถึงเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้แถวๆ นี้ชาวบ้านต่างก็พากันปลูกพืชเชิงเดี่ยวทุกปีนะครับ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และถั่วลิสง ....แต่ตอนหลังมามีชาวบ้านบางคนลองนำเงาะและทุเรียนไปปลูกดู ปรากฏว่าโตเร็วและได้ผลเป็นอย่างดี ต่อมาชาวบ้านแถวนั้นก็เลยมีการนำเอาผลไม้นานาชนิดไปปลูกตามบ้าง ทั้งเงาะ ทุเรียน ลองกอง ลางสาด มะปราง มะยงชิด ส้มโอ มะขามหวาน มะม่วง เกาลัด และสตอ เป็นต้น ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี จนกลายเป็นพื้นที่ปลูกพืชเศรษกิจที่สำคัญของจังหวัดศรีสะเกษ
โดยปัจจุบันนี้ได้มีการจัดเทศกาลผลไม้ของจังหวัดศรีสะเกษขึ้นประจำทุกปี ซึ่งผลไม้ที่นำไปแสดงโชว์ก็นำไปจากตำบลที่เป็นบ้านเกิดของผมนี่เอง
-ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคิดหรอกนะครับว่ายางพาราจะสามารถปลูกได้ในภาคอีสาน แต่พอมีคนนำไปทดลองปลูกดู แล้วได้ผลดี ตอนนี้ก็เลยมีคนปลูกยางพาราเต็มไปหมด ทำให้ยางพารากลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน และทำให้ชาวบ้านแถบนั้นไม่ต้องลงไปหางานทำที่ กทม.เหมือนอย่างเมื่อก่อนอีก
-ปัจจุบันนี้ ศรีสะเกษได้กลายเป็นแหล่งรวมของพืชและผลไม้ที่สำคัญระดับประเทศไปแล้วนะครับ อะไรที่ปักษ์ใต้มี ที่นั่นก็มีเช่นกัน เช่น ลองกอง ยางพารา และสตอ เป็นต้น....อะไรที่ภาคตะวันออกมี ที่นั่นก็มีเช่นกัน เช่น เงาะ ทุเรียน มะปราง มะยงชิด เป็นต้น.....และผลไม้ของทางภาคเหนือ ที่นี่ก็มีเช่นกันครับ ทั้งลำใยและลิ้นจี่.....เรียกได้ว่า ที่นี่มีครบทุกอย่างเลยนะครับ
สวัสดีครับ คุณป้าลำดวน
หากเป็นที่อื่น มดแดงในขวดพลาสติกที่เห็นคงกลายเป็นเมนูอาหารไปเรียบร้อยแล้วละครับ แต่พ่อบุญธรรมของผมท่านเป็นคนใจบุญมากๆ และเห็นว่าเป็นเรื่องที่แปลก ก็เลยปล่อยอย่างนั้น โดยไม่รบกวนมันแต่อย่างใด
อีกอย่าง....มดแดงเองก็คงจะรู้ด้วยแหละว่าตรงนี้คือที่ๆ ปลอดภัยที่สุดสำหรับมัน มันก็เลยทำรังและวางไข่ไว้ในขวดพลาสติกแบบหน้าตาเฉย โดยไม่ต้องมีความกังวลใดๆ เลย.....ช่างน่ารักและน่าอัศจรรย์ใจเสียจริงๆ
สวัสดีครับ อาจารย์โสภณ เปียสนิท
ใต้ต้นทุเรียน....ไม่เหมาะสำหรับการจอดรถ
แต่เหมาะสำหรับการไปนอนเพื่อทดสอบทฤษฏีโน้มถ่วงแบบไอแซค นิวตัน มากๆ เลยนะครับ คิคิคิ
สวัสดีครับ คุณแสงแห่งความดี
-ผมก็เคยมดแดงในขวดพลาสติกเป็นครั้งแรกเช่นกันนะครับ ก็เลยเก็บภาพมาฝากด้วยครับ
-ปัจจุบันนี้ที่นั่นมีพืชและผลไม้ทุกชนิด เหมือนที่ภาคกลาง ภาคเหนือ และปักษ์ใต้มีอยู่นะครับ
ไปที่ศรีสะเกษที่เดียว เหมือนกับไปทั่วทุกภาคของประเทศไทยเลยละครับ
แสดงว่าที่ศรีสะเกษดินอุดมสมบูรณ์มากครับ
สวนยางพาราดูร่มรื่นมากเลยนะคะ สวนสวยและผลไม้เยอะจริงค่ะ
สวัสดีวันแดดร้อนค่ะ
น่ารื่นรมย์มากค่ะ..
สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)
-สมัยก่อนแถวๆ บ้านผมจะมีสภาพแห้งแล้งมากๆ เลยนะครับ บรรยากาศไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเลย สมัยนั้นชาวบ้านปลูกพืชเชิงเดี่ยวได้ปีละครั้งเท่านั้น แถมยังเป็นการปลูกตามยถากรรมอีกต่างหาก ความเป็นอยู่ของชาวบ้านเลยค่อนข้างจะยากจนตามไปด้วย
แต่ต่อมาชาวบ้านที่มี "หัวก้าวหน้า" ได้พากันทดลองปลูกผลไม้และพืชชนิดต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งปรากฏว่าได้ผลดี ก็เลยมีการทำตามๆ กัน จนทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง....จากพื้นที่ๆ เคยแห้งแล้ง ก็กลับเป็นพื้นที่ๆ มีความอุดมสมบูรณ์และมีความเขียวชะอุ่ม....จากหมู่บ้านที่เคยยากจน ก็กลายเป็นหมู่บ้านที่มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
-ผมมีคุณครูในดวงใจอยู่ 2 ท่าน นะครับ คือ คุณครูวิราช กองแก้ว ผู้ที่คอยสนับสนุนและอุปการะผมมาตั้งแต่วัยเยาว์ และ อาจารย์ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ ครูใหญ่ผู้คอยดูแลผมตอนเป็นผู้ใหญ่และเป็นต้นแบบแห่งการดำเนินชีวิตของผมในปัจจุบัน....ซึ่งทั้งสองท่านนี้ต่างก็ดำรงอยู่ในความทรงจำของผมอยู่เสมอ....ตราบนิรันดร์
-การเดินทางเที่ยวนี้ มีความสุขมากกว่าปีก่อนๆ นะครับ เนื่องจากไม่ได้เร่งรีบ รถไม่ติด แวะเที่ยวหลายแห่ง และเตรียมตัวไปค่อนข้างดี เลยทำให้มีความสุขกันทุกคนครับ
-พ่อบุญธรรมของผมท่านใจดีครับ และเห็นเป็นเรื่องแปลกที่มดแดงวางไข่ไว้ในขวดพลาสติก เลยไม่ทำอะไรมัน ปล่อยให้มันได้มีโอกาสแพร่พันธุ์ต่อไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการช่วยกำจัดแมลงศัตรูของผลไม้ได้อีกด้วย เช่น หนอน และเพลี้ยต่างๆ เป็นต้น
-บางครั้ง....สิ่งมหัศจรรย์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ ก็สามารถสร้างความสุขที่ยิ่งใหญ่ให้กับผู้พบเห็นได้เสมอนะครับ
สวัสดีครับ พี่กานดา น้ำมันมะพร้าว
-มดแดงในขวดพลาสติกที่เห็นนั้น เป็นปรากฏการณ์หรือนวัตกรรมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและโดยบังเอิญนะครับ แม้แต่พ่อบุญธรรมของผมเองก็ยังรู้สึกแปลกใจมากๆ เลยทีเดียว
-หากใครสามารถเพาะเลี้ยงมดแดงในขวดพลาสติกแบบนี้ได้ ต้องยอมรับว่า เจ๋งมากเลยนะครับ และคงจะช่วยสร้างรายได้ให้พอสมควรเลยทีเดียว....แต่ผมว่ามันคงจะยากอยู่นะครับ พี่ดา!
สวัสดีครับ อาจารย์ ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์
-ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่อาจารย์กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมบันทึกนี้เป็นรอบที่ 2
-ดินแถวๆ บ้านเกิดของผมเป็น "ดินแดง" นะครับ เวลาโดนน้ำจะเหนียวหนึบเลย สมัยก่อนแถวๆ นั้นจะแห้งแล้งมาก ชาวบ้านจะปลูกพืชเชิงเดี่ยวได้ปีละครั้งเท่านั้น เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และถั่วลิสง เป็นต้น แถมยังเป็นการปลูกตามยถากรรมอีกต่างหาก ความเป็นอยู่ของชาวบ้านเลยค่อนข้างจะยากจนตามไปด้วย
แต่ต่อมาชาวบ้านที่มี "หัวก้าวหน้า" ได้พากันทดลองปลูกผลไม้และพืชชนิดต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งปรากฏว่าได้ผลดี ก็เลยมีการทำตามๆ กัน จนทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง....จากพื้นที่ๆ เคยแห้งแล้ง ก็กลับเป็นพื้นที่ๆ มีความอุดมสมบูรณ์และมีความเขียวชะอุ่ม....จากหมู่บ้านที่เคยยากจน ก็กลายเป็นหมู่บ้านที่มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ปัจจุบันนี้แถวๆ บ้านผมกลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจที่สำคัญระดับประเทศไปแล้วนะครับ
เดี๋ยวนี้ พ่อค้าแม่ค้าทางระยองหรือจันทบุรี จะพากันมาเหมาเงาะและทุเรียนจากที่นี่ไปขายที่ภาคตะวันออกทุกปี เนื่องจากเนื้อดี ลูกสวย และรสชาติดีกว่าที่จันทบุรีหรือระยอง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเสียอีก....แม้แต่ลูกสะตอ ก็ยังเม็ดใหญ่กว่าสะตอทางปักษ์ใต้ซึ่งเป็นต้นตำรับอีกด้วยนะครับ
-ที่กล่าวมาทั้งหมด คือเรื่องจริงนะครับ .....ไม่ได้โม้เลย 555
สวัสดีครับ คุณ ...ปริม pirimarj...
-ในอนาคตคุณปริมสามารถทำสวนผลไม้เป็นของตัวเองที่เชียงใหม่ได้นะครับ
เดี๋ยวจะขอให้พ่อบุญธรรมของผมมาช่วยเป็นที่ปรึกษาให้ครับ เพราะท่านขึ้นมาเยี่ยมผมที่เชียงใหม่อยู่บ่อยๆ ครับ
-ร้อนหรือเย็น....อยู่ที่ใจนะครับ คิคิคิ
สวัสดีครับ คุณนงนาท สนธิสุวรรณ
ขอบคุณคุณป้าใหญ่มากๆ นะครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาทักทายและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
สวัสดีครับ อาจารย์ ผศ.ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
-ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
-เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ กับสิ่งที่อาจารย์กล่าวมาว่า....."มดรังนี้มองการณ์ไกลมากเลยนะครับ.... เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่เตรียมลูกหลานให้มีทักษะทำรังในสภาพที่ไม่ต้องใช้ใบไม้ ใช้พลาสติกเสียเลย"
-อาจจะเรียกได้ว่า มดกลุ่มนี้คือ "มดแดงหัวก้าวหน้า" หรือ "มดแดงกบฏ" ก็ได้นะครับ ที่กล้าทำอะไรแหกกฏจารีตประเพณีและวัฒนธรรมของตนเอง 555
สวัสดีครับคุณ อักขณิช......
เห็นมะยงชิดปลิดมากินกันเห็นเห็น ทั้งทุเรียน ละไมก็ดกดื่น ไม่แพ้ เมืองจันทร์ หรือภาคใต้
ยางพาราก็คงปลูกมาหลายปี เปิดหน้ากรีด เปลือกหน้าแรกไกล้หมดแล้ว ฟังมาว่า สะตอที่ศรีษะเกษก็อร่อยรสจัดจ้านไม่น้อย
สวัสดีครับ อาจารย์ ผศ.วิไล แพงศรี
-ขอบคุณป้าวิมากๆ เลยนะครับ ที่กรุณาช่วยเพิ่มเติมข้อมูลบางส่วนให้ ซึ่งทำให้บันทึกนี้มีความสมบูรณ์และน่าสนใจมากยิ่งๆ ขึ้น
-ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า "แม่บุญธรรม" ของผมเปลี่ยนชื่อใหม่(แต่ความหมายยังคงเดิม) ใกล้เกลือกินน้ำปลาแท้ๆ เลยนิ 555
-เงาะและทุเรียนจะแก่และสุกช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.นะครับ ถึงตอนนี้ก็ขอให้ป้าวิกับลุงสอโทรไปหาพ่อบุญธรรมของผมได้เลยนะครับ ซึ่งคงจะต้องรีบๆ โทรไปหน่อยนะครับ ก่อนที่เงาะและทุเรียนจะหมดเสียก่อน
สวัสดีครับ ท่านวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
-ตอนนี้ที่ศรีสะเกษกลายเป็นแหล่งรวมผลไม้ของทุกภาคเลยนะครับ เช่น เงาะ ทุเรียน ลองกอง ลางสาด มะปราง มะยงชิด ส้มโอ มะขามหวาน มะม่วง เกาลัด กล้วย ส้มเขียวหวาน ลำใย ลิ้นจี่ และสตอ เป็นต้น ซึ่งทะยอยให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ไปที่นี่ที่เดียวเหมือนกับไปเที่ยวมาทั่วประเทศเลยละครับ
-ยางพาราเริ่มปลูกที่ศรีสะเกษประมาณ 15 ปีที่แล้วนะครับ ปัจจุบันนี้ไปทางไหนก็เห็นสวนยางพาราอยู่เต็มไปหมด ส่วนใหญ่สามารถกรีดได้แล้ว ทำให้ชาวบ้านที่นั่นมีราคาได้ที่มั่นคง ทั้งเจ้าของสวนยางและคนงานที่รับจ้างกรีดยาง ทำให้ไม่ต้องลงไปทำงานที่ กทม.เหมือนอย่างในอดีต
สวัสดีครับ อาจารย์ ผศ.วิไล แพงศรี
-วันนั้นผมไม่ค่อยได้คุยกับป้าวิมากนัก เนื่องจากป้าวิมัวแต่เห่อหลานๆ มากกว่านั่นเอง 555
-เจ้าแพรวพราว....ป่วนตลอดทางเลยนะครับ ทั้งขาไปและขากลับ แต่ก็สนุกและมีความสุขมากๆ เลยละครับ
ร่มรื่นและเป็นสุขออกมาจากสีหน้าเลยค่ะ :)
ต้นละไม..เพิ่งเคยเห็น ลูกมันกินได้ไหมคะ
สวัสดีครับ คุณหมอ ป.
-เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดคราวนี้รู้สึกสนุกและมีความสุขมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมานะครับ เนื่องจากเตรียมตัวพร้อมอย่างเต็มที่ และมีโอกาสได้แวะเที่ยวหลายที่ด้วย เลยทำให้มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังหลายเรื่องด้วยกัน
- "ละไม"....เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับ "มะไฟ" นะครับ ต้นและใบเหมือนกันเป๊ะเลย แต่แตกต่างกันตรงที่ผล ซึ่งผลของละไมจะมีลักษณะรีๆ ในขณะที่ผลของมะไฟจะมีลักษณะกลมๆ ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ เป็นผลไม้ที่รับประทานได้นะครับ
ตอนไปบรรจุครูครั้งแรกที่ร.ร.บ้านพรานได้รู้จักกับครูวิราชและครูกาญจณา(ครูกุหลาบ) พอย้ายมาไม่มีโอกาสได้ติดต่อเลยแต่ยังระลึกถึงครูทุกท่านอยู่เสมอ ครูทุกท่านใจดีมากๆ หากมีเวลาจะไปเยี่ยมทุกท่าน สมัยที่เป็นครูที่นั่นยังไม่เจริญเท่านี้เลย .ตอนนี้ครูทุกท่านคงเป็นเศรษฐีกันหมดแล้วนะ ดีใจด้วยคะ...ครูอ้อย ลำพูน
สวัสดีค่ะ...พี่อักขณิช...แต่ แจงขอเรียก พี่เพลิน
เป็นความบังเอิญมาก มาก มาก ที่เข้ามาเห็นบล็อกนี้.....พ่อเพิ่งขับรถออกไปตะกี้ เลยหยิบโทรศัพท์โทรถามพ่อทันที "พ่อ พ่อ พ่อเคยได้อ่านบล็อกนี้หรือยัง" พ่อตอบว่า "บล็อกอะไร ยังไง ยัง ยัง" เลยบอกพ่อไปว่า "รีบกลับมาอ่านเลยนะ" ( พ่อเพิ่งจะสนใจเทคโนโลยี ตอนนักเรียนมีแทบเล็ดเนี่ยล่ะค่ะ) อ่านทุกข้อความแล้วก็ยิ้มน้ำตาคลอเบ้า ไม่รู้จะอธิบายยังไง พ่อแจงโชคดี ที่มีบุตรอย่างพี่เพลินค่ะ
อ่านมาถึงข้อความสุดท้าย.....น้าอ้อย ลำพูน !!!! แจงจำได้ ภาพเก่าๆ ลางๆ ตอนเรียนอนุบาล ที่ ร.ร.บ้านพราน กลับมาเล็กน้อย เพราะตอนนั้นยังเด็กมาก
กว่าจะมาเห็นโพสต์นี้มันก็นานเป็นปี แต่ก็คงไม่สายที่จะโพสต์ แสดงความดีใจนะคะ ฝากข่าวด้วยว่า วันที่ 25 กันยายน 2556 จะมีงานเลี้ยงเกษียณของพ่อวิราช กองแก้ว (ตอนนี้พ่อเปลี่ยนชื่อเป็น วิราธ ) ที่โรงเรียนบ้านพราน นะคะ