โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic obstructive pulmonary disease: COPD)
เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ คาดว่าอาจจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากประชากรไทยมีอายุยืนขึ้น สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมเป็นพิษมากขึ้น รวมถึงมีผู้สูบบุหรี่มากขึ้น ทำให้ปอดถูกทำลาย การยืดหยุ่นของปอดลดลง มีการอักเสบของทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอมีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อยง่าย ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ก่อให้เกิดความวิตกกังวล ทำให้ขาดกำลังใจในการต่อสู้และดูแลรักษาโรคของตนเอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคได้หลายอย่าง
สาเหตุ
- สูดดมมลพิษนอกอาคาร
- เคยเป็นวัณโรคมาก่อน
- การติดเชื้อ HIV ร่วมกับการสูบบุหรี่
- การใช้ถ่าน ฟืน ทำเหมือง
- พันธุกรรม
- หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
อาการ
การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดน้อยลง ทำให้ลมที่จะเข้าปอดน้อยกว่าปกติ
เกิดอาการหายใจลำบาก หอบ เหนื่อย และอาจหายใจมีเสียงวี้ด
การป้องกัน (แบ่งออกเป็น 3 ขั้น ได้แก่)
1. การป้องกันขั้นปฐมภูมิ คือ ป้องกันไม่ให้เกิดโรคโดยการไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการสูดดมควันพิษต่าง ๆ
2. การป้องกันขั้นทุติยภูมิ ทำได้โดยการวินิจฉัยโรคแต่เนิ่น ๆเพื่อรีบให้การรักษาก่อนที่จะมีอาการกำเริบไปมากแล้ว นอกจากนี้ยังทำการตรวจสมรรถภาพปอดเป็นประจำ
3. การป้องกันขั้นตติยภูมิ ทำได้โดยชะลอการเสื่อมของปอดจากตัวโรคด้วยการใช้ยาสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์
คุณภาพชีวิตในผู้ป่วย COPD
ด้านร่างกาย – อาการหายใจเหนื่อยหอบเริ่มรุนแรง ใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ ความสามารถในการทำงานของร่างกาย และความทนทานของร่างกายลดลง
ด้านจิตสังคม – การทำกิจวัตรประจำวันทำได้ลดน้อยลง และส่งผลต่อการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมในสังคมด้วย เนื่องจากกลัวการต่อต้านจากคนในสังคม ทำให้ขาดความมั่นใจ
ด้านเศรษฐกิจ – การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องทำให้ขาดบทบาทการทำงาน ไม่มีรายได้ และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง
บทบาทนักกิจกรรมบำบัด
การประเมินและส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกี่ยวกับภาวะสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต ด้านคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต โดยเน้นถึงความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันเป็นหลัก และสิ่งสำคัญคือ ควรสังเกต Heart rate, breathing rate, and oxygen saturation ตลอดการทำกิจกรรม จากนั้นวางแผนการรักษา
หากสนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างและสาเหตุจากบุหรี่สามารถดูได้จาก (เรียบเรียงโดย มณฑิชา วิไลกิจ)
http://www.vajira.ac.th/kt/modules.php?name=News&file=article&sid=137
นำเสนอ โดย นางสาว จันทร์จิรา แสงสินธุ์ นักศึกษากิจกรรมบำบัด ชั้นปีที่2
กิจกรรมบำบัด ใน copd ทำอย่างไรดีครับ
นักกิจกรรมบำบัด จะทำการประเมินผู้รับบริการก่อนว่า ผู้รับบริการมีความสามารถในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ในระดับใด
รวมทั้ง สอบถามหรือสัมภาษณ์ ถึงสภาพแวดล้อมหรือลักษณะการใช้ชีวิตของผู้รับบริการ(เท่าที่ได้)
(เพื่อที่นักกิจกรรมบำบัด จะสามารถปรับและเพิ่มความสามารถที่เหมาะสม ให้เข้ากับผู้รับบริการมากที่สุด)
จากนั้นเราก็ คิดวางแผนการรักษาให้แก่ผู้รับบริการ และทำการรักษา
เมื่อครบระยะเวลาที่เรากำหนดการรักษาที่เราตั้งไว้ เราก็จะประเมินอีกรอบเพื่อดูถึงผลที่คิดคาดคิดไว้
บางครั้งเราก็จะดูในเรื่องของสิ่งที่ผู้รับบริการนั้นสนใจ เพราะการที่เขาได้ทำในสนใจในสิ่งที่เขาชอบ
จะทำให้เขามีกำลังใจหรือแรงจูงใจในการทำกิจกรรม
หรือการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมและเข้ากับชีวิตประจำวันของผู้รับบริการ
เราอาจจะสนใจในมุมมองของครอบครัวผู้หรือญาติผู้รับบริการด้วย ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือเป็นต้น