ภาพด้านซ้าย คือ ภาพวาดเก่ามีอายุกว่า 600 ปี เป็นภาพปรมาจารย์จางซันฟง(เตียบ่อกี้)ผู้คิดค้นรวบรวมท่ารำไท้เก๊ก อดีตศิษย์วัดเส้าหลิน ซึ่ง ปรามาจารย์ตั้กม้อ พระภิกษุพุทธนิกายมหายาน (ลัทธิวัชรญาน-ตันตรญาน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.1100
ภาพด้านขวามือ คือ ภาพถ่ายหลวงตามหาบัว (ซึ่งท่านเคยบอกว่าเป็นการเดินจงกลมในท่าพุทธรำพึง)
สำหรับ พระพุทธรูปปางรำพึง ที่เราเห็นโดยทั่วไปจะเป็นการวางมือตรงบริเวณอก ซึ่งเรามักนิยมเรียกว่า ท่าเทพรำพึง..ใช้เป็นท่าเริ่มต้นในการฝึกสมาธิเคลื่อนไหวเพื่อประสมจิต..ก่อนที่จะเดินจงกลม..
ขอบพระคุณมากครับ ที่ให้ความรู้ทางธรรม ครับ
พระพุทธรูปปางรำพึงในแบบต่างๆที่พบในประเทศไทยปัจจุบัน
ปางรำพึงเช่นกัน
ท่ารำมวยเทพรำพึง ครับ
การรำมวยไท้เก๊ก มีต้นทางมาจากกังฟูวัดเส้่าหลิน..ซึ่งมีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกับ การรำมวยไทย..ผมสันนิษฐานว่า พระฤาษีสุกกทันตะ(ฤาษีฟันขาว) แห่งสำนักธัมมิกการาม เขาสมอคอน เมืองละโว้( ตามบันทึกในชินกาลมณีปกรณ์..ของพระภิกษุล้านนา ซึ่งบันทึกไว้เมื่อประมาณ พ.ศ.2000..กล่าวว่า สำนักนี้ก่อตั้งขึ้นประมาณปี พ.ศ.1100..) ซึ่งเป็นกาลใกล้เคียงกันกับเรื่องราวของปรามาจารย์ตั๊กม้อเดินทางเข้าจีน..คงเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนานิกายมหายาน(ลัทธิวัชรญาน-ตันตรญาน)เช่นเดียวกัน..และสิ่งที่บุรพาจารย์พระฤาษี(บางทีเราเรียกพระฤาษีว่า ปู่ครู และ พ่อแก่) ท่านนี้ ได้ถ่ายทอดให้กับศิษยานุศิษย์ในสำนักธัมมิการาม (อันมีพระนางจามเทวีผู้สร้างเมืองหริภุญชัย รวมอยู่ด้วย) คือ การฝึกสมาธิแบบเคลื่อนไหว อันเป็นการสร้างสุขภาพ และความแข็งแกร่ง แก่ จิตใจและร่างกาย.. ลักษณะเดียวกับ มวยกังฟูวัดเส้าหลิน(สมัยโบราณไทยเราเรียกว่า รำหมัดรำมวย จนถึง สมัย ร.2 ทรงเปลี่ยนเป็น ชกมวย)..ดังนั้น วิธีการฝึกหายใจและการเดินลมปราณ จึงมีส่วนที่คล้ายกัน..แต่ มวยไทย ในปัจจุบัน กลับไม่ค่อยสนใจกระบวนการทางจิตที่สำคัญนี้ อาจจะเนื่องจากว่า องค์ความรู้ในเรื่องนี้สำคัญ จึงไม่แพร่หลายและสูญหายไป..ครับ..