ผลงานตีพิมพ์ ไม่ใช่ end (เป้าหมายสุดท้าย) แต่เป็น means (วิถี) end คืองานที่ดีขึ้น และการสร้างวัฒนธรรมองค์กร
การลปรร.R2R ในช่วงบ่าย เป็นการพูดคุยคละกลุ่มในประเด็นต่างๆ และมีความคิดเห็นโดยรวมทั้ง 3 กลุ่มดังนี้ค่ะ
1) Research methodology จำเป็นหรือไม่
- มือใหม่หัดขับ วิธีหนึ่งคือ learning by doing ไประยะหนึ่จึงจะไปเข้า workshop การจัด course บรรยาย ประโยชน์น้อย เพราะบรรยายไป บางทีก็ไม่ตรงกับวิธีที่จะใช้จริงในโครงการ ตรงนี้ ทีมจัดการ น่าจะทำหน้าที่เป็น match maker ให้
- อ.ธาดา ให้ข้อคิดประเด็นนี้ไว้น่าสนใจมากว่า ไม่อยากให้แบ่งชัดเจนว่าอะไรเป็น R2R อะไรเป็นพัฒนางาน อีกอย่าง ไม่อยากให้เริ่มด้วยวิธีวิจัย ควรเริ่มว่า จะตอบโจทย์อะไร แล้วจึงไปหาวิธีการหาคำตอบ
- ปัญหาสำคัญคือ literature review ทำไม่เป็น อ.อัครินทร์ ผู้จัดการโครงการ R2R ศิริราชบอกเป็นปัญหามาก ตนเองก็เห็นด้วย แต่ก็ยังไม่มีทางออก
- การเขียนโครงร่าง ก็ยังมีปัญหา ศิริราชวางแผนจะให้มีผู้ช่วยเขียน หลังจากฟังกลุ่มพูดคุยกัน ก็ให้ผู้ช่วยท่านนี้ ช่วยเขียน first draft ให้ น่าสนใจมากค่ะ แต่ก็กลัว dependent
- คุณกิจ วิชชุดา จากศิริราช ยกประเด็นว่า พยาบาลต้องทำทุกขั้นตอนหรือ บางขั้นตอนไม่ถนัด ทำให้เกิดความไม่อยากทำ
- อ.วิจารณ์ พูดถึงประเด็นนี้ว่า ไม่มีสูตรสำเร็จ ค่อยทำ ค่อยเรียนรู้ไป และจะเกิดความสามารถในแต่ละคนไม่เท่ากัน เกิดขึ้นไม่เร็ว ถ้าคาดหวังให้เกิดขึ้นเร็ว ก็จะอึดอัด ผู้ทำหากมีฉันทะในระดับที่ต้องการเรียนรู้ ก็จะพยายามทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ หรือไม่ถนัด
2) เวลาไม่พอ ทำอย่างไร
- มีความแตกต่างในภารกิจ กลุ่มที่วิจัยเป็นงานอยู่แล้ว กับกลุ่มที่งานบริการเป็นงานประจำหลัก ทั้งนี้น่าจะทำความเข้าใจว่าการทำ R2R ว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำ ส่วนที่จะเพิ่ม คือการเขียน และ การวิเคราะห์ข้อมูล ข้อเสนอแนะคือ ช่วยกันเก็บข้อมูล และให้เห็นประโยชน์ว่า ผลของ R2R จะกลับมาช่วยหน่วยงานนั่นเอง
- อีกอย่างผู้บริหารต้องเห็นความสำคัญ
- เรื่องที่ส่วนใหญ่ทำนอกเวลา ผู้บริหารควรจะเอื้อและสนับสนุนตรงนี้
- คุณอำนวยช่วยเผยแพร่ บอกกล่าวเล่าเรื่องความสำเร็จ หรือวิธีการกลุ่มวิจัยที่ใช้เวลาได้ดี ให้กลุ่มที่ทำได้ยังไม่ดี ก็อาจมีส่วนช่วย
- อ.ธาดา บอกว่า ทำงานให้มีประสิทธิภาพ
- แต่ทั้งหมด เห็นตรงกันว่า ถ้ามีใจแล้ว เวลาเป็นเรื่องรอง
3) งบประมาณ
- เห็นว่าจำเป็นต้องมี แต่ต้องระวังจะเป็นเผือกร้อน ตอนนี้ กรมการแพทย์ตั้งงบเงินค่าตอบแทน PI ได้ ถึง 30%!
- เรื่องแหล่งเงินไม่เป็นปัญหา แต่ที่เป็นปัญหามากกว่า คือไม่มีใครมาขอ
- กลุ่มคุณกิจบอกว่า เป็นงานที่ทำในงานประจำอยู่แล้ว ใช้งบไม่มาก คนที่มาทำ มาด้วยใจ ไม่ต้องการค่าตอบแทนมาก
- ผู้บริหารต้องสนับสนุน infrastructure เช่น คอมพิวเตอร์ อ.ธาดา เสนอว่า การของบตรงนี้ ก็ให้เขียนว่า ขอเพื่อพัฒนา
4) การจัดการ
- การมีหน่วยงานกลาง ช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้น แต่รูปแบบจะเป็นโครงสร้างชัดเจน หรือเป็นแค่คณะทำงาน
5) การสนับสนุน สิ่งแวดล้อม
- ต้องการที่ปรึกษา อาจไม่ใช่คนในรพ.เอง
- ต้องการเครือข่าย
- มีค่าตอบแทนให้อาจารย์ที่ปรึกษา
- มีการเกาะติดงานคุณภาพในเวทีนำเสนอ ทีมงานไปเฝ้าดูว่าทีมงานไหนที่ต่อยอดเป็นงานวิจัยได้
- การปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อการทำงานวิจัย
- สร้างบรรยากาศเชิงบวก ผู้บริหารมาอยู่เวลามีประชุม
- ผู้ปฏิบัติมุ่งเน้นที่ผู้ป่วยร่วมกัน จะทำให้เกิดกำลังใจ
- การสร้างเวที ให้รางวัล
- คุณเอื้อ เอื้อสุดๆ ประสานให้เวลา ให้คนมาทำงานร่วมกันได้
- คุณอำนวย และ คุณกิจ มีกัลยาณมิตร
6) จำเป็นต้องการเขียนรายงาน R2R?
- เรื่องนี้ ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าจะต้องมีการเขียนรายงาน หากไม่สามารถลงตีพิมพ์ในวารสารต่างๆ ที่มีอยู่ ก็อาจรูปแบบในอินเตอร์เน็ต
- เนื่องจากความสามารถของผู้ทำ R2R หลายคนอาจมีข้อจำกัด ทีมผู้สนับสนุน คงต้องช่วยให้เกิดการเขียนรายงานให้ได้
- อ.ธาดา เห็นว่าเป็น commitment หนึ่งของผู้ทำวิจัย เขียนทุกอย่างที่ทำ ทำให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร
- อ.สมศักดิ์ เห็นตรงกันว่า ควรมีการเขียนรายงานไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน แต่สิ่งที่อยากได้มากที่สุดคงไม่ใช่ตัวโครงการหรือ publication แต่เป็นว่า การทำงานทำอย่างไรให้มีหลักฐานยืนยัน (evidence-based) อ.สมศักดิ์ อ้างอิง อ.วิจารณ์ ที่พูดไว้เมื่อตอนเริ่มโครงการ R2R ศิริราชว่า ผลงานตีพิมพ์ ไม่ใช่ end (เป้าหมายสุดท้าย) แต่เป็น means (วิถี) end คืองานที่ดีขึ้น และ การสร้างวัฒนธรรมองค์กร
- อ.สมศักดิ์ คิดว่า ผลงาน R2R น่าจะถือเป็น asset ขององค์กร ดังนั้น น่าจะมีเวที หรือพื้นที่ที่จะเก็บผลงานเหล่านี้ ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ทั้งหมดคือที่เก็บได้จากการระดมสมอง ไม่อยากสรุป คิดว่าแต่ละความคิดเห็น ล้วนมีประโยชน์ที่หยิบไปใช้ในบริบท และ สถานการณ์ต่างๆ รายละเอียดเพิ่มเติม อ่านได้จากบันทึกของ Dr. Ka-Poom ตอนที่ 5 และ 6 ค่ะ