เมื่อผมมีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ที่ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ความรู้สึกเก่าๆก็พลันเข้ามาในห้วงของความรู้สึก ผมตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็ออกมาหน้าบ้าน (ของน้าชาย) เราชวนไปกันทีร้านน้ำชา ซึ่งที่นครศรีธรรมราชนั้น ขึ้นชื่อว่ามีร้านน้ำชามากที่สุด แค่ในละแวกใกล้ๆจุดที่ผมอยู่นั้นอย่างน้อยที่นับได้ 3 ร้าน แต่ละร้านก็จะมีกลุ่มลูกค้าขาประจำที่มีความชอบแตกต่างกันไป การไปนั่งร้านน้ำชาตอนเช้า ภาพนี้ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่วัยเด็ก ผมจำภาพของอาหารพื้นถิ่น เช่น ข้าวมันแกง, ขนมปาดะ, ขนมจู่จ่น, โรตี, ข้าวเหนียวเหลืองหน้ากุ้ง และอื่นๆอีกมากมาย อีกทั้งภาพบรรยากาศของการพูดคุยแบบกันเอง เรื่องราวต่างๆที่หลากหลาย มักจะถูกนำเข้ามาที่ร้านน้ำชาเป็นประจำทุกวัน ร้านน้ำชา จึงคล้ายๆกับพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่เป็นธรรมชาติและถูกกับจริตของคนบ้านผมก็อาจจะว่าได้
ออกจากร้านน้ำชา ผมเดินกลับบ้าน ระหว่างทางผมเหลือบเห็น "ทางเท้า" หรือทางเดินแบบเก่าๆ เป็นภาพที่ติดตาผม พื้นทรายขาว หญ้าปกคลุม และมีต้นมะพร้าวกระจัดกระจาย ต้นยางที่ยืนไม่เป็นระเบียบมากนัก ภาพนี้มันดึงความรู้สึกเก่าๆขึ้นมาทันที ตอนเด็กเราเคยวิ่งเล่นในที่แบบนี้ เล่นทหาร เล่นยิงปืน เล่นหยบยิง เด็กแต่ละคนจะหาปืนไม้ทำเองบ้าง ปืนของเล่นที่มีขายบ้าง แล้วเราก็แบ่งฝ่ายสู้รบกับแบบทหาร การยิงก็ไม่มีกระสุนใดๆ เราใช้เสียงแทนการยิง เรามีกติกา 2 แบบ แบบแรกคือ เห็นตัวตาย และแบบที่ 2 คือใครไม่มีกำบังตาย แบบแรกก็คือ แต่ละฝ่ายจะต้องเข้าไปซ่อนตัว และหาฝ่ายตรงข้ามให้เจอ ใครเห็นก่อนก็ออกเสียงว่า "ปัง" แล้วตามด้วยชื่อ คนที่เราพบ เท่านี้แหละครับคนนั้นก็จะตายทันที ส่วนแบบที่สองนั้น เห็นตัวแล้ว แต่ต่างก็หลบอยู่หลังต้นไม้บ้าง หรือสิ่งกำบังอย่างอื่น เราก็ต้องออกเสียง "ปัง...ปัง...ปัง..." ไปเรื่อยๆ จนกว่าเพื่อนฝ่ายตรงข้ามจะวิ่งออกจากกำบัง แล้วเราต้องรีบยิง "ปัง (ตามด้วยชื่อ)" ก็เท่ากับเพื่อนคนนั้นต้องตายตามกติกา
พูดถึงทางเดิน ก็มีเรื่องราวมากมายชวนให้เรานึกถึงมัน สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นภาพที่ชินตาของคนที่อยู่กับมันเป็นประจำ แต่เมื่อใดที่เราห่างมันออกไป เราจะเห็นคุณค่าของมัน ที่เป็นมากกว่าราคาค่างวดใดๆ แต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าในความรู้สึก มากกว่า
คราวที่ผมไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เวลาใดก็ตามที่ผมเห็นทางเท้าแบบคล้ายๆที่บ้านผม ผมก็อดทีเกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาทันที
ยังคงมีอีกหลายสิ่งที่มีคุณค่าต่อจิตใจของคนเรา แต่ก็มีหลายสิ่งเช่นกัน ที่ค่อยๆเลือนหายไปจากวิถีในชุมชน โดยฝีมือของคนเรานี่แหละ กว่าจะรู้จักคุณค่ามันก็เหลือเพียง "ตำนานเล็กๆ" ที่นับวันจะค่อยๆหายไป และมีสิ่งที่คนเรียกมันว่า "การพัฒนา" หรือความทันสมัยเข้ามาแทน