เขาคิชกุฎเมืองไทย


ไปเพื่อฝึกสติ พละ อินทรีย์ ของเราเอง

เขาคิชกุฎประเทศไทยที่ไม่แพ้ในอินเดีย…..เรามีโอกาสได้เดินทางไปขึ้นเขาคิชกูฎชึ่งเป็นช่วงที่กำลังมีงานเทศกาลขึ้นเขาปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น ได้ไปมาแล้วเมื่อ วันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา เพราะเขาบอกต่อกันมาว่าถ้ามิไปช่วงนี้ท่านจะต้องขออนุญาตก่อนและต้องเดินขึ้นเขาอย่างเดียวเท่านั้น โดยที่ตั้งใจว่าจะไปดูสภาพทั่วๆไปก่อนเพื่อสำรวจว่าจะพาพ่อกะแม่ไปได้อ่ะเปล่า พอไปถึงจริงๆแล้วก็เปลี่ยนเป็นต้องตั้งจิตขึ้นไปเชียวหล่ะเนื่องจากฝนโปรยละอองตลอดเวลา การเดินทางขึ้นเขานั้นต้องซื้อตั๋วขึ้นนั่งบนรถ 4 W สองทอด แต่ละทอดของการนั่งรถขึ้นไปนั้นเหมือนขึ้นรถแข่งแรลลี่เลย ทั้งคด ทั้งโค้งและลื่น แต่จิตที่เข้มแข็งหรือจะกลัว(5555 แล้วใครจะเดินขึ้นก็ได้มีทางเดินเท้าให้)

 

 

รถคันที่เราขึ้นมีทั้งหมด 12 คน คนที่อายุมากกว่าเราก็หลับตากันปี๋เลย เด็กเล็กที่นั่งกะแม่ข้างๆเราเค้าคงสนุกนั่งหัวเราะส่งเสียงตลอดทาง ทำให้สารแห่งความสุขบังเกิดขึ้นแทนความกลัว กับเรา(อิ อิ เนื่องจากจิตมีที่มองใหม่ไง) ระหว่างทางก็มีความงดงามของธรรมชาติป่าไม้ ความสดชื่นและเย็นของอากาศ พอมาถึงลานจอดรถต่อที่สองก็มีผู้คนอีกมากมายรอต่อรถ เพื่อขึ้นและลงเขาตามคิวที่ซื้อได้  บริเวณนี้ก็มีร่องรอยของวัดเก่าที่มีประวัติว่ามีหินเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์โบราณหลงเหลือให้เห็นอยู่ไม่เชื่อแล้วก็ไม่หลบหลู่ ในขณะที่รอรถก็เดินไปนมัสการตามธรรมเนียม แล้วก็ถึงคิวต้องขึ้นนั่งรถที่หวาดเสียวต่อไปจนถึงลานบริเวณที่ต้องเดินต่อเพื่อขึ้นเขา(หยุดตั้งจิตอีกรอบเพื่อปรับสภาพ555) บริเวณลานนี้ก็จะเต็มไปด้วยเสียง ภาพ ที่ถูกปรุงแต่ง ซึ่งก็เป็นการจำลองย่อส่วนประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาไว้ที่เขาคิชกุฎจันทบุรีนี้ ผู้คนเดินขึ้นเดินลงกันมากมายมีทุกเพศทุกวัย ที่เดินเองไม่ไหว ก็มีบริการหามขึ้น- ลง ด้วยเสลี่ยงสี่คนหาม ในราคาขณะปัจจุบันที่ขึ้นคือ 500 บาทต่อเที่ยวถ้าขึ้นลงก็ 1000 บาท บรรยากาศภูมิประเทศดีมากๆโอโซนเกินร้อย(5555เพราะไม่รู้สึกหอบเหนื่อยเลยสดชื้นสดชื่น ใครยังไม่ได้ไปอินเดียก็ไปซ้อมที่นี่ก่อน) ระหว่างทางเดินก้อจะมีการเตือนสติด้วยคำกลอน คำคม โปรยดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ เตือนจิตกันไปตลอดทาง สำหรับท่านที่ยังไม่เคยไปก็ขอแนะนำให้ไป ไปเพื่อฝึกสติ พละ อินทรีย์ ของเราเอง 

 

 

 

 

 

 

เรามาทราบภายหลังจากลงเขามาแล้วว่าคนหามเสลี่ยง เจ้าหน้าที่ที่ขับรถ นั้นเขาฝึกซ้อมเดินและขับรถกันก่อนมีภารกิจตั้ง 2 เดือน ดังนั้นปลอดภัยแน่นอน และวันที่เราขึ้นเขานั้นตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อเขียน พอดี… เทศกาลงานจะมีจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2555…ในที่สุดก็ต้องกลับ แต่ก่อนกลับได้เลยไปนอนที่หาดเจ้าหลาว ก่อนนอนก็สนองกิเลสความอยากด้วยอาหารทะเล ตามด้วยผลไม้ที่ชื่อว่าสละ…..แล้วระหว่างทางกลับพิษณุโลกได้แวะไปกราบนมัสการพระอาจารย์สุวรรณ บัวสรวง (ประกาศิต ธรรมคุณ) วัดยาง จังหวัดอ่างทอง อยู่ตรงข้ามกับค่ายบางระจัน สิงห์บุรีพอดี… ถึงบ้านแล้วเล่าให้พ่อจ๋าแม่จ๋าฟัง ท่านทั้งสองบอกว่าสงสัยจะม่ายยยยยหวายยยยยน่ะลูก5555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 479579เขียนเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2012 07:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม 2012 10:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท