สมัยการ ปฏิวัติด้วยแนวคิดป่าล้อมเมือง
โดยใช้กำลังอาวุธ เมื่อ 20
ว่าปีก่อนมีนิทานปลุกใจให้ต่อสู้กับความยากลำบากของการแย่งชิงอำนาจรัฐ
เรื่องลุงโง่ย้ายภูเขา
ลุงโง่ใช้จอบเสียมขุดภูเขาเพื่อถากถางเส้นทางเดินไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
แม้ใครจะเหยียดหยามว่าไม่มีวันสำเร็จและเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่ลุงโง่ก็ทำสำเร็จ
ลุงโง่ คือ ลุงฉลาด ภูเขาคือ อำนาจที่ไม่เป็นธรรมและปัญหา
ณ กาลปัจจุบัน สังคมไทยมีเรื่องยากๆ
ที่เป็นปัญหาซับซ้อนจนดูเหมือนจะแก้ไขเอาไม่ได้เสียเลย เป็นต้นว่า
เรื่องคอร์รัปชั่น ความยากจน หนี้สินของประเทศและประชาชน
การปฏิรูปการศึกษา
การเอารัดเอาเปรียบของผู้มีอำนาจและร่ำรวยในการแย่งชิงทรัพยากรไปจากคนยากจน
ฯลฯ สังคมไทยต้องการลุงฉลาดจำนวนมากเข้าไปร่วมแก้ไข
เรื่องปฏิรูประบบสุขภาพ
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความยากลำบากและอยู่ในภาวะสับสนคนไทยต้องการเห็น
สุขภาพดีตั้งแต่เกิด อยู่ เจ็บ แก่ ตาย
และสามารถสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอย่างถ้วนหน้า
โดยมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตผู้คนของเรา
ในการปฏิรูประบบสุขภาพอยู่หลายเรื่องที่สำคัญคือ
เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ที่มีกฎหมายจากภาษีเหล้า บุหรี่
ร้อยละ 2 ทำงานสนับสนุนองค์กรสุขภาพอยู่ทั่วประเทศ
เรื่องการกระจายอำนาจสุขภาพ(กสพ.) ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ประชาคมสุขภาพ หน่วยงานด้านสุขภาพ
ผู้ทรงคุณวุฒิจะร่วมกันดูแลสุขภาพของคนในแต่ละจังหวัดและรองรับการถ่ายโอน
ภารกิจงาน เงิน คน ในอนาคตตาม
พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เรื่องนโยบาย 30 บาทต่อโรค
ที่พัฒนามาเป็นร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกันสุขภาพแห่งชาติ
ที่เน้นการบริการแบบเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข
ให้คนจนมีบัตรทองและเสียค่าใช้จ่ายราคาไม่แพงเกินไป
นโยบายนี้เป็นหน้าเป็นตาของรัฐบาลแต่ก็เริ่มถูกคัดค้านว่าทำให้โรงพยาบาล
จังหวัด/ศูนย์/มหาวิทยาลัย และเอกชนขาดทุนจำนวนมหาศาล
ขณะที่ประชาชนพึงพอใจและเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง
แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจในคุณภาพการบริการและยาที่ได้รับ
ตลอดจนความถี่ต่อครั้งของการมารับบริการมีปริมาณเพิ่มขึ้น
จนต้องเสียค่าเดินทาง ที่พัก ค่าอาหาร และเสียเวลา
ญาติพี่น้องมากขึ้น
การรวมกองทุนอื่นๆ
โดยเฉพาะกองทุนประกันสังคมเข้ามาร่วมด้วยกันก็ถูกคัดค้านจากสหภาพและคนงาน
รับจ้าง ผลที่สุดอาจมีแนวโน้มร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ
คงต้องแยกระดับโรงพยาบาล คุณภาพยาและการบริการ
เทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษาตามราคาที่เป็นจริงและการเลือกรับบริการ
ทำนองคนมีกำลังทรัพย์ในการจ่ายก็สมควรจ่ายในอัตราที่สูงกว่า 30 บาท
รวมทั้งชะลอการรวมกองทุนหรือไม่เขียนเรื่องนี้ไว้
เรื่องต่อมาคือ ร่าง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ
ที่กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศและจะรวมพล
กว่า 3,000 คน ในวันที่ 8-9 สิงหาคม 2545 นี้ ที่ศูนย์ไบเทค บางนา
กรุงเทพฯ ร่าง พ.ร.บ. นี้เคลื่อนไหวมา 2 ปีกว่าแล้ว รับฟังภาคีกว่า
1,500 ภาคี อำเภอทั่วประเทศอีกราวๆ 450 แห่ง เวทีจังหวัดอีก 75
จังหวัดๆ ละ 600 คน
มีอนุกรรมการยกร่างจากประชาชนที่ทำงานกันแทบทุกอาทิตย์
โดยใช้ยุทธศาสตร์สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี
ได้แก่
ความรู้ทางวิชาการ โดยมีการศึกษาวิจัย การสำรวจความคิดเห็น
การตั้งเวทีเสวนาวิชาการ ถกเถียงหาความรู้ ความจริง
และพัฒนาศักยภาพทางปัญหากันอย่างถึงพริกถึงขิงและเชื่อมร้อยกับความคิดเห็น
ของประชาชน
การเคลื่อนไหวภาคประชาชน โดยร่วมมือกับประชาคม เครือข่าย กลุ่ม
องค์กรที่ทำงานทางสังคมและสุขภาพทุกจังหวัดทุกภาคีทั่วประเทศในการระดม
ข้อมูล ความคิดเห็นมารวบรวม เรียบเรียง เป็นรายหมวด รายมาตรา
เพื่อแก้ทุกข์และสาเหตุแห่งทุกข์
มาสู่สุขภาพอันพึงปรารถนาของคนไทย
การประสานงานกับภาคการเมืองและราชการ
ทั้งกรรมาธิการสาธารณสุขของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
พรรคการเมืองทุกพรรค กระทรวงสาธารณสุข กรม กองต่างๆ
และสาธารณสุขทุกจังหวัด สำนักงบประมาณ สำนักงานข้าราชการพลเรือน
สภาพัฒน์ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ศึกษาความเป็นไปได้
ข้อโต้แย้ง ปัญหาอุปสรรคต่างๆ และการสนับสนุนประเด็นต่างๆ ในร่าง
พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ
สาระสำคัญที่ยังเป็นข้อถกเถียงและมีความแตกต่างกันอยู่ในขณะนี้
ได้แก่
แนวคิดและนิยามของคำว่า "สุขภาพ" (มาตรา 3) ที่ในร่าง
พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติกินความกว้างเป็นองค์รวม ทั้งสุขภาพกาย จิตใจ
สังคม และจิตวิญญาณ
ซึ่งผู้คนส่วนหนึ่งมีความเห็นว่าเรื่องจิตใจกับจิตวิญญาณเป็นเรื่องเดียวกัน
แต่ในร่าง พ.ร.บ.นี้ให้ความหมายจิตวิญญาณลึกซึ้งถึงความเอื้ออาทร
การช่วยเหลือเกื้อกูล ความดีงามที่อยู่ในจิตใต้สำนึกด้วย
สิทธิการตายอย่างมีศักดิ์ศรี(มาตรา 24) โดยในร่าง พ.ร.บ.
ไม่ต้องการให้มีสายยางเต็มร่าง
หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะเครื่องช่วยหายใจ จิตใจหวั่นไหว
สุดท้าย ... ตายแพง ! คนที่ป่วยจนรักษาก็ตาย
ไม่รักษาก็ตายสมควรมีสิทธิเลือกตายอย่างสงบและมีศักดิ์ศรีในบั้นปลายของ
ชีวิตโดยไม่ถูกยึดชีวิตหรือถูกแทรกแซงการตายเกินความจำเป็นและเพื่อไม่ให้
เป็นภาระในทุกๆ ด้าน โดยให้มีสิทธิแสดงความจำนงล่วงหน้าได้
ประเด็นนี้มีข้อโต้แย้งว่า แพทย์สามารถปล่อยให้ใช้สิทธินี้ได้หรือไม่
? ผิดจรรยาบรรณแพทย์หรือไม่ ? ที่มีหน้าที่ช่วยชีวิตผู้ป่วย
ญาติพี่น้องจะขัดแข้งกันระหว่างคนที่จะใช้มาตรนี้กับผู้ที่ต้องการยึดชีวิต
ไว้ และอาจจะมีคนที่ไม่ถึงวัยอันสมควรตายอ้างสิทธิในมาตรานี้แบบผิดๆ
ได้
การบริการสุขภาพไม่เป็นไปเพื่อการค้ากำไรเชิงธุรกิจ(มาตรา 31)
ปัจจุบันการบริการสุขภาพมีค่ารักษาพยาบาลที่แพง
เพราะมีการนำโรงพยาบาลไปเข้าตลาดหุ้น
ซึ่งต้องค้ากำไรและปันผลแก่หุ้นส่วน มีการคิดค่ารักษา ค่ายา ค่าตรวจ
ค่าบริการในอัตราสูง คนไข้แค่ปวดท้องนอนโรงพยาบาล 1 คืน ได้น้ำเกลือ 2
ขวด ต้องเสียเงินราว 6,000 บาท ทั้งที่ควรเสียแค่ 600 บาท
ข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ก็คือ มีการลงทุนสูงในสถานบริการ
และเมื่อทำโรงพยาบาลหรือคลินิกก็ต้องเอากำไร ไม่งั้นจะทำไปทำไม
การช่วยคนไข้อย่างเดียวเป็นอุดมคติเกินไป
คำว่าไม่ค้ากำไรจึงต้องคำนวณว่าความเหมาะสมอยู่ที่ไหน ?
ซึ่งคงต้องถกเถียงในรายละเอียดต่อไป
หากมาตรการนี้สามารถฝ่าด่านประกาศใช้ได้
การมีคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(คสช.) สำนักงาน สคช.
สมัชชาพื้นที่สมัชชาเฉพาะประเด็นสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ(หมวด 3-5, มาตร
35-6 เป็นการเคลื่อนย้ายอำนาจออกจากกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่?
เจตจำนงของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติต้องการทำเรื่องนโยบาย ยุทธศาสตร์
มาตรการ และแผนสำคัญๆ ในลักษณะองค์รวมเชื่อมโยงกับทุกกระทรวง
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารงาน เงิน คน
ที่อยู่ในระบบปกติของกระทรวงสาธารณสุข
และต้องการอิสระจากระบบการเมืองและราชการ
แต่อยู่ในกำกับและได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลเป็นประจำทุกปี
การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ(ตามมาตรา 21-22)
เมื่อมีการปล่อยน้ำเสียปลาตาย สารพิษ ควันพิษ กลิ่นเหม็น เสียงดัง
รำคาญ ทิ้งขยะไม่เป็นที่ ฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย เกิดโรคทางเดินหายใจ
ประชาชนมีสิทธิร้องขอร่วมประเมินผล ฟ้องร้องได้
กรณีนี้มีข้อสังเกตว่าในทางปฏิบัติจริงจะไม่มีผลเหมือน
พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ที่ใช้มา 10 ปี แต่ไม่มีผลทางปฏิบัติ
พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติจะควบคุมและปฏิบัติให้ดีขึ้นได้อย่างไร?
กองทุนร้อยละ 1 (มาตรา 85(5)) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และกองทุนร้อยละ
3 เพื่อการวิจัยหาความรู้(มาตรา 88 (2))
จากงบประมาณทั้งหมดของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกองทุนต่างๆ
รัฐบาลมีแต่อยากยุบรวมไม่อยากสร้างเพิ่ม เพราะรัฐบาลเข้าใจเองว่า
งบประมาณไม่เพียงพอในการสร้างกองทุน
ความจริงรัฐบาลมีเงินแต่อยู่ที่ว่าต้องการใช้เงินไปกับเรื่องอะไร แต่
พ.ร.บ.นี้ไม่ได้ของบประมาณเพื่อมาสร้างกองทุน แต่ใช้งบประมาณปกติ
เพียงแต่จัดสัดส่วนเงินมาทำเรื่องคุ้มครองผู้บริโภค
การหาองค์ความรู้และข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพให้ชัดเจนขึ้น
การส่งเสริมสนับสนุนระบบหมอพื้นบ้าน
การรับรองและการรวมตัวให้บริการประชาชนได้(มาตรา 81-83)
ประเด็นนี้เป็นที่ห่วงใยว่าจะก่อให้เกิดการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐานและผล
กระทบจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
แต่ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ดูแลรักษาพึ่งตนเองทางสุขภาพ
ตลอดจนการมีหมอพื้นบ้านสมุนไพรที่ช่วยรักษาและช่วยชีวิตคนมาแต่ดั้งเดิม
แต่ถูกการแพทย์สมัยใหม่เบียดบังและสร้างค่านิยมดูถูกการแพทย์พื้นบ้านเป็น
เรื่องที่ต้องฟื้นฟูส่งเสริมและสร้างการยอมรับในกฎหมายให้ได้
กฎหมายลูกออกก่อนกฎหมายแม่ จะขัดแย้งกันหรือไม่ !
พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ(30 บาทต่อโรค) อยู่ในวุฒิสภา ขณะที่
พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติยังไม่ได้เสนอคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา
แม้ว่าจะทำเป็นธรรมนูญสุขภาพที่เสมือนเป็นกฎหมายแม่แต่ออกทีหลังจะครอบคลุม
กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพไดอย่างไร
ประเด็นนี้อนุกรรมการร่าง
พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติตระหนักดีและได้ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายอื่นๆ
ตลอดเวลา ซึ่งอนาคตอันใกล้นี้คงปรับปรุงมาตราต่างๆ
ให้สอดคล้องกันกับกฎหมายอื่นๆ
ในภาพรวม ร่าง พ.ร.บ.สุขภาพนี้มีมิติใหม่ๆ
ในการร่างกฎหมายจากฐานล่างที่เป็นภาคประชาชนจริงๆ
ถือว่าเป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของมากหาก
รัฐบาล ส.ส. ส.ว. กฤษฎีกา และข้าราชการต่างๆ
ยอมรับกระบวนการนี้จะร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์การร่างกฎหมายใหม่ขึ้น
และช่วยกันแก้ไขปรับปรุงให้ร่างนี้สามารถมีแนวทางมาตรการที่ปฏิบัติได้จริง
สังคมไทยก็มีอนาคตที่ดี
บทความโดย สมพันธ์
เตชะอธิก
กะลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่พอดี
ขอบคุณมากนะคะ
^O^
ขอบคุณครับ ที่สนใจข้อมูลเรื่องนี้ :)