การสร้างค่านิยมการแต่งกาย


การสร้างค่านิยมการแต่งกาย

 

 

ข้อคิด-ข้อเขียนเพื่อสังคม  หากท่านสนใจเนื้อหาอื่น ๆ
กรุณาคลิก ที่นี่สู่เว็บทันที่
http://www.nature-dhrama.com
http://www.nature-dhrama.ob.tc
และหากต้องการเนื้อหาสาระแนวเรื่องที่ท่านกำลังอ่าน
ให้ท่านคลิกหัวข้อ
"การสร้างค่านิยมพอเพียง"

 

 

การสร้างค่านิยมพอเพียง
เรื่องการแต่งกาย

         การแต่งกายของคนรุ่นใหม่  รุ่นปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงจากวัฒนธรรมการแต่งกายเดิมไปมาก จนทำให้เอกลักษณ์การแต่งกายแบบไทยแทบไม่เหลือให้เห็น ทั้งนี้อาจจะมาจากหลายสาเหตุหลายปัจจัย   แต่อย่างไรก็ดีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องมองเห็นความสำคัญ  ควรใส่ใจที่แก้ไขปัญหาเพราะค่านิยมการ
แต่งกายแบบไทยสมัยก่อนมีคุณค่ายิ่ง

         การแต่งกายเป็นการแสดงถึงเอกลักษณ์ประจำชาติอย่างหนึ่ง เป็นการแสดงออกถึงประเพณีวัฒนธรรมทั้งรวมถึงการแสดงออกถึงค่านิยมที่ดีงามตามประเพณีวัฒนธรรม   ซึ่งถือว่าการแต่งกายแบบไทยมีคุณค่ายิ่ง  โดยเฉพาะของผู้หญิง  มีรูปแบบต่าง ๆ   ที่สวยงาม  และที่สำคัญคือสร้างค่านิยมออก
แบบการแต่งกายแบบรักนวลสงวนตัว  ซึ่งถึอเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาติพึงช่วยกันรักษาเอาไว้ให้เป็นเอกลักษณ์  การที่จะปรับเปลี่ยนบ้างตามแฟชั่นสมัยใหม่ก็ควรอยู่บนพื้นฐานประเพณีวัฒธรรมแบบไทยของเรา  แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้ดีงามอันสอดคล้องกับวัฒนธรรม 
การแต่งการแบบไทย  ซ้ำยังตามแฟชั่นที่ไม่เหมาะสม กัประเพณีไทยและยิ่งเพิ่มทวีขึ้นทุกวี่ทุกวันโดยรัฐเองไม่มีนโบบายควบคุม   ปล่อยให้เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล จนทำให้เอกลักษณ์การแต่งกายแบบไทยแทบไม่เหลือให้เห็น

           วัฒนธรรมการแต่งกายของไทยกล่าวโดยรวมคือแต่งกายแบบรักนวลสงวนตัว ซึ่งเน้นในสุภาพสตรีเป็นสำคัญ    สุภาพสตรีใช้เครื่องแต่งกายแบบปกบิดคือไม่อวดสัดส่วนอวัยวะที่พึงสงวนทั้งหลาย   นั่นเป็นการแสดงออกถึงรักนวลสงวนตัว  ไม่แต่งกายแบบล่อแหลม ยั่วยวนในกามรมณ์นั่นเอง คนสมัยก่อนถือความนิยมอย่างนี้  และถืออย่างเคร่งครัด เสมือนมีกฎหมายควบคุม   จึงเป็นสิ่งที่น่ายินดียกย่อง และควรปฏิบัติความดีงามเหล่านีี้
ให้สืบทอดต่อไป   แต่น่าเสียดายที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายไม่ได้เห็นคุณค่าสิ่งดีงามเหล่านี้   กลับเมินเฉยในรสนิยมการแต่งกายของคนรุ่นใหม่ที่ขัดต่อประเพณีวัฒนธรรมอย่างสิ้นเชิง

          รสนิยมของคนรุ่นใหม่ที่ไปหลง  ไปผูกพันธ์กับแฟชั่นตะวันตก ซึ่งเป็นตัวทำลายเอกลักษณ์การแต่งกายแบบดังเดิมของไทยอย่างน่าเป็นห่วง  ด้วยเหตุด้านการสื่อสาร   ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย   ทำให้การหมุนตามแฟชั่นของคนรุ่นใหม่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว    ประกอบกับด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องสนับสนุนได้หลายทาง ความคล่องตัว และรวดเร็วในการเผยแพร่เพิ่มมากขึ้น     ยิ่งรัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะคอยกำกับดูแลเรื่องนี้ให้เป็น
ไปตามกรอบ  ตามแบบที่ควรจะเป็น ก็ยังแต่จะเร่งวันให้เอกลักษณ์การแต่งกายประจำชาติสูญสิ้นไป

          การแต่งกายแบบตะวันตกเป็นแบบที่ตรงข้ามกับการแต่งกายแบบไทยโดยสิ้นเชิง  การแต่งของฝรั่งเป็นแบบไม่รักนวลสงวนตัว แฟชั่นจึงออกแบบมาในรูปแบบอวดสัดส่วนของอวัยวะที่พึงสงวน   จึงคล้ายกับการแต่งกายที่ส่อในทางยั่วยวนให้หลงไหลในด้านกามรมณ์  เช่นเสื้อสายเดี่ยวไร้สาย ไร้บ่า  ไร้แขนต้องการที่จะอวดเนื้อหนังมังสา   อาจจะใช้วิธีที่หลากหลายเช่น เนื้อผ้าใสบาง  เปิดเป็นส่วนเว้าส่วนโค้ง  หรือไม่ก็ใช้วิธีการรัดรูป
กางเกงที่ออกแบบเพื่อส่งเสริมการอวดสรีระเป็นสำคัญ  เช่น ขาสั้น   ขากว้าง  สะเอวต่ำ  รัดรูป  หากเป็นกระโปรงก็เข้าในทำนองนเช่นกัน แฟชั่นที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะแพร่ในสังคมอย่างรวดเร็ว เพราะการสื่อสาร และการธุรกิจเป็นสำคัญ   และอาจยังมีปัจจัยอื่น ๆ ขับเคลื่อนบ้าง

          โทรทัศน์เป็นสื่อสารอย่างดีอันดับหนึ่งในเรื่องการนำเสนอแฟชั่น   ด้วยเหตุที่ดาราเป็นเจ้าแห่งรายการโทรทัศน์ก็ว่าได้     เหล่าดารามาร่วมเป็นพิธีการในหลายรายการ   หลายช่อง  เหล่าดารายังเป็นแขกรับเชิญยอดนิยมในการเข้าร่วมรายการต่าง ๆ  ทั้งนี้เพื่อดึงดูดแฟน ๆ รายการทำให้รายการเป็นที่นิยมมากขึ้น   ส่งผลต่อด้านธุรกิจโฆษณา  ทางโทรทัศน์ก็มีผลเชิงธุรกิจเพิ่มขึ้น  ส่วนการชื่นชอบดารา  การหลงไหล การคลั่งในดารานี้เองที่ีทำให้แฟน ๆ รายการมีโอกาสลอกเลียนแบบดารา โดยเฉพาะการลอกเลียนแบบแฟชั่นเป็นเรื่องทำง่ายที่สุด  ยิ่งโทรทัศน์ เป็นสื่อสารที่มีใช้แพร่หลาย ไม่ว่าจะในเมือง หรือในชนบท ดังนั้นการเผยแพร่แฟชั่นการแต่งกายจึงรวดเร็ว  และกว้างขวาง   ประกอบกับธุรกิจการโฆษณาปัจจุบันรู้วิธีการเจาะตลาด   เมื่อธุรกิจด้านแฟชั่นเข้ามาร่วมในกิจกรรมด้านแฟชั่นด้วยก็เป็นอีกแรงหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อน  สนับสนุนไปตามแผนการตลาด  จึงเป็นตัวเสริมสนับสนุนค่านิยมการแ่ต่งกายแบบแฟชั่นใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี   ฉะนั้นหากพิธีกรรายการ  หรือรายการต่าง ๆ
เป็นดารา  และแต่งกายโดยนำแฟชั่นสมัยใหม่แบบตะวันตก อย่างที่เห็นกันทั่วไปอย่างปัจจุบันนี้ ประกอบกับรัฐบาลไม่มีนโยบายในการควบคุมด้วยแล้ว เรื่องนี้จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือห่วงเรื่องความสูญเสียเอกลักษณ์แต่งกายแบบไทย ๆ หรือการแต่งกายแบบไทย ๆ ในปัจจุบันที่ควรน่าจะเป็น

         หากเอกลักษณ์การแต่งกายประจำชาติของเราสูญหายไป ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง  เราเศร้้่าใจในจุดไหนบ้าง  ก็ควรจะเศร้าใจในเรื่องระบบความเป็นชาตินิยม   เรื่องสูญเสียเกียรติศักดิ์ศรีของความเป็นไทย  เรื่องสูญเสียประเพณีวัฒนธรรมกายแต่งกายที่ดีมีคุณค่า ที่น่าหวงแหน   อย่างใครต่อใครที่เป็นชาวต่างชาติเขายกย่องเราในเรื่องนี้   ที่สำคัญคือการแต่งกายแบบรักนวลสงวนตัวเป็นเรื่องที่เหมาะสมยิ่งกับขนบธรรมเนียมประเพณี  และวัฒนธรรมของไทยเรา ในส่วนของผลทางอ้อมลึก ๆ การแต่งกายอย่างแบบไทยเรานี้เป็นการปลูกฝังจิตใจในด้านจริยธรรม คุณธรรมได้ สามารถที่จะควบคุมอารมณ์  ความรู้สึกนึกคิด  หรือช่วยสร้างสร้างสรรค์ควา์มคิดความอ่านในเรื่องดี ๆ  ที่ทรงคุณค่าตามจารีต  ประเพณีของไทยเราได้ เอกลักษณ์การแต่งกายแบบไทยจึงควรอนุรักษ์  และส่งเสริม   หรือหากจะมีการดัดแปลงบ้างตามยุคตามสมัยก็ควรอยู่บนความพอดี   พองาม  ด้งเช่นกายแต่งกายของเพื่อนบ้านรอบ ๆ เมิองไทยเรา

          หากเราได้สัมผัสกับการแต่งกายของชาวลาว   ชาวเขมร   ชาวพม่า   ชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเรา    รู้ความเคลื่อนไหวในเรื่องการแต่งกายของแต่ละประเทศ  ท่านจะได้เปรียบเทียบ และเกิดความรู้สึกนึกคิดในด้านต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี    ท่านไม่ต้องลงทุนลงแรงนั่งรถนั่งเรือเพียงท่านเปิดโทรทัศน์ที่ช่องต่าง ๆ ของชาตินั้น ๆ  ก็ได้สัมผัสเรื่องนี้ได้ทันที  นี่อีกทั้งยังตรงประเด็นตามที่ผู้เขียนอ้างสื่อ
โทรทัศน์ว่า     เป็นสื่อกลางสำคัญในเรื่องการเผยแพร่แฟชั่นอีกด้วย     เมื่อท่านได้สัมผัสท่านคงอดชื่นชมไม่ได้      และคงใช้คำว่า "ชาตินิยมดีแท้ น่าชื่นชมจริง ๆ " และหากหวนกลับมามองการแต่งกายของคนไทยรุ่นใหม่ ท่านน่าจะสำลักประโยคที่ว่า "ไร้ชาตินิยมแท้  มันแย่จริง ๆ " อะไรทำนองนี้  ผู้เขียนเองคิดว่าหลาย ๆ ท่านคงมีความรู้สึกดังที่กล่าว

         ผู้เขียนเองตั้งใจที่จะเปิดดูรายการโทรทัศน์ของเพื่อนบ้าน เพื่อดูความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ตามที่เราต้องการ  โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกาย ด้านประเพณีวัฒนธรรม    บอกตรง ๆ ว่าชื่นชมในความเป็นชาตินิยมของเขา  ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียดาย  เสียใจ  ที่เอกลักษณ์การแต่งกายแบบไทยไม่ได้มีการอนุรักษ์ ไม่ค่อยมีนโยบายที่ใช้ควบคุม  หรือกำกับดูแล  ประเทศที่ใส่ใจหวงแหนเรื่องชาตินิยมที่เป็นที่กล่าวขานพอสมควรที่อยู่ใกล้บ้านเรา
คือประเทศภูฐาน  เราน่าจะศึกษา  น่าจะเอาอย่าง เพราะเรื่องเหล่านี้น่าจะมี ความสำคัญ และจำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่  คนรุ่นที่ปล่อยให้มีอิสระเสรีเกินไป ซึ่งบางครั้งเป็นการเลยขอบเขต และอาจจะมีผลเสียในเรื่องบางสิ่งบางอย่างตามมาก็ได้ รัฐบาลควรจะเห็นความสำคัญ ควรจะศึกษาวิจัยกันบ้างน่าจะดี จะได้มีแนวปฏิบัติเพื่อการพัฒนาต่อไป

         จากข้อมูล และเหตุผลที่กล่าวมาพอที่จะมองเห็นภาพปัจจัย  ปัญหา หรือแนวทางต่าง ๆ เพื่อประกอบการแก้ไขปรัปรุง หรือพัฒนาได้บ้าง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องมองหาความจริง  สืบค้นปัญหา  และมองกาลไกลในอนาคตเป็นสำคัญ   ถ้าหากยังมองเรื่องนี้ว่าไม่สำคัญก็เท่ากับบ้านเมืองเราไร้ซึ่งชาตินิยมไม่รักเกียรติ รักศักดิ์ศรี  ไม่รักขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม  อันทรงคุณค่าของชาติ

          ด้วยเหตุผลนี้ผู้เขียนจึงมองเห็นว่ารัฐบาลควรมีนโยบายในเรื่องนี้อย่างแน่ชัด  จึงใคร่ฝากผู้ใหญ่ทั้งหลายในบ้านเมืองช่วยกันคิดหาแนวทาง ช่วยกัยแก้ไข ปรับปรุงพัฒนาให้ถูกทิศถูกทาง ตามสมควรที่จะพึงกระทำ

          สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องอีกฝ่ายหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหา หรือส่งเสริมเรื่องนี้ได้คือสังคม  อ้างคำว่าสังคมดูมันกว้างไป   หากชี้ลงให้ชัดคือครอบครัว   ครอบครัวถือว่าสังคมเล็กที่สุดที่พอจะคอยควบคุม    ประคับประคองบุตรหลานให้อยู่ในกรอบได้   สร้างค่านิยมเรื่องนี้ให้บุตรหลานได้   จึงขอเสนอแนะเป็นแนวทางไว้บ้างตามสมควร

          ครอบครัวมีความสำคัญยิ่งที่จะปลกูฝัง   ปูพื้นฐานเกี่ยวกับค่านิยมต่าง ๆ  ให้แก่บุตรหลาน   ความใกล้ชิดทำให้เราควบคุมดูแลได้ตามต้องการ   ความอ่อนวัยของผู้เป็นบุตรหลานอยู่ในช่วงที่สั่งสอนได้ง่าย  ดังที่ว่า "ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" บทบาทสำคัญของพ่อแม่ผู้ปกครองจึงใช้ใด้้เต็มที่
เต็มความสามารถ ที่สำคัญหากพ่อแม่ผู้ปกครองอย่าหลงทางเสียเองซึ่งเข้าทำนองที่ว่า "แม่ปูสอนให้ลูกปูหัดเดิน"

          ปัจจุบันมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องนี้อยู่พอสมควร  ปัจจัยเสี่ยงที่ว่าคือศูนย์การค้า  พ่อแม่ผู้ปกครองมักจะนำบุตรหลานไปจับจ่ายซื้อของตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับเด็กมีมากมาย   หากพ่อแม่ผู้ปกครองให้บุตรหลานเลือกซื้อตามใจชอบก็ไม่สามารถควบคุมในเรื่องนี้ได้  แม้ว่าเด็กจะชอบ ถูกใจในรูปแบบใด ถัาหากเราเห็นว่ามันไม่เหมาะ  ไม่ควร  ก็ควรมีเหตุผลให้เด็กได้อย่างแจ่มชัด    คอยบอก  คอยสอน   คอยเตือน   นี่เป็นการปูพื้นฐานเรื่องการสร้างค่านิยมในเรื่องการแต่งกาย  เมื่อเราเลือกซื้อเสื้อผ้าให้บุตรหลานตามแบบที่เหมาะสม   ระยะหนึ่งเมื่อเด็กมีความชินกับเสื้อผ้าที่สวมใส่  เขาก็เกิดรสนิยมตามที่เราปลูกฝังได้อย่างดี   ในขณะเดียวกันเมื่อเราเห็นแฟชั่นใดที่ไม่เหมาะสม  จะที่เห็นจากโทรทัศน ์ หรือที่เห็นจากที่ใครกำลังสวมใส่ก็ตามที  ก็คอยบอก  คอยอธิบายว่าไม่เหมาะอย่างนั้นอย่างนี้   ให้พ่อแม่ผู้ปกครองทำอย่างนี้อยู่เป็นประจำเด็กก็เกิดความเข้าใจ  และเกิดรสนิยมตามที่เราได้ปลูกฝังไว้อย่างแน่นอน

          รสนิยมที่เราปลูกฝังไว้ไม่ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องที่ถาวรพอสมควร  ความรู้สึกนึกคิดในค่านิยมต่าง ๆ ลบเลือนได้ยาก ยิ่งผู้นั้นได้ศึกษาเข้าใจท่องแท้ในเรื่องที่ตนสนใจ    ประกอบกับการเป็นคนมีเหตุผล ก็ยากจะเปลี่ยนแปลงค่านิยมแบบเดิม  แบบติดตัวมา  และโดยหลักความเป็นจริง   ผู้ที่ยอมรับ ยอมทำในสิ่งใด ๆ เขาผู้นั้นย่อมมีเหตุของเขาคู่กายอยู่แล้ว  ครอบครัวจึงมีบทบาทสำคัญยิ่งที่จะปูพื้นฐานให้บุตรหลานในเรื่องต่าง ๆ “   หมายความว่า เราสามารถจะปั้นอย่างไรก็ได้ฉะนั้นหากทุกครอบครัวช่วยกันปั้นบุตรหลานให้ถูกทางในเรื่องต่างๆเป็นเรื่องที่ดียิ่งซึ่งเรื่องนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือรวมไปถึงนโยบายของรัฐควรจะมาเกี่ยวข้อง มาศึกษาวิจัย  ให้ข้อมูลเป็นรูปธรรม ก็น่าจะช่วยส่งเสริมให้ลุล่วงไปด้วยดีและมีมาตรฐานเดียวกันโดย
ยึดหลักขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของชาติเป็นที่ตั้ง

          ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นแนวคิดเรื่องที่จะหันกลับมา    "สร้างค่านิยมพอเพียงเรื่องการแต่งกาย"      เรื่องนี้หากยึดตามหลักการดำเนินวิถีชีวิตตามแนวทางของ"ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลกแล้ว"  จะไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย   เพราะทุกเรื่องตามแนวคิดของ   ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก   คือความพอดี ความพอเพียง "พอเพียงนิยม"

         

หมายเลขบันทึก: 476456เขียนเมื่อ 27 มกราคม 2012 08:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 20:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท