พินิจหนังสือ : การจัดการความรู้ภาคปฏิบัติ
เทียมจันทร์ พานิชย์ผลินไชย 1
ศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ผู้เขียน
กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548
280 หน้า 220 บาท
วารสารศึกษาศาสตร์ ปีที่ 8 ฉบับที่ 3 ประเภทบทพินิจหนังสือ
รบกวนให้อาจารย์หมอวิจารณ์ ให้ข้อเสนอแนะก่อนนำไปตีพิมพ์
เพื่อแนะนำให้คนอ่านวารสารนี้ได้อ่าน
หากไม่มีจุดที่ควรแก้ไข จะขออนุญาตนำไปตีพิมพ์ทันทีค่ะ ขอบคุณค่ะ
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้อีกเล่มหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจ และจะนำการจัดการความรู้ไปใช้ในการพัฒนาองค์กร เพื่อให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ หนังสือเล่มนี้มีข้อแตกต่างจากหนังสือการจัดการความรู้เล่มอื่นๆ ซึ่งศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ได้เขียนไว้ใน คำนำถึงจุดเน้นของหนังสือเล่มนี้ไว้ว่า “จุดเน้นของหนังสือเล่มนี้คือ การปฏิบัติ จึงจงใจไม่เขียนตามแนวทฤษฎี แต่ถ้าอ่านให้ดีๆ จะพบว่ามีทฤษฎีอยู่ในการปฏิบัตินั้น หรือกล่าวกลับกันว่า การปฏิบัติจัดการความรู้ต้องใช้หลายทฤษฎีพร้อมๆ กัน หรือในคราวเดียวกัน ผู้ปฏิบัติจัดการความรู้ที่มีความชำนาญจะรู้จักหยิบทฤษฎีมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์” จากจุดเน้นดังกล่าวของหนังสือเล่มนี้จะเห็นได้ว่า หนังสือเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะนำการจัดการความรู้ไปใช้ในองค์กร เพราะแต่ละองค์กรย่อมมีบริบทที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่น่าจะใช้สูตรสำเร็จใดขององค์กรใดไปใช้ได้โดยตรง หนังสือเล่มนี้มีทั้งสิ้น 12 บท โดยเริ่มตั้งแต่บทที่ 1 ปฐมบท ซึ่งในบทนี้จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายของการจัดการความรู้ที่ถูกต้อง ทราบว่าการริเริ่มการจัดการความรู้เริ่มอย่างไร ในบทที่ 2 ความสำคัญของการจัดการความรู้ ในบทนี้จะทำให้ทราบว่าคุณเอื้อ คุณอำนวย คุณกิจ คุณประสาน คุณลิขิต และคุณวิศาสตร์ คือใคร มีบทบาทอย่างไร ใครคือผู้เสริมพลังความรู้/นายหน้าความรู้ นอกจากนี้ สรุปท้ายบทนี้ชี้ให้เห็นว่า คนสำคัญที่สุดในระบบการจัดการความรู้ คือ ผู้บริหารหมายเลข 1 ขององค์กรหรือหน่วยงาน เนื้อหาในบทที่ 3 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดระบบการจัดการความรู้ อะไรคือทฤษฎีขนมเปียกปูน ทฤษฎีขนมชั้น ในบทนี้จะทำให้ทราบว่าการจัดการความรู้นั้นต้องมีระบบอะไรบ้าง บทที่ 4 การฝึกอบรม ในบทนี้ผู้เขียนได้เขียนไว้ว่า การฝึกอบรมเพื่อเริ่ม “การเดินทาง” จัดการความรู้ (ผู้รู้กล่าวว่า การจัดการความรู้เป็น journey ไม่ใช่ destination) ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการบรรยาย กล่าวคือ ไม่มีความจำเป็นต้องแยกการฝึกอบรมออกจากการปฏิบัติ สามารถบูรณาการการปฏิบัติกับการฝึกอบรมไปด้วยกันได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่า การฝึกอบรมนั้นจะอบรมแก่ใคร เพื่อเป้าหมายอะไร อีกสิ่งที่น่าสนใจ
ในบทนี้คือ การจัดตลาดนัดความรู้ เมื่ออ่านถึงบทที่ 5 ผู้อ่านจะได้ทราบถึงการเริ่มต้นการจัดการความรู้ มีประเด็นที่น่าสนใจที่ผู้เขียนได้เขียนไว้ อาทิ วางแผนการดำเนินการโดยเริ่มจากเล็กไปใหญ่จากง่ายไปยาก ใช้พลังความสำเร็จเล็กๆ เป็นพลังขับเคลื่อน นำทุนปัญญาในตัวบุคคลมาสร้างคุณค่า/มูลค่าเพิ่ม เมื่ออ่านจบบท ผู้อ่านจะทราบว่าจะต้องเริ่มต้นการจัดการความรู้ได้อย่างไร บทที่ 6 การดำเนินการจัดการความรู้ ในบทนี้ผู้เขียนได้เขียนถึงองค์ประกอบของการดำเนินการจัดการความรู้ไว้อย่างชัดเจน โดยเริ่มจากสร้างวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความรู้ การสร้างทีมจัดการความรู้ขององค์กร เริ่มจาก “ทุนปัญญา” ที่มีอยู่แล้วหรือหาจากภายนอกได้โดยง่าย สร้างบรรยากาศแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเข้มข้นในกลุ่มพนักงานระดับล่าง จัดการความรู้ควบไปกับกิจกรรมพัฒนาสินค้าหรือรูปแบบการทำงานใหม่ๆ เน้นการจัดการองค์กรแบบ “ใช้พนักงานระดับกลางเป็นพลังขับเคลื่อน” หลัก เปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็นแบบ “พหุบท” (Hypertext) สร้างเครือข่ายความรู้โลกภายนอก สร้างวัฒนธรรมแนวราบ การสื่อสารอย่างอิสระทุกทิศทาง สร้างวัฒนธรรมการจดบันทึก ประเมินผลการดำเนินการจัดการความรู้ นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจ อะไรคือช่วงฝึกกับช่วง “บินได้” ชุมชนแนวปฏิบัติ การจัดพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เครือข่ายการจัดการความรู้
บทที่ 7 เครื่องมือ บทนี้ผู้อ่านจะได้ทราบถึงเครื่องมือการจัดการความรู้ อะไรคือ โมเดลปลาทู โมเดลปลาตะเพียน “หัวปลา” “ตัวปลา” “หางปลา” คืออะไร อะไรคือการเล่าเรื่อง (Story telling) ผู้อ่านจะทราบถึงวิธีการและขั้นตอนการเล่าเรื่อง ซึ่งผู้เขียนได้เขียนไว้ว่า “เป้าหมายสำคัญที่สุดคือการเล่าเรื่อง คือ ปลดปล่อยความรู้ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ (ความเชื่อ) ในส่วนลึกของสมอง (ความคิด) และส่วนลึกของร่างกาย (การปฏิบัติ) ออกมาเป็นคำพูด และหน้าตาท่าทาง (Non Verbal Communication) การเปลี่ยนความรู้จากการปฏิบัติ ผู้เปลี่ยนจะมีสภาพที่มีทั้งจิตใต้สำนึกและจิตสำนึก (Subconscious & Conscious)” นอกจากนี้ ผู้อ่านจะทราบและเข้าใจเทคนิคการแลกเปลี่ยนความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) และวิธี “สกัด” ความรู้จากการปฏิบัติ ผู้เขียนได้เขียนไว้ว่า “แปลกแต่จริง ความรู้ฝังลึกนี้มันขี้อาย ถ้าไม่มีการสร้างบรรยากาศเชิงบวก เชิงชื่นชมยินดี มันจะไม่ค่อยโผล่ออกมา นอกจาก “ขี้อาย” แล้ว ความรู้ฝังลึกยัง “ระเหยง่าย” อีกด้วย ถ้าไม่ “ไล่ตะครุบ” และจดบันทึกให้ดีเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว เมื่อบรรยากาศช่วงนั้นหายไป ความรู้ฝังลึกที่โผล่ออกมาก็หายตัวไปเสียแล้ว” อะไรคือเครื่องมือของธารปัญญา วงจรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ยกกำลังสาม บวกคว้าและบันทึก เรียนรู้ก่อน - เพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Assist) เรียนรู้ระหว่าง – AAR เรียนรู้ภายหลัง – Retrospect ชุมชนแนวปฏิบัติ การสร้างความรู้จากลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ และการตรวจสอบความรู้ บทที่ 8 ฐานข้อมูลความรู้ บทนี้เป็นบทที่แสดงให้เห็นว่า การจัดการความรู้ต้องมีฐานข้อมูลความรู้ (Knowledge Base) ทราบว่า สิ่งที่บรรจุอยู่ในฐานข้อมูลความรู้มีอะไรบ้าง มีคำที่น่าสนใจที่จะทำความเข้าใจ อาทิ หน้าเหลือง (Yellow Page) ชุมชนแนวปฏิบัติ (Cop – Communication of Practice) เรื่องเล่า (Storytelling) ขุมความรู้ (knowledge Assets) แก่นความรู้ (Core Competence) ตารางแห่งอิสรภาพ (Self – Assessment table) บล็อก (Blog หรือ Webblog) บทที่ 9 เครือข่ายการจัดการความรู้ บทนี้ผู้อ่านจะได้ทราบถึงวิธีการสร้างเครือข่ายการจัดการความรู้ เครือข่ายการจัดการความรู้ที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ พื้นที่ประเทืองปัญญาของเครือข่าย ทั้งพื้นที่จริง (Real Space) เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบ F 2 F (Face to Face) และพื้นที่เสมือน (Virtual Space) เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบ B 2 B (Blog to Blog)
บทที่ 10 ทางแห่งความล้มเหลว และบทที่ 11 ทางแห่งความสำเร็จ ใน 2 บทนี้ ผู้เขียน ได้เขียนให้เห็นถึงทางแห่งความล้มเหลวไว้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร อาทิ หลงของปลอม หลงใช้ทฤษฎี “ขนมชั้น” ภาวะผู้นำที่บิดเบี้ยว วัฒนธรรมอำนาจ ไม่เปิดโอกาสให้ทดลองวิธีใหม่ๆ ไม่รับรู้การเปลี่ยนแปลงภายนอก ไม่คิดพึ่งตนเองด้านความรู้ เป็นต้น และแนวทางของความสำเร็จ อาทิ สร้างนวัตกรรมใหม่ สร้างวิสัยทัศน์ร่วม เรียนลัด จัดพื้นที่หรือเวที พัฒนาตน ระบบให้คุณให้รางวัล จัดทำขุมความรู้ เป็นต้น
และบทสุดท้ายคือ การจัดการความรู้ในสังคมไทย : กรณีความสำเร็จ ในบทนี้ผู้อ่านจะเห็นตัวอย่างความสำเร็จของการจัดการความรู้ของหน่วยราชการ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ที่ผู้อ่านสามารถศึกษา วิเคราะห์ และนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการความรู้ในหน่วยงานหรือองค์กรของตนเองได้
เมื่อพิจารณาเนื้อหาสาระดังกล่าวข้างต้นแล้ว หนังสือเล่มนี้ได้ให้ความรู้ แนวคิด วิธีการที่จะนำไปใช้ในการจัดการความรู้ในองค์กรแบบครอบคลุมและครบถ้วนที่แฝงด้วยหลักการ แนวคิด ตลอดจนวิธีการดำเนินการจัดความรู้ที่ถูกต้อง ดังที่ผู้เขียนได้ระบุถึงเป้าหมายการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาไว้ว่า งานพัฒนางาน คนพัฒนาคน องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และความเป็นชุมชนในที่ทำงาน
**************************************************************************
1 รองศาสตราจารย์, อาจารย์ประจำภาควิชาการศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ไม่มีความเห็น