หลังจากได้เรียนรู้จากทฤษฎี “คนชายขอบ” กับอาจารย์กนกวรรณ โดยเฉพาะ เรื่องเกี่ยวกับการเข้าถึงทรัพยากรของชุมชน ปกติแล้วป่ากับชุมชนกับชาวบ้าน อยู่ด้วยกันได้ด้วยการพึ่งพากัน ชาวบ้านได้ใช้สอยจากของจากป่า เหมือนที่พ่อบุญเต็ม ชัยลา ปราชญ์ชาวบ้านได้พูดไว้ว่า “ป่าเป็นห้างสรรพสินค้าของชุมชน” และชุมชนก็ช่วยกันรักษาป่า เพราะเขาเห็นประโยชน์ของป่า มีป่าเขาก็มีทุกอย่าง
ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาทางวิชาการ(ชาวบ้าน) การปลูกป่าเห็ด ปลูกเห็ดป่า มีชาวบ้านมาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคอีสาน ส่วนมากเป็นกลุ่มเกษตรกร ที่เพาะเห็ดเป็นอาชีพ กลุ่มเพาะเห็ดในชุมชน กลุ่มนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย กลุ่มนักจัดรายการวิทยุชุมชน สิ่งที่ได้เห็นจากการร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สิ่งแรกที่ปรากฏเห็น คือความตั้งใจของชาวบ้านพยายามจะแก้ปัญหาของตัวเองผ่านการเรียนรู้ประสบการณ์ของคนในกลุ่ม ทั้งที่เป็นชาวบ้านด้วยกัน นักวิชาการ โดยเฉพาะ นักวิชาการชาวบ้านมีปัญหาของการสื่อสารกันเช่นการใช้ไมคอไรซ่า ในการสร้างเห็ดและช่วยไห้ต้นพืชเจริญงอกงามดี ขั้นตอนการสร้างเชื้อ การเก็บ การนำไปใช้ ชาวบ้าน งง... แต่พอชาวบ้านด้วยกันนำเสนอ การทำป่าเห็ด การทำเห็ดป่า โดยการเอาเห็ดแก่ๆ มาบดละเอียดผสมน้ำ ราดลงบนพื้นรอบๆโคนต้นไม้หรือที่มีรากไม้(ก่อนราดเชื้อใช้ปุ๋ยคอกโรยก่อน)แล้วเอาฟางคลุม ชาวบ้านมีความสนใจและซักถามมาก มีการแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์กัน เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและปัญหาซึ่งกันและกัน มีบางคนบอกว่า “กลับไปนี้ผมจะลงมือทำเลย..ผมไม่กลัวเพราะมีเครือข่ายที่จะให้คำปรึกษามากมาย เห็ดอยู่กับป่าอยู่กับชาวบ้านมานานเป็นอาหารที่ดีราคาถูก แต่เมื่อป่าไม้ถูกกันออกไปจากชุมชน ไปเป็นของกรมป่าไม้อย่างเด็ดขาด ชาวบ้านไม่มีสิทธิพึ่งป่าได้ ป่าไม่ใช่ของพวกเขาอีกแล้วความร่วมมือ ในการรักษาป่าของชาวบ้านก็ไม่มี ป่าชุมชนก็ไม่มี กลายเป็นป่าของคนอื่นนโยบายของรัฐที่ต้องการรักษาพื้นป่าไห้ได้ร้อยละ 50 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ทั้งหมด ในแผนที่ 1 แต่พื้นที่ป่าได้ลดลงเหลือ 25 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2540 ทั้งๆที่มีโครงการปลูกป่าของรัฐมากมาย ชาวบ้านจึงต้องหันมาปลูกป่าเอง เพื่อเลี้ยงตัวเองเห็ดป่าก็ต้อง สร้างเองชาวบ้านคงจะต้อง อาศัยเครือข่ายชาวบ้านเองและนักวิชาการระดับรากหญ้าที่พอเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน..ครับไม่มีความเห็น