สมุนไพร - แพทย์ทางเลือก กับ การบำบัดเยียวยา ประคับประคอง ผป.ระยะสุดท้าย ตีความกันอย่างไร


สมมุติ เราใช้คำ palliative care  กับ การใช้สมุนไพร หรือ แพทย์ทางเลือก

เราจะจัดกลุ่มผป. อย่างไรว่า  เป็น palliative care แล้ว  ให้แนะนำ แพทย์ทางเลือก ที่เข้าท่าๆ

ส่วนผู้ที่ยังไม่ใช่ palliative care  ก็ยังไม่ต้องรีบแนะนำ สมุนไพร แพทย์ทางเลือก  

 

palliative care มีความหมายถึง ระยะสุดท้าย ในทางปฏิบัติเราจะนับเป็นระยะสุดท้าย ด้วยเกณฑ์อะไรดี

สงสัยว่า เราคงไม่ต้องสนใจดีกว่า ผป.จะเป็นหรือไม่เป็น palliative care   

ผป.สนใจจะใช้  หรือ ผู้ให้การดูแล สนใจ จะให้คำแนะนำก็แล้วกัน  ทั้งๆที่ไม่ค่อยจะมีหลักฐานเชิงประจักษ์ ตามภาษาสมัยใหม่ ในผลการวิจัยอย่างน่าเชื่อถือ  มีกลุ่มตัวอย่างมากเพียงพอ

เราๆ ท่านๆ  จะเริ่มต้นตอบอย่างไร เมื่อ ญาติ หรือ ผป. ขอความช่วยเหลือ คำแนะนำ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การแพทย์แผนปัจจุบัน ที่เขาจะใช้ดูแลประคับประคองสุขภาพและโรคที่เจ็บป่วยอยู่

เรื่องนี้คงมีหลายคำตอบ ตามทัศนคติ และประสบการณ์ของ ผู้บำบัดเยียวยาแต่ละท่าน แต่ละค่ายสำนัก

ผมเริ่มจาก

1 แนวทางนั้นๆ น่าจะสิ้นเปลืองไม่มากนักเกินกำลัง รับภาระของครอบครัว หรือสังคม

2 แนวทางนั้น พอจะมีเหตุผล คำอธิบาย ทาง เคมี ฟิสิกส์ สรีระวิทยา   มีงานวิจัยในหนู ในเซลล์มะเร็ง  ในหลอดลดลอง บ้าง  แม้ไม่มีงานวิจัยในคน

3 แนวทางนั้น ในประเทศไทยมีคนได้ลองใช้จริงๆ   คุณมากกว่าโทษ   ญาติๆผป.ยังยอมรับ

4 แนวทางนั้น ตำราวิชาการต่างประเทศ มีระบุไว้ กล่าวถึง

 

ดังนั้นผป. มะเร็งในระยะสุดท้าย ก็อาจจะเดินไปมาช่วยตัวเองได้ ลองใช้สมุนไพรควบคู่ไป  ผมก็แนะนำ   หรือ ผป. มะเร็งระยะไหนก็ไม่รู้ แต่ปฏิเสธการรักษา สมัยใหม่  จะขอใช้สมุนไพร  ผมก็แนะนำ

หรือ ผป. จะใช้ทั้งเคมีบำบัด ผ่าตัด จะใช้สมุนไพรด้วย ผมก็แนะนำ

ปัญหา ความต้องการของผป. และญาติ อย่างไรก็ตามเป็น โรคระยะลุกลาม ก็อยากหวังปาฏิหารย์ ให้หายจากโรค  ดังนั้น การใช้สมุนไพร จึงต้องมีโอกาสต้าน หรือ ยับยั้งมะเร็งบางส่วนไว้ ก็ดูจะยิ่งมีคุณค่า  มากกว่า เพียงบรรเทาปวด 

ด้วยเมืองเรา ไม่มีสถาบันวิจัยสมุนไพรกับมะเร็ง  แต่มีนักวิจัยสมุนไพรกับมะเร็ง ซึ่งไม่ใช่แพทย์   การจะศึกษาวิจัยในมนุษย์ จึงต้องตามหลังประเทศอื่นเป็น ศตวรรษ

เราต้องใช้มาตรฐานหลัก คือ แผนปัจจุบัน  จนกว่า ผป.จากสำนัก ทางเลือกทางเสริมอื่นที่มไม่มุ่งหวังกำไร   จะมีมากพอ สร้างความเชื่อถือได้ ดัง จาก นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ  แห่งสิงห์บุรี ที่ใช้สมุนไพรคู่กับ การใช้เคมีบำบัด

ผมอยากแนะนำ  ให้  ทำความรู้จัก  ห้อมเกี่ยว  ฮ้อมเกี่ยว ทางลานนา หรือ กะเม็ง ทางภาคกลาง  เป็นตัวเลือกแรก  เพราะง่ายดี   และ อาจจะผสมผสาน กับ ตัวอื่นๆตามสภาพปัญหาของผป.

ซึ่งมีหวังว่า  กินน้ำหมักชีวภาพ อาจจะตัวเสริม ที่สมเหตุสมผล  แต่อย่าโง่ เสียเงินซื้อแพง    เพราะหัดหมักเองไปก่อน หรือ ไปขอความเมตตา กินฟรี ก็มีผู้ใจบุญ หมักแจกให้ทาน  พอจะหาได้ไม่ยาก   ที่จังหวัดลำปาง ก็มีให้เห็นอยู่  ให้เอาขวดมาใส่ไปเอง   พระไม่ได้โฆษณา และไม่ได้คิดเงินใคร  ทำแจก มานานแล้ว    แย่งลูกค้า จาก รพสต.ไปหลาย ดีใจพอใจกันทุกฝ่าย

บางทีอาจจะยกระดับ เป็น ศูนย์น้ำหมักชีวภาพเพื่อการบำบัดระยะสุดท้าย ประจำเขต ประจำจังหวัด  แล้วมีนักวิชาการ ช่วยแนะนำตรวจสอบ ปรับปรุง คุณภาพให้ มีนักวิชาการ หรือ อาสาสมัคร ติดตามบันทึกผลการใช้เปรียบเทียบผล 

อาจจะขยายผล ความร่วมมือ จากวัดไปสู่ สถานพยาบาลของรัฐ เป็นเครือข่าย ร่วมแจก กระจาย น้ำหมักสมุนไพร   ขยายต่อเป็น ศูนย์เรียนรู้และพัฒนา

น้ำหมัก ความเข้มข้น ต่างๆ  สมัยนี้ ส่งไปทดสอบกับเซลล์มะเร็ง ในห้องวิจัย  ง่ายมาก

 

คนไทย ไม่ควรตาย หรือ ลำบาก เพราะขาดยาฝรั่ง  เราควรพัฒนาความยอดเยี่ยมของยาสมุนไพรไทย และปลูกไว้ให้มีใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่หวั่นไหวกับภาวะคุกคามจากภัยพิบัติในอนาคต   เรามียา(ไทย)อย่างดี แล้ว คนไข้จะจากไปเพราะโรคก็ยอมรับกันได้  

 

 

หมายเลขบันทึก: 473131เขียนเมื่อ 31 ธันวาคม 2011 20:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณค่ะ ขออนุญาตนำวิธีการคิดพิจารณาเลือกแนวทางรักษา สี่ประการ ไปสอนนักศึกษาแพทย์ด้วยคะ

...

ด้วยเมืองเรา ไม่มีสถาบันวิจัยสมุนไพรกับมะเร็ง  
แต่มีนักวิจัยสมุนไพรกับมะเร็ง ซึ่งไม่ใช่แพทย์  
การจะศึกษาวิจัยในมนุษย์ จึงต้องตามหลังประเทศอื่นเป็น ศตวรรษ

...

เป็นเรื่องน่าสนใจค่ะ เมื่อมีหลักฐานศึกษาในห้องปฎิบัติการณ์
การขอจริยธรรมสู่การศึกษาในมนุษย์ที่สุขภาพปกติไม่น่ายากนัก
(เห็นด้วยกับอาจารย์ว่า การแพทย์ผสมผสานไม่ได้มีไว้จำเพาะผู้ป่วย Palliative)  หรือเงินทุน หรือ บุคลากร?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท