เมื่อวานว่าด้วยสองหลุม วันนี้ขอมาต่อด้วย 3 ก ก็แล้วกัน
กลัว เป็นอุปสรรคแรกที่ทำให้คนเราไม่เรียนรู้ เจ้าความกลัวนี่มีหลายแบบ ตั้งแต่กลัวยาก ไปต่อถึงกลัวขายหน้า แยกจากกันได้ยากยิ่ง
เคยได้ยินเรื่องคนกลัวคอมพิวเตอร์กันทุกคน เดี๋ยวนี้มีคอมพ์ พีซีกันมากว่า 25 ปี คนกลัวคอมพ์ก็ยังมีอยู่ แต่จะสังเกตว่าคนใหม่ๆจะไม่ค่อยกลัว แต่จะวิ่งเข้าหา ผมสรุปเองว่าคนกลัวคอมพ์ส่วนใหญ่สมัยนี้ กลัวเสียหน้า ถ้าเห็นเมื่่อก่อน ตอนออกใหม่ๆอาจมีคนกลัวเพราะความยาก ด้วยไม่รู้ว่าเครื่องมันเป็นไง ทำอะไรได้บ้าง กับยังไม่เคยเห็นคนใช้กันมากมาย
ก ที่สองคือเกร็ง คล้ายๆกลัว แต่เบากว่า จะพบได้แยะในองค์กร อาจเป็นการเกร็งเพราะเกรงใจ หรือเกร็งเพราะกลัวผิด แล้วจะเกิดผลเสียแก่ตัวเอง หรือถูกหาว่าโง่ เดี๋ยวจะพลอยทำให้เสียคะแนนที่พึงได้ ที่แยกเกร็งออกจาก กลัว ก็เพราะ มันพบมากในองค์กร
คนทั่วไปอาจจะไม่อยกาเรียนรู้ เพราะกลัว แต่กรณีคนในองค์กรส่วนใหญ่ต้องเรียนรู้จึงจะทำงานได้ดร และทุกคนก็รู้ว่าถ้ามัวแต่กลัว ก็จะไม่ได้ความรู้ แต่ก็มักจะพยายามช่วยตัวเอง หาความรู้ งมเองไปเรื่อยๆ ถ้ารู้จักจัดเวลา และให้โอกาสกับความไม่รู้ของตัวเองอย่างเหมาะสมก็คงจะดี แต่ถ้าให้เวลาตัวเองมากไป เพราะมัวแต่เกร็ง ไม่ใช่เพราะอยากได้คำตอบเอง ก็จะกลายเป็นนั่งทับเรื่อง ทำให้คนอื่นก็ช้าไปโดยไม่จำเป็น
อาการเกร็งอาจต้องแก้ด้วยกันทั้งฝ่ายคนมีประสบการณ์ความรู้ที่จะให้ กับแก้ที่คนที่ชอบเกร็ง เพราะคิดมาก เพราะขี้เกรงใจแต่เดิม
ก ที่สามคือเกลียด พบได้พอสมควรที่กลายเป็นเรื่องปิดกั้นไม่ให้เกิดการเรียนรู้ นักเรียนเกลยดครู เป็นตัวอย่างของจริงที่น่าสงสารที่สุด เพราะบางทีครูที่ถูกเกลียดก็ไม่รู้ แต่นักเรียนเสียโอกาสการเรียนรู้ ไปแล้ว ผมเองเคยเกลียดครสอน ภาษาอังกฤษ จนไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษ ไม่สนใจเรียน โชคดีที่เพื่อนมาชวนไปเรียนพิเศษ เลยเปลี่ยนมาเกลียดมาชอบ ถ้าพูดจริงๆก็ต้องบอกว่า พื้นฐานอาจจะชอบ แต่ไม่มีใครมากระตุ้น แถมโดนความเกีบดมาบดบังไว้
คนในองค์กรที่เกลียดกันก็มี เลยไม่อยากเรียนรู้จากกันและกัน
พูดมาซะยืดยาว เพราะนี่เป็นภาระหนักใจคุณเอื้อมาก เนื่องจากหน้าที่สำคัญของคุณเอื้อ คือทำให้สิ่งแวดล้อมในองค์กร สามารถขับไล่ทั้งสาม ก ออกไปให้ไกลๆ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะ ก สุดท้ายมันขึ้นกับอัตตา ส่วน 2 ก แรกถ้าทำให้มีเมตตาต่อกัน ไม่แสดงอำนาจใส่กัน ก็อาจจะกำจัดได้ไม่ยาก
ว่าไปแ้ล้วไม่ว่า ก ไหน ก็มีฐานมาจากการคุมอัตตาตัวเองไม่ค่อยได้ แต่ดูเหมือน ก เกลียด จะเป็นอาการของ อัตตาผิดปกติ ที่จัดการยากสุด
ู เพราะจะคอยบอกตัวเองว่า ปัญหาอยู่ที่คนที่เราเีกลียดอยู่เรื่อยเชียว
ใช่เลยค่ะ
อยากฟังคุณหมอคิดเรื่อง "การต่อยอดงาน" บ้างนะคะ ดิฉันกำลังทบทวนวิธีการตัดสินใจตรงนี้มากเลย ในทรัพยากรเวลาที่เรามีน้อยลง การเลือกงานและกลุ่มคนที่จะทำงานด้วยก็สำคัญมาก มีประสบการณ์ตรงนี้ มา ลปรร กันไหมคะ