ราวบ่าย 4 โมงเย็นวานนี้ ( วันที่ 29 สิงหาคม 2549 ) ไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุค ระบบวายเรส เข้าไปติดต่อด้วยระบบ MSN ปรากฏว่า ดร.ยุวดี ฯ จากต่างแดนเข้ามาทักทายเข้าเรา รู้สึกตื่นเต้น เนื่องจากไม่ได้ใช้ระบบนี้นานแล้ว
ผมจะไม่บอกว่าคนอื่นจะใช้ระบบนี้ เพื่อประโยชน์อะไรกัน เท่าที่ได้ติดต่อกับ ดร.ยุวดี ก็เพื่อพี่น้องตองเหลือง จึงพิมพ์ข้อความไปว่า ได้พบกับ ดญ.แพง ดช.ไน สุชนคีรี ที่นายฤทธิชัย แซ่เล้า พามารักษาอาการป่วยที่ รพ.น่าน ( หูอักเสบ) ตอน 5 โมงจำต้องยุติการติดต่อ ด้วยจำเป็นไปรับลูก ๆ การติดต่อ MSN ก็ดีแต่เครียดที่ต้องพิมพ์ หากใครพิมพ์ไม่คล่อง ดูท่าว่าจะยิ่งเครียด
ผมเห็นว่าช่วงหลังจะมีการพัฒนาชุมชนมราบรี...
เป็นการพัฒนาตามกระแสหลัก เพื่อความสุขสบายของพี่น้องมราบรี
และเห็นบอกว่าจะมีการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนในชาวมลาบรีด้วย
ความคืบหน้าเป็นยังไง และ ไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว ทางชุมชนคิดยังไง?
"""
ขอบคุณครับ
ต่อข้อห่วงใยของคุณจตุพร การพัฒนาเท่าที่ติดตาม เท่าที่ติดตามก่อนหน้า
เป็นไปตามที่ท่านเข้าใจ แต่ระยะหลัง ๆ จากที่ คณะ ดร.สุวัฒน์ฯ อดีต ผวจ.น่าน ภรรยา ผู้ใหญ่ใจดี ได้ศึกษา ปรึกษา แนวทางจึงเปลี่ยนไป
เบื้องต้นให้เราดูด้านสิทธิพื้นฐาน ความจำเป็นเพื่อการยังชีพ ไปดูหลาย ๆ กลุ่มอายุ พี่น้องตองเหลืองมีความบริสุทธิ์ จริตที่จะเสแสร้งไม่เห็น แววตาซื่อ และที่ได้ลงไปสัมผัส การพัฒนาไม่เป็นเหมือนแต่ก่อน ที่ทางราชการหรือผู้หวังดี ยัดเหยียดหรือไปทำให้เขาเป็นผู้รับจนไม่รู้จักให้ ทำลายความเข้มแข็งของชุมชนชาติพันธุ์ชนเผ่าเขา หวังว่าจะเข้ามาแลกเปลี่ยนและเสนอแนะข้อคิด แนวทางที่เป็นประโยชน์ในโอกาสต่อไปอีก
ผมมาอ่าน..และขอเพิ่มเติม อีกครับ
ผมเคยเขียนบันทึก เกี่ยวกับ มราบรี ที่นี่ครับ (คลิ๊ก)
เมืองน่าน เป็นจังหวัดที่มีทุนเรื่องของ คนคุณภาพ และเครือข่ายภาคี ที่เข้มแข็ง ตอนผมเรียนที่ มช.ในชั่วโมง CD : community Develoment อาจารย์มักจะนำกรณีตัวอย่างที่น่านมาให้พวกเราวิเคราะห์เสมอ นั่นเป็นความประทับใจแรกที่รู้จัก
จนถึงวันนี้ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเมืองน่านเลย ครับ ..เห็นว่าครั้งหลังน้ำท่วมหนัก..
ฝากความห่วงใยถึงคนเมืองน่าน ภาคีจิตอาสา ที่ทำงานด้วยจิตสาธารณะ
เรื่องของ มราบรี เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะพัฒนาหรือทำอะไรกับกลุ่มชาติพันธุ์ ควรต้องศึกษา เข้าใจ...มากๆครับ
ผมตกใจที่รายการทีวีช่องหนึ่ง บอกว่าจะมีการจัดการให้เกิดการท่องเที่ยวขึ้นมา ผมคิดว่า การท่องเที่ยวหากไม่พร้อมเป็นการทำร้ายชุมชนอย่างรวดเร็วกว่าปกติ การท่องเที่ยวโดยชุมชน CBT.อาจจะเหมาะสม(หากเลี่ยงการท่องเที่ยวไม่ได้)แต่ก็ควรเป็นการจัดการโดยชุมชน
เป็นไปพร้อมกับการอนุรักษ์ภูมิปัญญา และการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างแท้จริง...จะเกิดภาพของการแลกเปลี่ยนเรียนรู็้ระหว่าง เจ้าบ้านและผู้มาเยือนด้วย
ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อรายละเอียดจาก ภาคีจิตอาสาฯ (พัฒนาเมืองน่าน)
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
7 ก.ย.2549 ดีใจได้รับการตอบกลับจากป้าอ้อยฯ ว่า ได้รับวิทยานิพนธ์ ที่ได้จัดส่งไปให้เรียบร้อยแล้ว จึงบันทึกไว้