จากข้อแสดงความเห็นและคำแนะนำของคุณ ไอศูรย์ ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ
ที่ท่านได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการใช้ "ดาบเลเซอร์" ของเหล่าเจดาย ไว้ว่า "ถ้าเปลี่ยนได้อยากจะให้พระเอกถือเครื่องมืออย่างอื่นที่ไม่ใช่ดาบ เพราะดาบเลเซอร์เป็นเสมือนเครื่องมือแห่งการเอาชนะ, ทำลายล้าง (ชีวิต)ของคู่ต่อสู้ หรืออย่างน้อยก็ขู่ให้คู่ต้อสู้หวาดเกรง ที่เป็นอยู่ก็ถือดาบกันไปทั้งวงการ ผมเรียกว่า "วัฒนธรรมเชิงอำนาจ" ซึ่งเป็นเรื่องที่กระบวนการ KM ไม่นิยม"
เป็นข้อคิดเห็นที่ชวนให้น่าคิดตามยิ่งนัก
ซึ่งขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการเติมเต็มและต่อยอดดังนี้ครับ
"ดาบตามวิถีแห่งเจดาย" (ไม่ใช่ดาบทั่ว ๆ ไปครับ) เป็นสัญลักษณ์บ่งถึงการใช้อาวุธที่ง่าย ๆ แต่ทรงอานุภาพ
เป็นอาวุธที่รวมหลอมด้วยสมาธิ สติ และมีปัญญาทางบวกในการใช้งาน
เหมือนตอนที่เจดายฝึกการใช้ดาบ ซึ่งก็เหมือนกับเราที่จะฝึกใช้ความรู้และปัญญาในทางสร้างสรรค์
"ดาบตามวิถีแห่งเจดายมีไว้เพื่อสร้างสรรค์" บางครั้งเราก็ต้องขู่คู่ต่อสู้ ... เพราะคู่ต่อสู้ของเรานั้นก็คือ ความชั่วร้ายและสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่กำลังเกาะกินหาผลประโยชน์จากสังคมไทย สัญลักษณ์ที่แสดงว่าเรามีพลังความดี มีอาวุธที่ทรงอานุภาพซึ่งมาจากสติปัญญาด้านดีไว้ต่อกรกับความชั่วและสิ่งเลวร้ายในสังคม โดยอาวุธหรืออีกอย่างหนึ่งที่คนไทยจะเรียกว่า "ศาสตรา" เป็นคำที่ใช้ซ่อนอยู่ในการเรียนรู้ของสังคมอยู่ในทุกวันนี้อยู่แล้วครับ นั่นก็คือคำว่า "ศาสตร์" นั่นเองครับ "ศาสตร์" มาจากคำว่า "ศาสตรา" นั่นก็คืออาวุธ ซึ่งอาวุธนั้นใช้ได้ทั้งทางบวกและทางลบ ทั้งสร้างสรรค์และทำลาย ความรู้ ความฉลาด ก็เป็นศาสตราเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่นำมาใช้ควบคุมและทำให้ศาสตราเป็นประโยชน์นั่นคือ "ปัญญา"
เมื่อจัดการความรู้มาแล้วก็จะได้เป็นอาวุธนั่นก็คือ "ปัญญาเชิงบวก" หรือเป็นศาสตร์เชิงสร้างสรรค์
เมื่อเราหยิบอาวุธใดขึ้นมาใช้ "ปัญญา" จะนำอาวุธนั้นไปสู่ความดีงามและถูกต้อง
"ดาบตามวิถีแห่งเจดาย"
เป็นดาบที่ยามเก็บหรือเมื่อไม่ใช้งาน จะไม่ทำอันตรายต่อใคร ไม่มีแสงหรือคมดาบพุ่งออกมา
จะมีลำแสงหรือคมดาบพุ่งออกมาเพียงแค่ตอนใช้งานเท่านั้น
และคนที่จะใช้ดาบอันนี้ได้ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างถูกต้องตามวิถีแห่งเจดายหรือวิถีแห่งปัญญาเท่านั้น..
ซึ่งดาบทั่ว ๆ ไป แม้แต่ตอนไม่ใช้ใครไปโดนดาบอันนั้นก็สามารถทำให้บาดเจ็บได้
ใครไปไปหยิบขึ้นมาก็สามารถทำร้ายคนอื่นได้อย่างมหันต์ หรือใครที่ไม่ใช่เจ้าของจะหยิบไปใช้ก็สามารถทำลายล้างคนอื่นได้เช่นเดียวกัน หรืออาจะเรียกง่าย ๆ ว่า "คนบ้าถือปืน" ก็อาจจะเป็นได้ครับ
ซึ่งจะแตกต่างกับดาบเลเซอร์ของอัศวินเจดาย ที่ต้องมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และเจดายเท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้
วิถีแห่งเจดาย คือ วิถีแห่งสมาธิและปัญญา
หลาย ๆ คนคงจะสงสัยว่า เอ๊ะ เอาหนังเอาละครมาเปรียบเทียบกับความเป็นจริงในสังคมเลยเหรอ?
ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว เป็นสุภาษิตที่สอนเรามาเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคน
หนัง ละคร ภาพยนต์ต่าง ๆ ในปัจจุบันมีกันอยู่มากมาย แต่ถ้าเรามี "ปัญญา"ในการรับและเลือก
การนำประโยชน์จากหนังเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ จะเป็นสิ่งที่เกิดคุณค่ามากที่สุด
ตอนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แรก ๆ ผมยังเคยตั้งคำถามกับตนเองเลยครับว่า
ทำไมหนังระดับ Hollywood โดยเฉพาะหนังที่มีชื่อเสียงทำรายได้มหาศาลระดับ Star wars ถึงได้นำลักษณะต่าง ๆ ทางตะวันออก เข้าไปใช้เป็นเอกลักษณ์ของภาพยนต์อย่างมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นชุดต่าง ๆ โดยเฉพาะชุดทางฝ่ายคนดีหรือฝ่ายพระเอก ก็ประยุกต์ใช้มาจากชุดซามูไรของประเทศญี่ปุ่น ลักษณะการแต่งตัวของจักพรรดิต่าง ๆ ท่าทางการใช้อาวุธ ทำไมเขาถึงได้นำสิ่งต่าง ๆ ของชาวตะวันออกโดยเฉพาะชาวเอเชียไปใช้ในหนังระดับโลกเช่นนี้
เพราะพลังทางตะวันออก เป็นพลังที่ซ่อนเร้นเกินกว่าพลังทาง"วิทยาศาสตร์" ซีกตะวันตกจะเข้าถึงและใช้งานได้อย่างลึกซึ้ง
พลังหยินหยาง พลังชี่ต่าง ๆ โดยเฉพาะ "พลังแห่งพุทธธรรม" ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปัจจุบันเป็นพลังที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างยิ่งว่า พลังที่แท้จริงของมนุษย์นั้น เป็นพลังที่มาจากภายใน ซึ่งนั่นก็คือ "ปัญญา" นั่นเอง
ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ในสังคมไทยอย่างเช่นปัจจุบัน เราจะต้องใช้ศาสตร์หรืออาวุธที่จะสามารถต่อกรกับภัยนานาประการเหล่านั้นได้
ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาสู้แล้วใครจะสู้
ถ้าต่างคนต่างเพิกเฉย ปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไป
ปล่อยให้คนไม่ดีเอารัดเอาเปรียบหาผลประโยชน์บนไหล่บนหลังของพี่น้องชาวไทย เราจะปล่อยให้เขาทำไปอย่างนั้นเหรอครับ
"ไม่เป็นไร ช่างเขาเถอะ รักสงบ ก็จะถูกคนอื่นโดยเฉพาะที่ไม่ใช่คนไทยหรือคนไทยที่ไม่มีจิตสำนักแห่งความเป็นไทยเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา"
หน้าที่ในการดำรงรักษาความยุติธรรมก็เป็นหน้าที่หนึ่งของปวงชนชาวไทยด้วยเช่นกัน
วัฒนธรรมเชิงอำนาจหรืออาวุธที่กันอยู่ในทุกวันนี้ มิใช่ดาบ แต่เป็นปืน ลูกระเบิด หรือแม้กระทั่งเป็น อาวุธนิวเคลียร์ ที่ทุกคนแม้แต่เด็กเล็ก ๆ สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องมีฐานสติและปัญญาในการใช้เลย
เพียงแค่กดปุ่มเล็ก ๆ กดปุ่ม Start กดไกปืน แค่นั้น อาวุธก็สามารถออกมาทำลายล้างผู้อื่นได้ และยังสามารถใช้อาวุธต่าง ๆ เหล่านี้อย่างถูกกฎหมายได้อีกต่างหาก
หรือบางครั้งไม่ต้องใช้อาวุธใด ๆ เลย เพียงแค่ยกหูโทรศัพท์ ประเทศของเราก็ตกไปเป็นเมืองขึ้นของคนอื่นแล้ว "เราต้องกำจัดวัฒนธรรมเชิงอำนาจที่ไร้ซึ่งปัญญาและขาดความรักต่อส่วนรวม" เหล่านี้ให้หมดไปครับ
ในการสู้ครั้งนี้ เพียงแต่เราไม่ได้สู้ด้วยปืน ไม่ได้สู้ด้วยระเบิด หรือออกมาใช้กำลังปะทะกันให้เสียเลือดเนื้อเสียชีวิตพี่น้องไทยด้วยกันเอง
เพียงแค่ใช้ “ปัญญา” ออกมาช่วยกันแก้ไข ประหัตประหารความชั่วและคนชั่วให้หมดไปจากสังคมไทย
เขาใช้ปืน เราใช้ปัญญา
ดังนั้น “ดาบตามวิถีแห่งเจดาย” จึงเป็นสัญลักษณ์ที่ผสมผสานพลังทางตะวันออก นำพลังปัญญามาจาก ศีล สติ และสมาธิ ที่เกิดรวมกันเป็นหนึ่งของผู้ใช้และอาวุธชิ้นนั้น
"ปืนต้องมีกระสุนปืน กระสุนปืนหมด ปืนก็ไร้ซึ่งคุณค่า"
แต่ดาบอย่างไรก็ยังเป็นดาบ
เพียงแค่มีแรงที่เกิดจากปัญญายกดาบขึ้นกวัดไกว
ดาบนั้นก็ยังเป็นศาสตราวุธที่ยังทรงคุณค่าอยู่เสมอตราบนานเท่านาน
“ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ใครใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัยไชโย”
ถ้าเราไม่ร่วมมือกันต่อสู้
แล้วเราจะไปร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟังล่ะครับ
ขอพลังความรู้จงสถิตกับท่านตลอดไป
ขอขอบพระคุณรูปภาพจาก http://www.starwars.com/
ขอแสดงความนับถือ
พี่โอ๋ค่ะ
ขอบพระคุณภาพจาก www.imbd.com ค่ะ