หนูรี
นารี เอี่ยมวิวัฒน์กิจ ชูเรืองสุข

ขนมปำ "เค้กนึ่งแบบไทย" สูตรปักษ์ใต้


"ขนมปำ" หรือ ขนมถ้วยฟู อย่างภาคกลาง นั่นเอง 
แต่ "ขนมปำ"  ขนมพื้นเมืองของภาคใต้นั้นจะทำจากน้ำตาลโตนด 
มีทั้งขนมปำจอก คือ ขนมที่นึ่งในถ้วยตะไล และขนมปำที่นึ่งในถาดแล้วตัดเป็นชิ้นๆ 
รับประทานจิ้มด้วยมะพร้าวขูดคลุกเกลือ
วันนี้ได้ทดลองทำเป็นครั้งแรก จากการสืบค้นข้อมูลจากที่นี่
http://thaifood.m-culture.go.t...

ที่เขียนรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
"ขนมปำ เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งบ้างเรียกว่าขนมปำจอก ทำโดยหยอดแป้งลงในถ้วยตะไล 
ภาษาใต้เรียกว่า"จอก" 

ทำโดยนำแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำตาลโตนดที่มีเชื้อยีสต์อยู่ด้วยแล้วนำไปนึ่งให้สุก 
ใช้รับประทานกับมะพร้าวขูดคลุกเกลือ"                          
และ ได้เขียนวิธีการทำไว้ ดังนี้ ...

ขั้นตอน/วิธีทำ
๑.นำแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำตาลโตนดที่มีเชื้อยีสต์อยู่ 
ใช้อัตราส่วนแป้งข้าวเจ้า ๑.๕๐ ลิตร ต่อน้ำตาล ๑ลิตร   ผสมน้ำอีก ๑ลิตร 
คนให้เข้ากันแล้วหมักไว้ ๕ – ๖ชั่วโมง ให้เชื้อยีสต์ที่อยู่ในน้ำตาลกระจายไปทั่วเพื่อให้ขนมฟู

๒.นำแป้งที่หมักได้ที่แล้วใส่ในจอก (ถ้วยตะไล หรือถ้วยชาจีน)ซึ่งวางเรียงอยู่ในถาด 
เมื่อใส่แป้งเต็มจอกทั่วถาดแล้ว ก็นำไปนึ่งในลังถึงหรือกระทะ รอจนกระทั่งขนมสุก 
แล้วนำมาแคะใส่ภาชนะ

๓. นำมะพร้าวมาขูดผสมเกลือเล็กน้อย ใช้คลุก หรือจิ้ม กับขนม แล้วรับประทาน

เทคนิคในการทำ(เคล็ดลับ)
 หากไม่ต้องการใส่ยีสต์เพื่อให้ขนมฟู ก็ให้ใช้น้ำตาลโตนดเก่าที่เก็บไว้ค้างปีที่มีฟองฟู 
(หรือที่เรียกกันว่าน้ำผึ่งขึ้น)แทน จะทำให้รสชาติของขนมอร่อยยิ่งขึ้น

การทดลองทำด้วยตัวเองครั้งนี้เมื่อเทียบอัตราส่วนของส่วนผสมจากต้นตำรับ

ส่วนผสมประกอบด้วย ...
แป้งข้าวเจ้าแห้ง 150 กรัม ,น้ำ 225 กรัม, น้ำตาลโตนดเหลว 250กรัม


น้ำตาลโตนดชนิดเหลว ที่มีเชื้อยีสต์ตามธรรมชาติ

ตวงตามสัดส่วนตามต้นตำรับแล้วนำไปชั่งดู ได้ 250 กรัม ต่อ 1ถ้วยตวง
จากนั้นนำไปนวดกับแป้งข้าวเจ้าแห้งและน้ำสะอาด ผสมให้เข้ากัน


ได้แป้งหลังผสม
พักไว้ให้ขึ้นฟูตามระยะที่ตำรับบอกไว้ 5-6 ชั่วโมง
แต่หากว่าน้ำตาลโตนดมียีสต์น้อยก็จะขึ้นช้าจึงเพิ่มเวลาการหมักต่อไปได้อีก
โดยสังเกตุลักษณะของแป้ง


แป้งที่หมักไว้จนขึ้นฟูดีจึงลองนำไปนึ่ง


นึ่ง 2 แบบ ทั้งแบบ ถ้วยตะไลที่เรียก ขนมปำจอก
และแบบถาดอย่าง ขนมปำที่มีหน้าตาคล้าย ขนมเค้ก "ขนมเค้กนึ่ง"


ขนมปำจอก นึ่งสุกรอให้เย็นแล้วจึงแคะออกจากถ้วย


ขนมปำถาด อย่างเค้กนึ่ง รอเย็น


ตัดเป็นชิ้นๆ


ได้หน้าตา ขนมปำเป็นอย่างนี้ค่ะ...น่ากิน ;)
 มาดู ขนมปำจอก บ้าง


เราก็ได้ "ขนมปำจอก"รับประทานกับมะพร้าวทึนทึกขูดคลุกเกลือให้เค็มนิดๆ
จบบันทึก ขนมปำแล้วนะคะ
บันทึกหน้า รอติดตาม "ขนมปำจี "
ขนมปำจี "แพนเค้กแบบไทย"สูตรปักษ์ใต้กันนะคะ
อ่านต่อได้ที่นี่>>ขนมปำจี"แพนเค้กแบบไทย" สูตรปักษ์ใต้
ขอบคุณแหล่งข้อมูลขนมพื้นเมืองที่กล่าวไว้ข้างต้นและขอบคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมชม
สวัสดีค่ะ:)
........................
หมายเลขบันทึก: 470034เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2011 09:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน 2018 11:29 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

เห็นแล้วน้ำลายหยดติ๋งๆ เลยครับ

น่ากินมากๆ

แต่เสียดายที่เชียงใหม่คงไม่มีขาย

  • น่ากินมาก
  • ตัวเปียกเลย
  • โดนน้ำลายพี่ข้างบน
  • 555
  • น่าทานมากเลย
  • เข้ามาดูภาพขนมพี่หนูรีทีไร  ชวนหิว ท้องร้องทุกทีเลยค่ะ

 

น่ารับประทานเชียงครับ

Ico48ขอบคุณค่ะคุณอักขณิช

ที่ปักษ์ใต้มีขายให้ได้เลือกซื้อกันได้ทุกวันค่ะ ;)

Ico48ว้าว!! เปลี่ยนภาพใหม่ หล่อเท่ มิใช่เล่น ฮา

แต่เสียดายจังเสื้อเปียก เพราะคนข้างบน ^___^

ขอบคุณนะคะที่ทำให้ยิ้มได้ :)

Ico48ขอบคุณน้องชาดา

ขออภัยที่ต้องให้ได้หิว ... เกรงจะอ้วน;)

มาหาของหวานหลังอาหารค่ำ ลดความอ้วนสักนิด

มาเยี่ยมเยือนพร้อมภาพสวยงาม

Photobucket

 

Ico48ขอบคุณคุณบีเวอร์ค่ะ

ขนมพื้นเมืองนั้นมีเสน่ห์ในตัวเองด้วยวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ อร่อยมิใครเหมือน :)

ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์โสภณ เปียสนิท

ชิมขนมที่หน้าบันทึกนี้รับรองไม่อ้วนค่ะ

ขอบคุณสำหรับภาพน่ารักๆนะคะ:)

คล้ายถ้วยฟูโบราณบ้านพี่

Ico48ใช่แล้วค่ะพี่ครู

ขนมถ้วยฟูโบราณใช่เลย

แต่ที่ปักษ์ใต้เรียกว่า "ขนมปำ"

ขอบคุณค่ะ:)

แหม พึ่งกินไปเมื่อวานนี่เองค่ะ อร่อยค่ะ

Ico48ขอบคุณอ.จันค่ะ

พี่หนูรีชอบขนมบ้านๆแบบนี้ค่ะ เหมือนเป็นเสน่ห์

ที่อยากค้นหาถึงที่ไปที่มา แล้วลองทำดูบ้าง:)

เหมือนขนมญี่ปุ่นร้านยามาซากิ ชื่ออะไรสักอย่าง แต่โรยงาด้วย อร่อยครับชอบ ไม่เลี่ยนไม่ทันมาก

ถ้าไม่มีน้ำตาลโตนด.ทำไงดี

ใช้น้ำตาลปี๊บแทน.

ใส่ผงฟู.ด้าย?

อยากทาน.แต่ไม่มีน้ำตาลโตนด.

ใช้น้ำตาลปีบแทน

เติม ยีสต์แห้ง (ที่ทำขนมปัง)ได้ ดีกว่าผงฟู

โรยๆลงไปนิดๆแค่หยิบมือ 

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ

หาน้ำตาลโตนดมาใส่แล้วค่ะ

ทำไมนึ่งแล้วหน้าตาออกมา.เหมือนขนมน้ำดอกไม้

หน้าบุ๋ม.ต้องนึ่งนานเท่าไหร่ค๊ะ

สังเกตุน้ำตาลโตนดอย่างไร.หากเอาน้ำตาลมาใหม่ต้องทิ้งนาน?ค๊ะ

จึงเอามาทำขนมได้.ขอบคุณมากๆสำหรับคำแนะนำดีๆ.^^

เหมือนขนมน้ำดอกไม้ แสดงว่าน้ำตาลโตนดมีเชื้อยีสต์ในธรรมชาติอยู่น้อย

ที่ซื้อมานั้นมักเก็บไว้นานๆ (ด้วยเหตุไม่ได้ทำสักที) วางจนถุงพองมีฟองฟู

เทออกมาล้นถ้วยอย่างนี้

หากเป็นน้ำตาลโตนดใหม่จะไม่ค่อยขึ้น (เพราะเชื้อน้อยนั่นเอง เจอบ่อยค่ะ)

การแก้ปัญหา คือ เติมยีสต์แห้ง(ยีสต์ผงที่ใช้ทำขนมปังนั่นเลยค่ะ)ใส่แบบหยิบมือ(ประมาณ1/8 ชช.)แล้วโรยบนแป้งที่ผสมเสร็จ แล้วคนๆนิดหน่อยแล้วปิดฝาทิ้งไว้ ในที่อากาศร้อนๆ หรือจะนำออกวางตากแดดก็ได้ แป๊บเดียวก็ฟูฟ่องแล้วล่ะค่ะ

ลองดูนะคะ:)

การนึ่งขนม ต้องต้มน้ำให้เดือดพล่านก่อนจึง นึ่งขนมได้ จากนั้นก็จับเวลา

เวลานึ่ง...

ใช้ถ้วยตะไล  ประมาณ 15 นาที

หากนึ่งในถาดก็ประมาณ 20-25 นาที

เวลาขึ้นอยู่นั้นขึ้นอยู่กับภาชนะที่ใช้ด้วยนะคะ

ซึ่งจะบอกแน่นอนไม่ค่อยได้ ต้องใช้วิธีสังเกตุลักษณะขนมว่าสุกหรือไม่ด้วยนะค่ะ :)

สำหรับความรู้ จะได้นำไปใช้

แล้ว.จะแวะมาส่งข่าวนะค๊ะ.^^

ขอบคุณมากๆ..อีกครั้งค่ะ..

สวัสดีค่ะ อยากลองทำ แต่ดูสูตร แล้ว ที่คุณทดลองแป้ง150น้ำ225น้ำผึ้ง250 จากตำรับ แป้ง1.5ลิตร น้ำ1ลิตรน้ำผึ้ง1ลิตร คำนวนจากอะไรคะ

สวัสดีค่ะคุณ คุณอัมพวัน

การทำสูตรอาหารหรือขนมนั้น ก็ต้องมีเทียบสัดส่วนค่ะ

...

ตำรับเดิมแป้ง  1.5 ลิตร ต่อ น้ำ 1 ลิตร ต่อ น้ำตาลเหลว 1ลิตร

เทียบสัดส่วน ก็เท่ากับ   ... 1.5 : 1.0 : 1.0   ( แป้ง: น้ำ : น้ำตาลเหลว)

สมมติ เราเริ่มต้นกำหนดสูตร ที่ ...  

  • แป้ง 1.5 ถ้วยตวง  (1ถ้วยครึ่ง)
  • น้ำ  ก็จะเท่ากับ 1 ถ้วยตวง 
  • น้ำตาลเหลว ก็เท่ากับ 1ถ้วยตวง 

 

แล้ว ต้องมาดูต่อ ปรับสูตร ตวงเป็น สูตรน้ำหนัก เพื่อให้ได้สูตรมาตรฐาน (สูตรชั่ง สะดวกว่าสูตรตวง ตามคนทำถนัด)

ก็จะได้ ....สูตรที่สัดส่วนเป็นกรัมออกมา

จาก การเปรียบย้อนกลับ

1)แป้ง 1ถ้วย มีกี่กรัม คำตอบ = 100 กรัม หนึ่งถ้วยครึ่งจึงเท่ากับ 150 กรัม

2)น้ำเปล่า 1ถ้วย  (ถ้วยตวงเมืองไทย)ส่วนใหญ่ = 225 กรัม

3)น้ำตาลเหลว ก็ต้องลองซื้อมาแล้วตวง ที่ 1ถ้วยตวง แล้วนำไปขึ้นตาชั่ง จากการทดลอง= 250 กรัม

โอเค ไหมค่ะ ...

 

.......

ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ ว่าคุณถาม ฉันเพื่ออะไร อยากจะลองว่าฉันมั่วเอาหรืออะไร ไม่เป็นไรหรอก ฉันอธิบายที่มาให้คุณเท่านี้

ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า มันจะมีประโยชน์อย่างไรก็การอธิบายเรื่องราวเหล่านี้ 

ขอบคุณที่สอบถามที่มาที่ไปนะคะ

 

ขอบคุณมากๆนะคะ คือสับสนเรื่องน้ำหนักของเหลวกะของแห้ง และเรื่องของมาตรตราวัดค่ะ ต้องขอบคุณสำหรับสูตรและความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการชั่งตวงด้วยค่ะ
ได้ลองทำหลายครั้งโดยยึดสูตรนี้เป็นหลักแล้วปรับปริมาณตามความรู้สึกนิดหน่อย.อร่อยมากๆเลยค่ะ ขนมปำสูตรนี้ ทำให้อร่อยกันทั้งบ้านเลยล่ะค่ะ

สวัสดีค่ะ ติดตามอ่านมานานอยุ่ค่ะ แต่ไม่เคยลองทำ อยากถามเป็นความรู้หน่อยนะค่ะ ถ้าไม่มีน้ำตาลตะโหนดเหลว ใช้น้ำตาลมะพร้าวของเพชรบุรีที่เป็นก้อนๆแทน ต้องใช้น้ำกับน้ำตาลในอัตราส่วนเท่าไรค่ะ คุณหนูรี ของคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท