ผู้ยิงเสือ...ยกปืนขึ้นสุดแขน...จะตีสุดแรงเกิด...ถ้าเสือกระโดดขย้ำ...จังหวะสองคือ....มีดลงยันต์...อนิจจา...เสือถอย...วิ่ง 3 ขาลงลำห้วย...มุ่งหน้าไปทางแม่น้ำโขง...ผู้ยิงเสือกำหนดรู้ทิศทาง...เพราะตามรอยเท้าดูก่อนแล้ว...จึงไปดักรอข้างหน้า...ประมาณ 15 นาที ห่างจากจุดประมาณ 10 เมตร และเสือก็โผล่มาด้านข้าง...
สักไกปืน เสือหันมาลูกปืนก็วิ่งเข้าระหว่างคิ้วของมัน เสียงร้องคำรามลั่นป่าอีกครั้ง และแน่นิ่งไป คนยิงเสือพอรู้ว่าตายแล้วจึงตะโกนให้พรรคพวกได้ทราบ
พวกเขาเหล่านั้นยังหาทางหนีเอาตัวรอดกันอยู่...ฮา ๆ เอิก ๆ บางคนวิ่งขึ้นต้นไม้เล็กๆ พอขึ้นไปถึงยอดมันก็เอนลงปลายถูกดินก็สาวทางยอดขึ้นต่อไป บางกลุ่มก็ขึ้นไปที่กระท่อมปลายนาซึ่งบรรจุได้เพียงไม่ถึง 10 คน แต่พวกเขาขึ้นไปเกิน 30 คน นี่คืออำนาจของความกลัวภัย
หมู่บ้านที่มาล่าเสือประมาณ 9 หมู่บ้านพอรู้ว่าเสือตายก็พากันมาตรงที่เสือนอนอยู่ ทุกคนที่มีปืนต่างยิงไปที่เสือนอนอยู่นั้น ท้ายที่สุดมีพ่อหมอประจำหมู่บ้าน อายุมากแล้วมาช้ากว่าเพื่อน เข้าไปดึงหางเสือ
เสียงคำรามดึงขึ้นอีกครั้งทุกคนจึงแตกตื่นกันวิ่งหนีอีกรอบ คงเป็นเสียงสุดท้ายของเสือเมื่อพลิกเสือไปอีกทาง เห็นกองกระสุนมากมายเต็มพื้นดินเพราะการยิงไม่ถูกเสือของชาวบ้าน เป็นอันว่า 3 วันต่อนี้ไป ที่หมู่บ้านมีงาน 3 งาน คือ 1 คนที่เสือกัดตาย 2 คนและต้องทำพิธีศพเสืออีกด้วยขณะที่หางเสือซึ่งเป็นเจ้าป่าต้องจ้างคนร้องไห้ข้างหน้าของคนหามเสือถือว่าเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นไทยอีสาน
รุ่งขึ้นวันใหม่ ที่หมู่บ้านจัดให้มีงานไหว้ผี มีผู้คนมาร้องรำทำเพลงสนุกสนาน เพื่อบวงสรวงสังเวยตามประเพณีท้องถิ่น
ท่านผู้อ่านครับประเพณีท้องถิ่นในหมู่บ้านของท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ โปรดติดตามตอนต่อไป
ด้วยความปรารถนาดี
จาก...umi
ไม่มีความเห็น