ชวนเพื่อนอ่านหนังสือ


เมื่อยังเป็นเด็ก
ชวนเพื่อนอ่านหนังสือ เรื่อง เมื่อยังเป็นเด็ก ผ้าสีขาวเป็นผ้าที่ดูสะอาด ตราบใดที่ยังไม่มีใครเอาสีไปป้ายมันก็จะแลดูบริสุทธิ์ แต่เมื่อใดที่ผ้าถูกป้ายสีลงไปตามรูปแบบของแต่ละคน ผ้าก็จะดูเด่นและมีสีสันสวยงามตามรูปแบบที่ต้องการของแต่ละคน แต่ผ้าบางชิ้นก็ออกมาเป็นรูปแบบที่ไม่ต้องการ ด้วยเหตุผลเช่นนี้เราจึงได้เปรียบเทียบผ้าสีขาวกับความบริสุทธิ์ไร้เดียงสากับเด็กๆ เด็กเป็นอดีตของหลายๆ คน และก็อาจเป็นปัจจุบันของเด็กหลายๆ คนในสังคมเช่นกัน สำหรับความเป็นเด็กในอดีตของข้าพเจ้าที่เพิ่งผ่านมาได้ไม่นานนัก เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตของคนส่วนใหญ่ในสังคม เป็นช่วงชีวิตที่สนุก ไม่ต้องรับรู้หรือเดือดร้อนกับหลายๆ เรื่องในชีวิต โดยเฉพาะชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของผู้ใหญ่ เด็กๆ จะเป็นวัยที่สนุกสนานกับการเล่นเป็นส่วนใหญ่ ในโลกของความเป็นจริงพวกเขาอาจจะต้องมีขอบเขตจำกัดในหลายเรื่อง เพราะด้วยความที่ยังเป็นผู้เยาว์ที่ยังไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ แต่พวกเขาจะมีโลกที่จินตนาการขึ้นมาอย่างสวยงามไร้ขอบเขตจำกัด แต่นอกจากความสนุกสนานที่คนอยู่ในวัยเด็กจะได้รับนั้นก็อาจจะมีชีวิตกลุ่มเล็กๆ ที่ยังต้องลำบาก ปากกัดตีนถีบ ดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปโดยไม่มีจุดหมาย เด็กในอดีตของหลายๆ คน อาจจะมีเหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจจนมิอาจลืมแตกต่างกันไป สิ่งที่ประทับใจเหล่านี้ เมื่อเราคิดถึงหรือนึกถึงเมื่อใด เราอาจมียิ้มเล็กยิ้มน้อยทำให้เรามีความสุขขึ้นมา แต่บางสิ่งที่เป็นวิถีชีวิตในวัยเด็ก เราก็อาจจะหลงลืมไป ข้าพเจ้าจึงได้ไปค้นหนังสือสองเล่มมาอ่าน เล่มแรกคือ เพลงดวงดาว ที่เขียนโดย วาวแพร และเล่มที่ 2 คือ ช่างสำราญ ที่เขียนโดย เดือนวาด พิมวนา มาแนะนำให้กับผู้ที่รักการอ่านที่ยังไม่เคยได้สัมผัสกับวรรณกรรมสองเล่มนี้ ซึ่งเป็นงานเขียนเกี่ยวกับเด็กทั้งสองเล่ม แล้วท่านอาจจะได้รื้อฟื้นความรู้สึกเมื่อยังเป็นเด็กของท่าน และอาจจะเข้าใจชีวิตของเด็กๆ ที่เป็นฐานรากของสังคมมากขึ้น นอกจากนี้ท่านผู้อ่านอาจจะได้แง่คิดหรือมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม ที่ผู้เขียนได้จำลองภาพชุมชนของมนุษย์บนโลกไว้ให้ท่านผู้อ่านสร้างจินตนาการตามได้อย่างชัดเจน จินตนาการที่แสนสวยและความฝันวัยเยาว์ของเด็กได้ถูกถ่ายทอดผ่านทางงานเขียนที่ท่านผู้รักการอ่านไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้ คือ เพลงดวงดาว เขียนโดยวาวแพร ซึ่งเป็นนักเขียนวรรณกรรมเยาวชนที่ได้สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าต่อสังคมออกมาหลายเรื่อง โดยเฉพาะผีเสื้อและดอกไม้ เด็กชายจากดาวอื่น ที่เป็นวรรณกรรมที่ควรเผยแพร่และส่งเสริมให้เป็นหนังสือที่น่าอ่าน เพลงดวงดาว สามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัย ถึงแม้ว่าผู้เขียนได้สื่อผ่านทางเด็กหญิงตัวน้อยก็ตาม เพลงดวงดาว เป็นงานเขียนที่เป็นแนวจินตนาการและความฝันของเด็กหญิงที่ชื่อ อ้อมเดือน ซึ่งเป็นเด็กหญิงที่มีความพิเศษอยู่ในตัวหลายอย่าง เมื่อเทียบกับเด็กๆ ในวัยเดียวกัน นั่นคือ เป็นเด็กที่เก่ง ฉลาด มีความคิดรอบคอบ และที่สำคัญผู้เขียนได้สื่อให้เห็นชัดคือความดีที่มีอยู่ในตัวของอ้อมเดือน และเพราะความดีนี่เองทำให้อ้อมเดือนได้พบเจอกับสิ่งดีๆ ในชีวิตทั้งยามตื่นและยามฝัน แล้วในที่สุดอ้อมเดือนก็ได้พบกับสิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุด ก็คือ แม่ของเธอที่ได้จากไปอยู่บนดาวอีกดวงหนึ่ง ซึ่งเป็นดวงดาวของคนดีที่เรียกว่าดาวเหนือ นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้สื่อถึงสังคมของเด็กๆ ที่แสนจะสนุกสนาน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักการอ่านทุกท่านที่พร้อมจะย้อนอดีตไปสู่ความประทับใจในวัยเด็กอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้รักการอ่านที่อยู่ในวัยเยาวชน เพราะวาวแพรเป็นนักเขียนวรรณกรรมเยาวชนที่สวมวิญญาณของความเป็นเด็กได้อย่างยอดเยี่ยม ภาษาที่วาวแพรได้สื่อออกมานั้นเข้าใจง่าย เมื่อมารวมกันเป็นเล่มก็ทำให้เนื้อเรื่องดูสนุกสนาน น่าสนใจ อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ แต่เจตนาที่แท้จริงคือต้องการให้เห็นถึงพลังแห่งความดีและความกล้าหาญ จึงสมควรอย่างยิ่งที่เด็กๆ จะได้อ่านงานเขียนที่มีคุณภาพเช่นนี้ หนังสือเพลงดวงดาว ยังได้สร้างกำลังใจให้คนทำความดี มีความฝัน และพร้อมจะเดินทางไปสู่ฝัน ข้าพเจ้าได้รู้จักหนังสือเพลงดวงดาว โดยเริ่มจากนิสัยของการเป็นผู้รักการอ่าน จึงได้พบหนังสือที่ห้องสมุดประชาชนของอำเภอ ข้าพเจ้าได้หยิบหนังสือเล่มนี้ออกมาก็เพราะว่าภาพและสีสันหน้าปกที่ดึงดูดความสนใจพร้อมกับประโยคที่ทำให้สะดุดตา “จินตนาการแสนสวยและความฝันวัยเยาว์” จึงได้ลองหยิบมาอ่าน เมื่อได้อ่านหน้าแรก ก็มีหน้าสอง สาม...ตามมา ข้าพเจ้าแทบไม่อยากวางหนังสือลง เพราะตัวหนังสือในแต่ละหน้านั้นได้ดึงให้ข้าพเจ้าสนใจจนวางไม่ลง และเพราะความสนุกสนานที่ผู้เขียนได้สื่อผ่านตัวละครทุกตัวอย่างสมจริงและเหนือจินตนาการ นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้เว้นช่องว่างไว้ให้ผู้อ่านได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ได้ ทำให้ระหว่างที่เราอ่านอยู่นั้นเหมือนกับได้ผจญภัยไปพร้อมกับตัวละคร โดยเฉพาะตอนที่นกเหยี่ยวและจิ้งหรีดพาอ้อมเดือนไปพบกับแม่ที่ดาวเหนือ แล้วได้พบเห็นท้องฟ้าที่กว้างไกลพร้อมกับได้พูดคุยกับดวงจันทร์ ทำให้ได้รู้เรื่องหมู่ดาวต่างๆ ข้าพเจ้าขอแนะนำหนังสือเล่มนี้กับผู้รักการอ่านทุกท่านที่ต้องการจะร่วมเดินทางไปกับจินตนาการที่แสนสวยและความฝันวัยเยาว์ พร้อมกับความรักที่บริสุทธิ์ระหว่างอ้อมเดือนกับสัตว์ต่างๆ ที่ได้ใช้ความดีเป็นสื่อในการคบกัน แล้วท่านก็จะได้เข้าไปในโลกจินตนาการและร่วมผจญภัยไปกับพวกเขา สำหรับหนังสือเล่มที่ 2 ที่ข้าพเจ้าจะแนะนำท่านผู้รักการอ่าน เป็นงานเขียนประเภทชีวิตที่ชวนให้เราอดคิดไม่ได้ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมในชุมชนเล็กๆ ที่เกือบจะถูกหลงลืมไป และรอคอยวันเวลาที่จะเลือนหาย ไร้การจดจำรำลึก ทว่าชุมชนแห่งนี้ประกอบขึ้นด้วยชีวิตของชนชั้นสามัญธรรมดาที่ได้ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าจากอดีตมาปัจจุบัน แต่กระนั้น “ราก” บางอย่างก็หาได้ถูกขุดโค่นถอนจนสิ้นซากไม่ ภาพของชุมชนได้ถูกจำลองขึ้นเป็นสังคมไทยร่วมสมัย แต่ยังแฝงนัยแห่งการวิพากษ์วิจารณ์สังคมปัจจุบันไว้อย่างแยบคาย ช่างสำราญ ที่เขียนโดย เดือนวาด พิมวนา ซึ่งเป็นนักเขียนที่มองสังคมในหลายๆ มุม และมองลึกลงไปจนถึงแก่นแท้ของสังคม ทำให้ได้แง่คิดที่น่าสนใจและต่างออกไป ช่างสำราญจึงเป็นงานเขียนที่ดูมีรสชาติและเข้มข้นด้วยเนื้อหาที่เดือนวาดได้สื่อออกมา ดูเป็นงานเขียนที่ค่อนข้างหนัก แต่มีคุณค่าน่าอ่านอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นถึงรอยร้าวบนฐานรากของสังคม ครอบครัวแตกแยก พ่อแม่แยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง ทิ้งให้ชีวิตน้อยๆ อายุเพียง 5 ขวบรอคอยผู้ที่เป็นพ่อหรือแม่กลับมาอย่างมีหวังแต่ก็ไร้วี่แวว ทว่าสังคมที่ยังไม่ได้ขุดโค่นถอนรากแห่งความเอื้อเฟื้อ โอบอ้อมอารี เสียสละ จึงทำให้เด็กชายกำพล ช่างสำราญ ได้มีที่หลับที่นอนมีอาหารกินครบทุกมื้อ มีชีวิตที่สนุกสนานเหมือนกับชีวิตของเด็กทั่วไปในสังคมนั้นโดยปราศจากบิดามารดาเลี้ยงดู ความเมตตาของผู้ใหญ่ทุกๆ คนที่มีต่อเด็กชายกำพล ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าขาดพ่อและแม่ เขาได้เรียนรู้ถึงสังคมรอบข้างและมีประสบการณ์ชีวิตที่เหนือกว่าเด็กทั่วไปทำให้เขาดูเป็นคนที่พิเศษไม่เหมือนใคร นอกจากจะบรรยายถึงเรื่องราวของชีวิตได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ช่างสำราญ ยังเป็นงานเขียนที่ได้สื่อถึงความคิดอ่านและความฝันของเด็กๆ สังคมเล็กๆ ของเขาที่ดูแสนจะวิเศษ ผู้ใหญ่อาจคิดไม่ถึง ความรักและความดีที่ผู้ใหญ่มอบและสั่งสอนให้แก่พวกเขา ข้าพเจ้าได้อ่านช่างสำราญตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย น้ำตาได้ซึมออกมาเมื่อเริ่มต้นอ่านแล้วก็เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจและศรัทธาในงานเขียนช่างสำราญ มาก และอยากจะเชิญชวนให้ท่านผู้รักการอ่านทุกท่านลองหยิบหนังสือเล่มนี้มาเปิดอ่าน มาเรียนรู้และเข้าใจสภาพสังคมร่วมสมัยที่ เดือนวาด พิมวนา ได้จินตนาการขึ้นมา โดยไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายหรือดีจนเกินไป จึงเป็นสังคมที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง และมาสัมผัสกับความรักและสายใยแห่งความเอื้ออาทรในช่างสำราญ การอ่านหนังสือเป็นการเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น เราสามารถท่องเที่ยวรอบโลกได้ โดยการท่องไปในหนังสือ หนังสือทุกเล่มที่เราอ่านล้วนมีประโยชน์สำหรับเรา อยู่ที่ว่าเราจะสามารถค้นหาประโยชน์ในหนังสือที่เราอ่านออกมาได้มากน้อยเพียงใด หากเราเลือกอ่านหนังสือที่มีประโยชน์มากๆ เรายิ่งจะได้รับประโยชน์จากหนังสือมาก และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้มาก เพื่อที่จะสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง ผู้ที่ประสบความสำเร็จในตัวเองหลายท่านก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีนิสัยรักการอ่าน ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่านหันมาปลูกนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง แล้วลองหยิบอ่านหนังสือสองเล่มที่ข้าพเจ้าได้แนะนำไปแล้วข้างต้นคือ เพลงดวงดาว และช่างสำราญ “โลกของคนที่ไม่เคยเหงา คือโลกของคนที่อ่านหนังสือ
หมายเลขบันทึก: 46880เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2006 14:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 15:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อมรรัตน์ จันทวงค์

เป็นการนำเสนอเรื่องราวที่ดี......นะค่ะ..เพราะว่าการอ่านหนังสือก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ได้รับความรู้  ซึ่งดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือเหมือนกันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท