ครั้งแรกเราไปเยี่ยมชื่นชมคณะพยาบาลศาสตร์ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 49 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เยี่ยมชื่นชมคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล วันที่ 22 ส.ค. 49
3-4 วันก่อนวันเยี่ยม ทางศิริราชแจ้งว่าใช้ห้องประชุมกรรมการคณะ ตึกอำนวยการชั้น 2 เป็นที่ประชุม ผมก็ท้วงว่าเกรงจะเป็นทางการเกินไป อยากให้จัดห้องประชุมอย่างไม่เป็นทางการ คุยกันแบบสุนทรียสนทนาสบายๆ ท่านคณบดีก็รับลูกอย่างว่องไว ย้ายมาใช้ห้องประชุมสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ จัดเก้าอี้เป็นวงกลม 2 วง และบังคับให้กรรมการสภาฯ เข้าไปนั่งวงใน
ทางคณะฯ เตรียมเรื่องไว้นำเสนอและสนทนากันถึง 6 เรื่อง คือ
1. โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์
2. Strategic map ของคณะฯ
3. โครงการ R2R
4. สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์
5. โครงการ Siriraj Cardiac Center
6. Evidence-base and Research Methodology in Medical Education
เอาเข้าจริงๆ ก็คุยกันได้แค่ 4 เรื่องแรก เพราะมีสุนทรียสนทนากันอย่างสนุกสนาน
สิ่งที่ผมประทับใจ ได้แก่
(1) การนำเอาการจัดการสมัยใหม่เข้ามาใช้ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าภายในเวลา 5-6 ปีข้างหน้า ศิริราชจะเป็น "Medical Institute of Excellence in Southeast Asia" ได้อย่างแน่นอน ตรงตามที่กำหนดไว้ตามแผนยุทธศาสตร์
(2) การพัฒนาทรัพยากรบุคคล และระบบการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ก้าวหน้าเกินระบบราชการ
(3) การมีเครื่องมือรวมใจรวมพลังของคน ร่วมกันขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าของศิริราชหลากหลายด้าน โดยมีผู้เข้ามาเป็น "ผู้นำ" รับผิดชอบในแต่ละด้าน
(4) มีการจัดบริการที่มุ่งให้บริการทั้งแก่ประชาชน (คนยากคนจน) ทั่วไป และแก่ผู้มีเงินจ่ายในฐานะผู้ป่วยพิเศษ ด้วยมาตรฐานการแพทย์เดียวกัน เครื่องมือชุดเดียวกัน (แต่ต่างเวลา) ทำให้สามารถให้บริการการแพทย์ระดับ world class แก่คนทั่วไปได้ ในลักษณะที่ศิริราชเลี้ยงตัวเองได้
(5) ได้รับงบประมาณจากรัฐเพียงปีละ 1,600 ล้านบาท แต่เงินที่ใช้จริงปีละ 10,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือหามาเอง
(6) นักศึกษาที่มานำเสนอมีความสามารถสูง ทั้งนักศึกษาแพทย์ปี 3 และนักศึกษาแพทย์แผนไทยประยุกต์ น่าภาคภูมิใจมาก
ความรู้อื่นๆ ที่ผมได้รับ
● เรียนรู้จาก ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย เรื่องตัวชี้วัด (KPI) ควรมีหลายชุด สำหรับคนหลายระดับ ควรมีชุดละไม่เกิน 10 ตัว เพื่อให้มีเรื่องราวของความสำเร็จเอามาใช้ทำ positive reinforcement
● เรียนรู้จาก ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ว่าควรหาทางดำเนินการป้องกันผู้ป่วยฟ้องหมอ หรือโรงพยาบาลด้วยศาสตร์ว่าด้วยการจัดการความขัดแย้ง
● ได้เรียนรู้ว่า การแพทย์แผนไทยประยุกต์ต้องใช้วิธีคิด (กระบวนทัศน์) แบบการแพทย์แผนไทย คิดบนฐานวัฒนธรรมไทยซึ่งอาจเรียนได้จากครูดนตรีไทย แล้วควรใช้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เข้ามาช่วยสร้าง evidence-base
นอกจากนั้น ควรส่งเสริมให้แพทย์แผนไทยประยุกต์บันทึกวิธีการและผลการปฏิบัติของตน เป็นการบันทึกความรู้ฝังลึก (tacit knowledge) แล้วเอามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และยกระดับความรู้ ทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องและหมุนเกลียวความรู้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าวิธีการทั้งสองแนวนี้จะช่วยให้มีการสร้างนวัตกรรมการแพทย์แผนไทยประยุกต์ได้
● อ.นพ.สมเกียรติ วสุวัฏฏกุล รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพงาน ได้นำ KM ไปใช้ในการพัฒนา Strategic Plan และการจัดการคุณภาพ ประสบการณ์นี้มีคุณค่ามาก สคส. จะเชิญอ.หมอสมเกียรติ มาพูดเรื่อง "การประยุกต์ใช้ KM & SM (Strategic Map) ในการบริหารองค์กรสู่ LO" โปรดคอยฟังประกาศเชิญชวนมาฟังนะครับ
วิจารณ์ พานิช
22 ส.ค. 49
1. บรรยากาศในห้องประชุม
2. อีกมุมหนึ่งของห้องประชุม
3. สามคนแถวหน้าซ้ายมือ คือนักศึกษาแพทย์ปี ๓ มาร่วมเสวนา
4. นศ. แพทย์แผนไทยประยุกต์ (๒ คนซ้าย) และอาจารย์ มาร่วมเสวนา
5. มุมกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ
6. ค่านิยม วัฒนธรรม
ไม่มีความเห็น