หนึ่งเดือนแห่งการอพยพ...(8)


นารีขี่ม้าขาว พร้อมแฟนหนุ่มสุดฮ็อต

ย่างเข้าวันที่หกของการอพยพมาพัทยา ครอบครัววรธนารัตน์ก็เริ่มค้นพบปัญหาคุกคามกระเป๋าตังค์เรื่องสำคัญ...นั่นคือ...การซักผ้า...

เป็นที่รู้กันดีว่า การพักแรมตามโรงแรมต่างๆ ไม่เหมือนอยู่บ้านที่สามารถซักผ้า อบผ้า หรือตากผ้าได้ตามใจชอบ อย่างมากก็ซักและตากชิ้นเล็กๆ ได้...หากจะส่งซักตามโรงแรมก็ราคาแพงเอาการ เหมือนที่ป๊ามี้คีนส่งที่สยามซิตี้เพราะตอนนั้นไม่มีทางเลือก ชิ้นหนึ่งตั้งแต่ 50-150 บาท เบ็ดเสร็จพ่อแม่ลูกคนละชุด เจอชาร์จไปพันกว่าบาท...

เวลานี้ เหตุการณ์ดังกล่าวได้หวนมาเป็นภาวะคุกคามแก่เราอีกครั้ง...ทำให้ต้องเริ่มคำนวณว่าเราจะจัดการปัญหานี้อย่างไร ระหว่างสามทางเลือกที่มี คือ

1. ส่งซักที่โรงแรมเพื่อความสะดวกสบายแต่เปลืองสุดๆ
2. หาที่รับซักรีดนอกโรงแรม ที่ราคาน่าจะประหยัดกว่า แต่ต้องออกไปรับไปส่ง
3. หาที่พักใหม่ที่ไม่ใช่โรงแรม แต่มีเครื่องซักผ้าและอบผ้า

อ้อ มีอีกทางเลือกที่น่าสนใจ...สำหรับป๊า...แต่มี้มี้กับคีนร้องโห่...นั่นคือ...ใส่ตัวละหลายๆ วัน ส่วนชุดชั้นในทั้งหลายก็ใส่กลับในออกนอก ได้ชุดละตั้งสองวันแน่ะ ^^

ระหว่างที่ป๊ามี้กำลังเหงื่อตกกับการตัดสินใจเลือก...ฉับพลันก็มีนารีขี่ม้าขาวมาช่วย...

ผิดครับ...ไม่ใช่เจ๊ปูที่เราคุ้นเคย เพราะตอนนี้ she ไม่ได้ขี่ม้าขาวแล้ว แต่ she ขี่จระเข้ และถือกุญแจปิดเปิดประตูระบายน้ำต่างหาก ^^

นารีขี่ม้าขาว พร้อมแฟนหนุ่มสุดฮ็อต อันเป็นเพื่อนสนิทของป๊ามี้ได้โทรมาและเอื้อเฟื้อให้ครอบครัววรธนารัตน์ได้ไปพักด้วย...

...ปัญหาการซักผ้าของเรา ซึ่งอยู่ในขั้นวิกฤตมั่กๆ จึงได้ลุล่วงไปได้ด้วยการที่เพื่อนได้ให้ความช่วยเหลือทันต่อเวลาพอดี...ขอบคุณจากใจจริง...

ในวันเดียวกันนั้น อยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์อันแสนตื่นเต้น บังเกิดกับคุณพ่อตา คุณแม่ยาย สุดเลิฟของป๊า...

เรื่องมีอยู่ว่า...ตอนป๊ามี้คีนอพยพจากกรุงเทพฯ มายังชลบุรีนั้น ด้วยความเป็นที่ทราบกันดีว่า คุณพ่อตา คุณแม่ยาย มีบ้านอยู่ฝั่งตะวันตกเฉกเช่นเดียวกับป๊ามี้คีน หรืออยู่ในพื้นที่ที่เรารู้จักกันว่า...พื้นที่ด้อยโอกาสในสายตาผู้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ...ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการที่ she และพรรคพวกจะปู้ยี่ปู้ยำด้วยการเนรมิตน้ำให้มาถล่ม เนื่องจากไม่ยอมเลือกพรรคพวกของ she ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แถมอาจเป็นขวากหนามต่อแผนการนิรโทษกรรมจ้าวลัทธิที่หล่อนเคารพรัก ที่รู้จักกันในนามของ...Lord Voldemaew...นั่นเอง

ดังนั้นป๊าจึงพยายามโทรไปกล่อมให้พ่อและแม่เตรียมข้าวของและอพยพออกมาก่อนน้ำจะท่วม...โทรไปกว่าห้าครั้ง...จนดูเหมือนใจอ่อน แต่ตกปากรับคำว่า...ขอพิจารณาดูก่อน เพราะอยู่มาเกือบสามสิบปีแล้ว มั่นใจสุดๆ ว่าตลิ่งชันน้ำไม่ท่วม...^^

หลังจากพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว เราจึงได้อพยพมา แต่ก็หมั่นโทรไปถามข่าวคราวแทบทุกวัน...จนถึงวันนี้ ได้โทรไปหาแล้วก็พบว่า...น้องน้ำ เธอได้แสดงพลังฝ่ายมืดที่ได้รับถ่ายทอดจากลอร์ดวอลเดอแม้ว มาล้อมบ้านพ่อแม่อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทลายตลิ่ง ข้ามทางรถไฟแถบฉิมพลี...เธอก็บรรลุภารกิจ สร้างกำแพงน้ำสูงเมตรครึ่ง จนคุณตาคุณยายของคีนไม่สามารถรอดพ้นอ้อมกอดของเธอได้... T T

เนื่องจากเราเป็นผู้ฟังที่ดี เราจึงได้แต่ปลอบประโลมว่า เดี๋ยวคงดีขึ้น แต่เพื่อความปลอดภัย พ่อแม่ออกมาเถอะ...ท่านทั้งสองจึงยอมตัดใจเก็บของคนละกระเป๋า เพื่อรอรถทหารมารับในวันรุ่งขึ้น...ทิ้งรถเบนซ์และฮอนด้าแสนรักไว้อยู่กับบ้าน...

รุ่งขึ้นคุณพ่อคุณแม่ได้ไปรอรถทหาร...แต่พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก...รถคงหลงทางจึงไม่มารับ พ่อแม่จึงได้เดินลุยน้ำครึ่งขาในหมู่บ้าน มาโบกแพที่ผ่านมาให้ไปส่งที่ถนนราชพฤกษ์ฝั่งที่น้ำยังไม่ท่วม...จากนั้นต่อด้วยการโบกรถกระบะ ตามด้วยรถแท็กซี่ เพื่อไปเจอน้องสาวมี้มี้ที่รามา เพื่อไปหาที่พักต่อไป...

นี่คือบรรยากาศที่บ่งถึงประสิทธิภาพของน้องน้ำ ที่รักใครชอบใคร ก็แสดงออกเต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับท่านลอร์ดและพรรคพวกว่าจะให้น้องไปบริการใครก่อนบริการใครทีหลัง

บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่า ...อย่าไว้ใจน้ำ อย่าวางใจตระกูลแม้ว...

หมายเลขบันทึก: 468436เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2011 18:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 22:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท