การทำ KM ไม่ได้เน้นพลังของความคม ฉลาด ปราดเปรียว แต่เน้นพลังของความเอาจริงเอาจัง สม่ำเสมอและต่อเนื่อง กล่าวอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าความฉลาดเฉลียวไม่สำคัญนะครับ สำคัญมาก แต่ก็ยังสำคัญเป็นรองความสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
การทำ KM เน้นการสั่งสม "ความรู้ปฏิบัติ" ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่เกิดขึ้นพร้อมกับความสำเร็จน้อยใหญ่ เป็นการสั่งสมร่วมกันของคนหลายคนที่ทำงานร่วมกันเป็นทีม เป็นการสั่งสมในลักษณะที่ ความรู้ของบุคคล/ปัจเจก เป็นหนึ่งเดียวกับความรู้ขององค์กร
เป็นการสั่งสมผ่านการปฏิบัติงานร่วมกัน ผ่านกระบวนการ ลปรร. และผ่านการจดบันทึกความรู้ฝังลึก และความรู้แจ้งชัด ในรูปแบบที่หลากหลาย โดยมีเป้าหมายให้การจดบันทึกช่วยอำนวยความสะดวกต่อการที่ "คุณกิจ" จะนำเอาความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้ใหม่ (re-use) รอบแล้วรอบเล่า
ความสม่ำเสมอและต่อเนื่องจึงมีความสำคัญยิ่ง
โดยต้องเป็นความสม่ำเสมอและต่อเนื่องที่อยู่บนฐานของสัมมาทิฐิ หรือแนวคิดที่ถูกต้อง มีเป้าหมายที่มีคุณค่าต่อองค์กร สังคม และต่อตัว "คุณกิจ" เอง
เป็นความสม่ำเสมอและต่อเนื่องที่ไม่ใช่วนอยู่กับที่ แต่วนเป็นพลวัต และเกิดการยกระดับความรู้ ยกระดับการปฏิบัติ และยกระดับจิตใจของทีมงาน
เป็นความสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ในบรรยากาศที่บางครั้งก็เต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน และมีมรสุม จึงต้องอาศัยพลังแห่งความเพียร ความอดทน มุ่งมั่น มีจิตใจที่เข้มแข็ง (courage) และมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน (mutual trust) ในหมู่เพื่อนร่วมงาน มาขับเคลื่อนความสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
วิจารณ์ พานิช
๙ สค. ๔๙
ปรับปรุง ๒๖ สค. ๔๙
อาจารย์มีการบ้านชวนให้ได้คิดต่ออย่างยิ่งค่ะ
จากประโยคที่ว่า
.. KM เป็นการสั่งสมในลักษณะที่ ความรู้ของบุคคล/ปัจเจก เป็นหนึ่งเดียวกับความรู้ขององค์กร...