การปฏิบัติหน้าที่ราชการ มีค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน และโบนัสประจำปี ซึ่งในแต่ละปีงบประมาณ ก็มีการพิจารณาความดี ความชอบ 2 ครั้ง คือ วันที่ 1 เม.ย. และวันที่ 1 ต.ค. แต่ละคนก็จะได้มากน้อย ลดหลั่นกันไปตามกฎเกณฑ์ที่ ก.ค. กำหนด ถ้าปีใหนโชคดีหน่อย ก็จะได้ 2 ขั้น ถ้าไม่ค่อยดีนัก ก็ 1 ขั้น ....บางคนบอกว่าไม่ต้องได้ 2 ขั้นหรอก ขอ ขั้นครึ่งทุกปี...ก็บานบุรีแล้ว.......
การพิจารณาความดีความชอบนั้น บางคนบอกว่าเป็นตัวสร้างบารมีให้กับผู้บริหารโรงเรียน แต่ผมมองว่า น่าจะเป็นตัวสร้างความเกลียดชังให้กับผู้บริหารเองมากกว่า......เพราะ เค้ก มีก้อนเดียว...แต่คนที่อยากรับประทาน มีเป็นสิบคน ดังนั้นคนรัก ก็จะมีแค่คนเดียวที่ได้เค้กไปทาน ส่วนอีก เก้าคน ย่อมไม่พึงพอใจ แน่นอน........
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดู พิจารณา ความดีความชอบ วันนี้ ผมจัดทำบัญชี แบบ กท.ต่างๆ เพื่อส่งสำนักงานเขตพิจารณาอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนของโรงเรียนเริ่มโดยแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณา และนำผลการประเมินการปฏิบัติราชการครั้งที่ 2 ระหว่าง 1 เม.ย 49 - 30 ก.ย. 49 ซึ่งเป็นการประเมินตนเองและประเมินเพื่อนร่วมงาน โดยให้คณะกรรมการพิจารณาฯ ได้แก่หัวหน้าช่วงชั้น สรุปในสายช่วงชั้นของตน......ซึ่งก็เป็นที่ยินดีที่ครูทุกคน อยู่ในเกณฑ์ดีมาก 80 % ขึ้นทุกคน เข้าข่ายในการพิจารณาหนึ่งขั้น และหนึ่งขั้นครึ่ง......
เมื่อทุกคนเข้าข่ายในการพิจารณา ก็ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ที่จะต้องจัดอันดับความดี ผสมผสานกับระดับความชอบ ซึ่งส่วนใหญ่ ที่โรงเรียนทำกันเป็นประเพณีเลย ก็คือ ใครที่ได้ 1 ขั้นในรอบแรก รอบที่สอง ถ้าไม่เลวร้ายเกินไป ก็คงจะได้ 1 ขั้น ตามวิธีปฏิบัติ หรือบางคนรอบแรกได้ 0.5 ขั้น ถ้ารอบสองผลการปฏิบัติหน้าที่โดดเด่น มีผลงานระดับเขตฯ ระดับชาติ ในรอบนี้ก็อาจจะได้ หนึ่งขั้นครึ่ง ก็เป็นไปได้........
ซึ่งในการพิจารณานั้น มีหลายอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้องเช่น วันลา , จำนวนวันที่ปฏิบัติราชการ, การถูกดำเนินทางวินัย.....ฯลฯ และ 15 % ของกลุ่มซี เม็ดเงิน 6% ของเงินเดือนรวมทั้งหมด เป็นต้น.....ตรงเม็ดเงิน 6 % นี้ มีผลกับโรงเรียนที่มีครูเงินเดือนสูงๆ เม็ดเงินที่ได้ก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว....ดังนั้นครูบางคน...ที่เล็งเห็นตรงนี้ ก็จะขอย้ายตัวเอง ไปอยู่โรงเรียนที่มีเม็ดเงินมากๆ เพราะอย่างน้อย ก็ได้ หนึ่งขั้นครึ่งทุกปี ก็แฮปปี้ แน่นอน........
ครับทั้งหมด ก็คือกระบวนการ สรรหาตัวบุคคล ให้ได้รับรางวัล เค้ก ก้อนนี้ไปครอง..... ในส่วนตัวของผม ก็สร้างความปวดใจให้กับตัวเองพอสมควร...เพราะอยากจะให้เพื่อนร่วมงานสองขั้นกันทุกคนจริง ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ด้วยกรอบหลักเกณฑ์ อย่างที่บอกไว้เบื้องต้น
ผมผ่านการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว มาสองปีงบประมาณ โชคดี ที่ไม่มีปัญหาอะไร.....แต่ลึกๆ แล้ว ผมเชื่อแน่ว่า....ก็มีบางส่วนที่คิดว่า ไม่ยุติธรรม...... ตรงนี้ผู้บริหารต้องทำใจ.... เพราะผลประโยชน์ตรงนี้...เป็นที่ยึดมั่น และไขว่คว้า ของข้าราชการเกือบทุกคน
ก็เลยต้องกลับมามองว่า.......รางวัลที่ให้กันแบบนี้....ทำให้เกิดประโยชน์ต่อวงการของราชการส่วนรวม....และทำให้ประสิทธิผลของงานส่วนรวมดีขึ้นหรือไม่?.....หรือสร้างความร้าวฉาน และเพิ่มช่องว่างให้กับผู้บริหาร และครู .....เป็นการสร้างกิเลส ให้พอกพูน มากกว่าที่จะเป็นแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่?............น่าจะทำวิจัยในเรื่องนี้กันบ้างนะ........
เพื่อน ๆคิดเห็นอย่างไร ช่วยชี้แนะด้วยครับ.......
สวัสดีค่ะ ผอ.นิพนธ์ พบกันในวันใหม่ที่ยังไม่ได้นอนใช่ไหมคะ
หัวข้อบันทึกของ ผอ.น่าสนใจมากเลยค่ะ ในความคิดเห็นของดิฉันนั้น การให้ความดีความชอบของฝ่ายบริหารเป็นไปตามปลายปากกาของท่านผู้บริหาร มันบั่นทอนสภาพความมั่นคงทางจิตใจของคนในองค์กรเสียส่วนใหญ่ ในแต่ละครั้งที่มีการให้ความดีความชอบนั้น แต่ละองค์กรแตกต่างกัน แต่ละที่แต่ละอย่าง จะสะอิดสะเอียนกับเทศกาลนี้เสียเหลือเกิน
บางคนคิดว่าเป็นเกียรติแก่ตนเองที่ได้ความดีความชอบ แต่นั่นต้องมาจากความยุติธรรมและมีหลักการ
หากมาจากปลายปากกาของฝ่ายบริหารแล้ว อย่ามีดีกว่า หาก ผอ.มีความปวดใจมากในการพิจารณา เพราะท่านมีความยุติธรรมในจิตใจและการกระทำ
แต่ที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบัน บางแห่งพิจารณาเพียงเพื่อการดึงคนที่อยู่ในอาณัติของตน ไม่ได้มองความสามารถหรือความดีอะไรเลย ชอบเท่านั้นที่ท่านพิจารณา ท่านชอบท่านก็ให้ พูดมากไม่ได้หรอกค่ะ ตามใจท่าน
ต้องบอกว่าเป็นอีกคนหนึ่ง ที่รู้สึกเหมือนกับ อ.สิริพร ค่ะ เพราะเป็นเทศกาลที่ทำให้เพื่อนเกือบจะเสียเพื่อน เคยมีความคิดหลายครั้งแล้ว ว่าระบบการพิจารณาขั้นเงินเดือนเป็นการสร้างหรือบ่อนทำลายทรัพยากรบุคคลที่มีค่าของหน่วยงาน เพราะในชีวิตที่รับราชการมาเกือบ 15 ปี ก็พอจะมองเห็นจุดบกพร่อง เนื่องจาก ในหน่วยงานพิจารณาความดีความชอบค่อนข้างยุติธรรม แต่เพราะด้วยความยุติธรรม ทำให้คนที่ได้สองขึ้นหรือขั้นครึ่ง ก็คือคนเดิมๆ เกือบทุกปี ในขณะที่คนที่ยังไม่ได้รางวัลนี้ ก็ยังเป็นคนเดิมๆ เหมือนกัน ประเด็นอยู่ที่ว่า "แล้วคนที่ไม่เคยได้รับเลย เขาจะมีกำลังใจทำงานกันได้อย่างไร" ที่มองอย่างนี้ไม่ใช่เพราะ ไม่เคยได้นะคะ แต่เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รางวัลนี้กับเขาค่อนข้างบ่อย ยังมีความรู้สึกว่า เหมือนไม่ยุติธรรม ก็อาจจะจริงผลงานสร้างคุณค่าบุคคล แต่สังคมไม่อาจอยู่ได้ด้วยคนเพียงไม่กี่คน ทรัพยากรบุคคลเป็นส่งที่มีคุณค่าที่สุด องค์กรหรือผู้บริหารควรมองตรง "การสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน" อาจต้องทนทำใจให้กับคนที่เรามองว่า ไม่มีผลงาน เพราะนั่นอาจเป็นจุดเล็กๆ ที่ส่งประกายให้เขาคนนั้นก้าวขึ้นมาเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าของหน่วยงานกับเขาได้บ้าง ดีไม๊คะ นี่เขียนจากประสบการณ์จริงและมุมมองที่ต้องเอามาคิดเสมอๆ เวลาที่หน่วยงานที่ทำงานพิจารณาสองขั้น อยากให้ผู้บริหารมองคนที่เหมือนไม่มีคุณค่าที่ต้องพิจารณาให้สองขั้นบ้างน่ะ "เขาอยู่มาในหน่วยงานของเราได้จนบัดนี้ ก็ต้องมีดีบ้างล่ะนะ" อยากให้เพื่อนร่วมงานทุกคนมีความสุข แล้วเค้าจะผลิตผลงานให้กับองค์กรด้วยใจค่ะ
การปฏิบัติหน้าที่ราชการนั้น....เราหนีไม่ออกกับลักษณะนิสัย วัฒนธรรม คนไทย ในระบบอุปถัมภ์...... ผมปฏิบัติหน้าที่ราชการมา เกือบ 25 ปี...ถ้าถามว่าประสบความสำเร็จใหม....ก็ยังไม่สามารถตอบได้..เพราะ ประสบความสำเร็จนั้น วัดกันที่ตรงไหน?....ถ้าวัดกันที่ความดีความชอบ........ผมก็ต้องต้องว่าไม่!!!ประสบความสำเร็จ.....เพราะชีวิตการทำงานที่ยาวนานขนาดนี้ ผมได้รับพิจารณา 2 ขั้น เพียง สองครั้งเท่านั้น และผลงานต้องโดดเด่นจริงๆ .....เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูประวัติการรับราชการของผมได้ ใน http://www.bannaipol.org (คลิกที่บล็อคเรื่องจากผู้บริหาร / ประเมินตนเอง /ประวัติการรับราชการ ) ปัจจุบันเงินเดือนผม น้อยกว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันเกือบทุกคน......แม้จะสอบเปลี่ยนสายงานผู้บริหารมาตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ผมได้ขั้นเดียวตลอด คำว่า หนึ่งขั้นครึ่ง ยังว่างเว้นมา เจ็ดปี เพิ่งมาได้ขั้นครึ่งเมื่อปี 47 ครับ ...........ใครที่เห็นประวัติการรับราชการของผม ก็ต้องคิดว่า.....ผมคงร้าย.....ผมคงไม่ทำงาน....ส่วนใหญ่คิดมุมลบครับ......แต่ผมก็ไม่เคยอธิบาย..เพราะมันน่าละอาย....ที่จะพูดเรื่องกิเลส........ส่วนผมเองไม่เคยโวยวาย และคิดเสมอว่า จังหวะไม่ดี.....โชคไม่ดี...และเรายังทำงานไม่ดีเท่าเพื่อน....คิดแล้วก็สบายใจครับ......ผู้บริหารที่อยู่กับผม รู้สึกสบายใจ เพราะ จะให้เราทำอะไรก็ทำให้ได้...สอนแทน...ครูที่ลาคลอด...ปีหน้าครูขาด...เอกไหนวิชาอะไร นิพนธ์ สอนได้หมด......แม้แต่จะลดความกดดันในเรื่องขั้น....เราก็สามารถเสียสละให้ได้.....เพราะผมเป็นคนพูดง่าย และรู้จักผู้บริหารดี เลยเอาไว้ที่หลัง....อิ อิ...พอจะได้ ก็เกิดมีครูเกษียณ ต้องให้ครูเกษียณก่อน พออีกปีจะได้....เกิดลาเกินซะอีก....พอจะให้ปีนี้....ผู้บริหารเกษียณ .....พอย้ายโรงเรียน ก็ต้องไปเริ่มเข้าคิวใหม่...อะไรทำนองเนี้ยะ.....ผมก็เลยไม่โทษใครครับ...คิดแล้วก็มีความสุขดี.........ท้งๆที่เป็นเจ้าของโครงการหลักๆ ของโรงเรียน...พิธีกร...ปะทะกับผู้ปกครองแทนผู้บริหารก็มี...ทำงานให้ศูนย์วิชการเขต...ทำงานกีฬาระดับ กทม. วิทยากรบรรยายขั้นตอนการเลือกตั้ง ส.ก. สข..สว. และ สส. ของสำนักงานเขตฯ .....ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เลวร้าย...อะไรเลย...เพียงแต่จังหวะ โอกาส และเป็นคนพูดง่าย ....ก็เท่านั้นเองครับ.....
ตอนนี้เรามาเป็นผู้บริหารโรงเรียน...ผมเข้าใจความรู้สึกของครูดี...เพราะผมเคยเจ็บปวดมามาก ก็เลยปฏิญาณตนไว้ว่า......ต้องยุติธรรมให้ถึงที่สุด....และให้โอกาส....คนที่ไม่เคยได้รับรางวัลตรงนี้ก่อน...เพื่อฉุดให้เขารู้สึกว่ามีความสุขกับการทำงาน คืนมาอีกครั้งหนึ่ง.......
ผมชอบคำว่า สะอิสะเอียนกับเทศกาลดังกล่าว ของครูอ้อย ผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และมุมมองการให้โอกาสคน ของ คุณยุพา.....
แต่อย่างน้อย ผมก็ยังมีความสุขกับการทำงานครับ......
เรียน คุณยุพา
ดิฉันเคยเป็นทั้งสองอย่างคือ หนึ่งไม่เคยได้รับการพิจารณาความดีความขอบเลยเนื่องจากไม่ได้เป็นคนในพื้นที่ และสองได้รับการพิจารณาความดีความชอบสองขั้นสองปีซ้อน
ดิฉันปวดใจในความสัมพันธ์กับเพื่อนๆที่พูดว่า เธอเก่งจริงๆ เธอถึงได้สองขั้นบ่อย เงินเดือนก็ไปเทียบกับคนที่อายุมากๆ และเป็นที่รังเกียจของเพื่อนๆ จะทำงานอะไรที่ดีๆ ที่มีประโยชน์ เพื่อนก็มองว่าจะเอาสองขั้น
มันทำให้ดิฉันล้ามากในความรู้สึกเช่นนี้
มันทำให้คนที่เคยทำงานแล้วไม่อยากทำงาน อยากหลีกหนีจากงานเพื่อให้คนที่ไม่เคยได้เขาโดดเด่นขึ้นมา
ทั้งที่ หันมาดูบ้างซิว่า จะทำงานเพื่ออะไรกันแน่
การพิจารณาความดีความชอบจึงทำให้เสียคนทำงานไป
ดิฉันก็มีความสุขกับการทำงาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ไม่ได้ดีแต่พูดก็แล้วกันค่ะ ท่าน ผอ. ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ
โพสต์ที่ 3 ผมเองครับ..ลืมใส่ชื่อและล็อคอิน
สำหรับครูอ้อย....เห็นกระบวนการคิด และผลงานแล้ว...ถ้าผมเป็นผู้มีอำนาจ...นอกจากจะให้ 2 ขั้น ปีเว้นปีแล้ว......ยังจะให้ความรู้สึกที่ดี ทะนุถนอม รักษาบุคลากรที่มีคุณค่าขององค์กรเอาไว้ให้ได้......
เรียน ผอ.นิพนธ์
ดิฉันก็ใฝ่ฝันที่จะได้ ผอ.ที่มีคุณธรรม ไม่ใช่ คุณ นะ ทำ
เข้ามาในบล็อก 212 เลยไม่ได้ล็อกอินค่ะ
รักษาสุขภาพค่ะ ถ้าอยู่ใกล้กันจะต้มน้ำสำรองไปฝาก แก้เจ็บคอและเป็นหวัดค่ะ
ไม่ได้อยาก 2 ขั้นจาก ผอ.นะคะ
จากผู้มีน้ำใจแก่เพื่อร่วมโลก(โรค)ค่ะ
ครูอ้อย
ผอ.นิพนธ์ คะ
ความดีซื้อได้ด้วยเงิน เป็นความจริงหรือ
ความดีความชอบเป็นการพิจารณาที่บั้นทอนจิตใจ 13 ปีแย้ว มีผลงานเหรียญทองระดับภาค ประเทศยังสู้คนที่ใช่ของ ผ.อ ไม่ได้เลย น่าเศร้าใจจัง. อาจเป็นเพราะเราคู่กันแต่ปางชาติไหน แอบร้องเพลง. ไมีให้ก็ไม่ได้ ไมีได้ก็ไม่เอา เท่าไหร่ก็เท่านั้น สู้กันต่อไปด้วยความเป็นครูด้วยใจครูต้องสอนให้นักเรียนเป็นคนมีคุณธรรม หากมีคุณธรรม ทุกอย่างจะตามมามีแต่สิ่งดีงาม. ฉะนั้น ใครที่โตมาแบบขาดคุณธรรมนั้นแสดงว่ายังขาดความซาบซึ้งในคุณธรรม หรือยังไม่เคยจดจำคำสั่งสอนของครูมาแต่เด็ก พูดง่ายคือขาดการอบรมสั่งสอนนั้นเอง
อย่าไปหมดความตั้งใจดีกับงานของเราไปกับคนไม่มีคุณธรรม
สอนเด็กมา 21 ปี แต่ไม่เคยได้รับการพิจารณาความดีความชอบ 2 ขั้นเลย ครูย้ายมาทีหลัง ได้ไปแล้ว 4-5 ครั้ง
ก็ได้แต่ให้เทวดาฟ้าดินสงสาร
ผลงาน ครูหลายคนชื่นชม แต่หนังหมาไม่เข้าตาเจ็ก อย่างที่เขาว่าแหละ
เห็น จ. 18 ทีไร คนนี้ได้อีกแล้ว
ช่วงหลังๆแอบร้องไห้ สงสารตัวเอง เคยคิดว่า ผอ.คนไหนจะเห็นคุณงามความดี ผลงานเยี่ยมของตัวเองบ้าง แล้วให้ 2 ขั้นเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จ กำลังรอ...