ตำนานเกาะช้าง
ตำนานเกาะช้างนี้มีความเกี่ยวพันกันกับตำนานแหลมงอบ
มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าในจังหวัดตราดได้เล่าไว้
หลายกระแส ผู้เขียนพอรวบรวมมาได้ ความว่า
บ้านแหลมงอบนั้น
มีหญิงชราคนหนึ่ง ชื่อยายม่อม
ได้เลี้ยงควาย
โดยมีคอกควายอยู่ที่สลักคอก วันหนึ่งควายได้หายไป ยายม่อมออกตามหาควาย
จนไปจมน้ำทะเลตายกลายเป็น
โขดหินชื่อยายม่อม
ส่วนงอบที่ยายม่อมใส่ไปนั้นกลายเป็นแหลมงอบ
ควายของยายม่อมกลายเป็นโขดหินเช่นกัน
สำหรับเกาะช้างนั้น
มีตำนานเล่าว่า เดิมเกาะช้างนั้น มีเสือขนาดใหญ่อาศัยอยู่ชุกชุมมาก
โดยข้ามไปมา
ระหว่างฝั่งตำบลแหลมงอบกับเกาะช้างกันได้
ความชุกชุมของเสือที่เกาะช้างในกาลครั้งนั้นปรากฏว่า
เสือย่อมเที่ยวเพ่นพ่านหากินอยู่ตามละแวกหมู่บ้านคนนั่นเอง
ในช่วงปลายสมัยรัชการที่ ๔ มีญวนผู้หนึ่ง ชื่อ “องค์โด้”
มีวิชาอาคมแก่กล้า
ที่สามารถขับไล่เสือออกไปจากเกาะช้างจนหมดสิ้น ในหนังสือจดหมายเหตุความทรงจำ
สมัยฝรั่งเศสยึดจันทบุรี และตราด ของหลวงสาครคชเขตต์
(อภิลักษณ์ เกษมพูลผล คอลัมภ์จดหมายเหตุเมืองตราดหนังสือพิมพ์ประชามติ
:หน้า๙,๒๕๔๘) กล่าวถึงองค์โด้ ผู้นี้ไว้ว่า เป็นชาวญวณ
ผู้มีวิชาอาคมที่แก่กล้าสามารถปราบเสือที่มีอยู่อย่างชุกชุมในเกาะช้างจนเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้านยิ่งนัก
“...ความได้ปรากฏว่า
มีผู้วิเศษคนหนึ่งชื่อ องค์โด้ ได้มาที่เกาะช้าง
แล้วจัดการทำพิธีร่ายอาคมลง อาถรรพ์ขับไล่เสือร้ายให้สูญหายไป
แล้วหลังจากนั้น มาจนกระทั่งบัดนี้
ไม่ปรากฏว่ามีใครพบเห็นเสืออีกเลย...”
สำหรับตำนานเรื่องนี้
นายติ้น ซึ่งเป็นชาวบ้านเกาะช้าง
ได้เคยเล่าถวายสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ ๕
เมื่อครั้งเสด็จประพาสเกาะช้าง
ซึ่งต่อมานายติ้นได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงติ้นต้นสกุลสลักเพชร
เรื่องราวที่กล่าวถึงตำนานเกาะช้าง
ชุมชนในเกาะช้าง และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็น ๑ ใน ๕
ของตำนานและนิทานพื้นเมืองของจังหวัดตราดที่กรมศิลปากร
ได้พยายามรวบรวม
(มหาวิทยาลัยบูรพา,การรักษาเอกลักษณ์และสร้างภูมิต้านทานให้ชุมชนเกาะช้างเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลมาจากการพัฒนาการท่องเที่ยว,
๒๕๔๕-๒๕๔๖:๗-๙) สรุปได้ดังนี้
“ในสมัยหนึ่งพระโพธิสัตว์ได้มาสร้างตำหนักเลี้ยงช้างอยู่ที่เกาะช้าง
มีพลายเชือกหนึ่งเป็นจ่าโขลงชื่ออ้ายเพชรและมีสองตายายเป็นผู้เลี้ยง
ชื่อยายม่อม ส่วนตานั้นไม่ปรากฏชื่อ
วันหนึ่งอ้ายเพชรเกิดตกมันหนีเข้าป่าและผสมพันธุ์กับช้างป่า
แลเกิดลูกสามเชือก เมื่อพระโพธิสัตว์ทราบเรื่อง สั่งให้ตายายออกตาม
โดยให้ตาไปทาง
ทิศเหนือ ส่วนยายไปทิศใต้ อ้ายเพชรหนีไปจนสุดเกาะทางทิศเหนือ
ก็ว่ายน้ำข้ามทะเลมาขึ้นฝั่งที่บ้านธรรมชาติ
ปัจจุบันนี้
ส่วนลูกทั้งสามตามไปแต่ว่ายน้ำไม่เป็นจึงจมน้ำตายกลายเป็นหินสามกอง
ตรงบริเวณอ่าวคลองสน
ชาวบ้านเรียกว่า “หินช้างสามลูก”
ส่วนอ้ายเพชรว่ายน้ำไปจนถึงกลางร่องทะเลลึกได้ถ่ายมูลไว้กลายเป็นหิน
เรียกว่า “หินขี้ช้าง”
เมื่อขึ้นฝั่งได้ อ้ายเพชรก็มุ่งหน้าเลียบชายฝั่งด้านใต้
ตาซึ่งเป็นผู้เลี้ยงตามไปไม่ทันจึงกลับให้ยายข้ามฝั่งตามไปคนเดียว
จนกระทั่งไปตกหลุมโคลนถอนตัวไม่ขึ้นเสียชีวิต และร่างกลายเป็นหิน
ชาวบ้านเรียกว่า “หินยายม่อม”
ส่วนงอบที่สวมไปด้วยได้ลอยไปตอดตรงปลายแหลมและกลายเป็นหินตรงบริเวณที่ตั้งกระโจมไฟปัจจุบัน
“แหลมงอบ”
จึงเป็นชื่อที่ได้มาจากงอบของยายม่อมที่ลอยไปติดฝั่งนั่นเอง
เมื่อพระโพธิสัตว์ทราบเรื่องจากตาจึงเข้าใจว่า
อ้ายเพชรจะต้องไปยังเกาะอีก จึงเกณฑ์คนให้ทำคอกดัก
ยาวเกือบถึงท้ายเกาะด้านใต้ชาวบ้านจึงเรียกหมู่บ้านแถบนั้นว่า
“บ้านคอก”
และเกาะที่เกิดจากลิ่มและสลักทำคอกเรียกว่า “เกาะลิ่ม”
“เกาะสลัก” และส่วนใหญ่มักจะเรียกรวมกันว่า
“บ้านสลักคอก”
ส่วนอ้ายเพชรคิดข้ามไปยังเกาะจริง
แต่ไม่กลับเข้าคอก แต่เดินอ้อมไปเข้าท้องอ่าวหน้านอก
พระโพธิสัตว์จึงสั่งให้คนไปสกัดให้กลับมาเข้าคอก
ชาวบ้านจึงเรียกที่ที่ไปสกัดช้าง ตามภาษาชาวบ้านว่า
“สลักหน้า”
หรือ“บ้านสลักเพชร”
ซึ่งหมายถึงการสกัด (สลัก) หน้าอ้ายเพชรนั้น
ด้วยเหตุแห่งความยุ่งยากทั้งหลาย
จึงเป็นเหตุให้พระโพธิสัตว์ได้ฝังอาถรรพ์ไว้ตามเกาะต่างๆเพื่อไม่ให้ช้างเข้าไปอาศัยอีก
นับแต่นั้นมาจึงไม่มีช้างอาศัยอยู่บนเกาะจนกระทั่งปัจจุบัน
ภูมิปัญญา อาชีพดั้งเดิมของชุมชนเกาะช้าง
การอาชีพชาวเกาะ มีการทำสวนมะพร้าว
การประมงและการหาสินค้าของป่าตามป่าเขาเป็นพื้นแต่เฉพาะที่เกาะช้างและเกาะหมาก
มีการทำนา ทำสวนพริก และสวนหมาก
ซึ่งปรากฏหลักฐานการทำสวนพริกไทยมาตั้งแต่สมันรัชการที่ ๕
ที่เจ้าของสวนพริกไทยและสวนหมากขอขายสวนให้เป็นของหลวงโดยพระประเสริฐวานิช
ปลูกสวนหมากและพริกไทยที่ตำบลเกาะช้าง พร้อมโรงเรือน
ลงทุนไปประมาณ
๗๐๐ ชั่ง มีพริกไทย ๒,๐๐๐ ค้าง สวนหมาก ๓,๐๐๐ ต้น
แต่ขัดสนเรื่องเงินทอง
จึงได้ตัดสินใจขายสวนดังกล่าวแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้าสยามมหามงกุฎ
เป็นเงิน ๓๒๐ ชั่ง
และตนก็ย้ายไปขายฝิ่นที่เมืองลาวโดยเจ้าคุณสุรศักดิ์มนตรี
(มหาวิทยาลัยบูรพา,การรักษาเอกลักษณ์และสร้างภูมิต้านทานให้ชุมชนเกาะช้างเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลมาจากการพัฒนาการท่องเที่ยว,
๒๕๔๕-๒๕๔๖:๑๐)(ดูรายละเอียดเพิ่มเติมบทบรรณานุกรมเรื่อง
“พระประเสริฐวานิช ขอขายสวนพริกสวนหมาก)
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นถึงลักษณะอาชีพการทำมาหากินของชุมชนเกาะช้าง
คือการทำอาชีพสวนหมากและสวนพริกไทยเป็นส่วนใหญ่
และมีบางส่วนของพื้นที่ประกอบอาชีพทำนาด้วย
นอกจากนี้ยังมีการประกอบอาชีพทำสวนยางพารารับเบอร์
กับสวนผลไม้เบ็ดเตล็ดบ้างเพราะพื้นที่เกาะช้างมีพื้นที่ราบ ทำนา
ทำสวนได้มาก
ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่จะเลี้ยงไว้เป็นพาหนะหรือใช้ในการทำนา
เช่นกระบือ ที่เกาะช้างสมัยก่อนมีการเลี้ยงไว้มาก
เพราะนอกจากจะใช้ไถนา การลากเข็นไม้แล้ว ยังมีการขายกระบือส่งไปบนฝั่ง
ทางแขวงจังหวัดตราดอีกด้วย สัตว์จำพวกที่เลี้ยงเพื่อเป็นอาหารมี สุกร
เป็ด ไก่ เลี้ยงกัน
ทั่วไป
ตามอ่านนะเนี่ย..เล่าไปเรื่อยๆนะ ขอรูปลงด้วยซิ