มิงกะละบา...........สวัสดีครับ
เมื่อวันที่ 13-15 สิงหาคม 2549 ผมมีโอกาสไปศึกษาดูงาน ประเทศสหภาพพม่า มีสิ่งที่ประทับใจหลายอย่างที่อยากมาเล่าให้ฟัง.............ครับ
ผมออกจากสนามบินดอนเมืองโดยสายการบินไทยใช้เวลาเดินทาง 1ชั่วโมงก็ถึงสนามบินมิงกาลาดอน เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ระยะทางสั้นมาก พนักงานบนเครื่องบินบริการอาหารแทบเก็บไม่ทัน ก็ถึงเสียแล้ว
ไกด์ท้องถิ่น มีชื่อที่คนไทยตั้งให้ที่เรียกกันติดปากคือ คุณบุญยืน 007เป็นผู้คอยอำนวยความสะดวกในครั้งนี้ โดยรถบัสปรับอากาศ พาชมเมืองย่างกุ้ง ชมอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์วิตอเรียที่มีอายุกว่า 100ปีชมย่านซิตี้ฮอลล์ ชมสวนสาธารณะมหาบัณฑล อนุสาวรีย์รำลึกถึงอิสรภาพ ชมพระเจดีย์ซูเล เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมกลางเมืองย่างกุ้งสร้างในสมัยอังกฤษยังปกครองพม่าอยู่ เปรียบเจดีย์ซูเลนี้ได้ดั่งหัวใจของเมืองย่างกุ้ง เพราะชาวอังกฤษได้วางผังเมืองให้เจดีย์เป็นจุดศูนย์กลางของเมือง เป็นธรรมเนียมการเข้าวัดของคนพม่าทุกคนต้องถอดรองเท้าครับ.......... ฝั่งตรงข้ามของเจดีย์ซูเล มีสวนสาธารณะมหาบัณฑุละ ภายในสวนมีอนุสาวรีย์อิสรภาพ รูปเสาแหลมสูง 40 เมตร ล้อมรอบด้วยเสาหินสูง 9 เมตร 5 ต้นแทนรัฐที่ปกครองตนเองกึ่งอิสระ 5 รัฐ คือ ฉาน กะฉิ่น กะเหรี่ยง กะยา และชิน
นมัสการพระเขี้ยวแก้ว ณ พระเจดีย์ชะเวเดอร์ พระเจดีย์ที่มีความงดงามทางพุทธศิลป์ทั้งภายในและภายนอก นมัสการพระนอนเซ่าทัดจีพระนอนซึงมีความยาว 70 เมตรซึ่งเป็นพระนอนที่ยาวที่สุดของพม่า
ชมเจดีย์กาบาเอ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบอินยาสร้างโดยนายอูนุ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของพม่าเพื่อใช้เป็นที่ชำระพระไตรปิฎกของพุทธศาสนาครั้งที่ 6 ของปี ค.ศ. 1954- 1956 และอุทิศเจดีย์เพื่อให้บังเกิดสันติสุขแก่โลก เจดีย์เป็นรูปทรงกลม ความสูงและเส้นผ่าศูนย์กลาง 34 เมตร บรรจุพระธาตุของพระพุทธสาว2 องค์
ต่อมาเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองที่ตลาดสก๊อตมาร์เก็ต ซึ่งสร้างโดยชาวสก็อต สมัยเมื่อครั้งพม่ายังคงเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ โดยสามารถซื้อสินค้าพื้นเมืองได้มากมายในราคาถูกกว่าที่ส่งมาขายในบ้านเรา เช่นไม้และงาช้างแกะสลัก พระพุทธรูปไม้หอมแกะสลัก แป้งทานาคา ผ้าปักพื้นเมือง เครื่องเงินและพลอยชนิดต่างๆ
จากนั้นไปนมัสการ พระมหาเจดีย์ชะเวดากอง พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยปี ห่อหุ้มทองคำหนักยี่สิบสามตัน ภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและอัฐิบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้งสามพระองค์ บนยอดประดับด้วยเพชรพลอย และอัญมณีต่าง ๆ จำนวน 5,428 เม็ด และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอด อธิฐาน ณ จุดอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์และสรงน้ำพระประจำวัน นมัสการพร้อมใบไม้ที่มีความหมายว่าชัยชนะและความสำเร็จ ต่อมาไปรับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์พร้อมชมนาฏศิลป์ของพม่าอันงดงามของภัตตาคารนกการเวก บนทะเลสาบหลวง โดยภัตตาคารนี้สร้างในปี 2513 เลียนแบบเรือกัญญา เรือเป็นรูปนกการเวกสัตว์ในป่าหิมพานต์
ตอนเช้าเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่เมืองหงสาวดี หรือพะโค เมืองหลวงเก่าแก่ของอาณาจักรมอญโบราณที่มีอายุมากกว่า 400 ปี ซึ่งมีระยะห่างจากย่างกุ้งประมาณ 90 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมง ถึงเมืองหงสาวดี นำท่านชมเจดีย์ชเวมอดอ เจดีย์ที่สูงที่สุดในหงสาวดี สัญลักษณ์ยืนยันความเจริญรุ่งเรืองของหวสาวดีภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนสองเส้น เชิญนมัสการบริเวณยอดพระเจดีย์หักซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธ์ ต่อมาไปนมัสการพระนอนชเวตาแลวซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศ และเป็นพระนอนที่เก่าแก่ที่สุดของพม่า จากนั้นชมวังบุเรงนองซึ่งในอดีตเคยรุ่งเรือง รวมทั้งชมพระมหาเชดี (พระมหาเจดีย์) สร้างโดยพระเจ้าบุเรงนอง เพื่อบรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้าเพื่อเสริมพระบารมี แต่ปัจจุบันพระธาตุได้ถูกย้ายไปประดิษฐานที่เมืองอังวะเมื่อครั้งย้ายเมือง จากนั้นเดินทางต่อสู่เชิงเขาไจ้เที่ยวพร้อมสัมผัสความเย็นที่เย็นขึ้นเรื่อยๆเดินทางจนถึงเชิงเขาไจ้เที่ยว เปลี่ยนเป็นรถบรรทุกเพื่อขึ้นเขาไจ้เที่ยว ซึ่งขณะนั้นฝนตกหนักมาก ทุกคนเปียกกันหมด ถนนขึ้นเขาน่ากลัวมาก บรรยากาศสุดจะบรรยายจริงๆ เมื่อถึงจุดจอดรถบรรทุกก็เปลี่ยนไปขึ้นเสลี่ยงค่าบริการ 15 ดอลลาร์สหรัฐหรือ 16000 จ๊าด ไม่รวมค่าทิป คนละ 2000 จ๊าด ลักษณะเสลี่ยงเป็นเก้าอี้ผ้าใบผูกกับไม้ไผ่ขนาดใหญ่ 2 ลำ หามด้วยคน 4 คนข้างหน้า 2 คนข้างหลัง 2คนระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จนถึงพระธาตุอินทร์แขวนในขณะที่ไปถึงมีฝนตกตลอดเวลา คุณบุญเย็นแนะนำให้คณะไปนมัสการพระธาตุให้ครบ 3 ครั้ง พระเจดีย์องค์นี้จะเปิดตลอดคืนแต่ประตูเหล็กที่เปิดสำหรับบุรุษเปิดถึงเวลา 22.00 น.เท่านั้น ผู้ชายจะสามารถเข้าไปนมัสการพระธาตุโดยใช้ศรีษะสัมผัสองค์พระธาตุได้
ตอนเช้าเดินทางกลับโดยนั่งเสลี่ยงกลับเหมือนเดิม คนหามเสลี่ยงจำลูกค้าได้แม่นยำมาก มาเรียกแต่เช้าเลย
ต่อมาไปนมัสการพระเจีย์ไจ้ปุ่นซึ่งบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2019 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้งสี่ทิศ ประกอบด้วยองค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า กับพระพุทธเจ้าในอดีตสามพระองค์คือ พระพุทธเจ้าโกนาคมน์ พระพุทธเจ้ากุสันธะ และพระพุทธเจ้ามหากัสสปะ สร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาโดยสร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและสาบานตนไม่คล่องแวะกับบุรุษเพศ
หลังจากนั้นคณะได้เดินทางกลับมาเมืองย่างกุ้ง ไปนมัสการพระหยกขาวที่มีขนาดใหญ่มาก แกะสลักจากหยกขาวทั้งก้อน
ต่อมาก็ถึงรายการสุดท้าย คุณบุญยืนพาคณะไปชมช้างเผือกของพม่าซึ่งไม่มีในบ้านเรา ลำตัวของช้างเป็นสีชมพูทั้งตัว เหมือนกลับควายเผือกในบ้านเรา และเป็นสถานที่เดียวที่ทางการพม่าห้ามถ่ายรูป สำหรับการไปในครั้งนี้ คณะของเราเดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ แต่ความประทับใจในความเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัดของชาวพม่า....................... ศาสนสถานที่งดงามใหญ่โตกว่าที่ใดในโลก .......................ชีวิตความเป็นอยู่ที่พอเพียงอย่างแท้ จริงของ คนพม่า............... นับเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับการใช้ชีวิตในต่างแดน 3 วัน 2 คืนในครั้งนี้อย่างยิ่งครับ
อยากไปเที่ยวจังเลย ๆๆๆๆ แต่งบประมาณหายากจริง ๆๆๆ จหางบไปได้ที่ไหนบ้างค่ะที่ถูก ๆๆๆ
ขอขอบคุณอาจารย์ nai & อาจารย์วิลาชินณ์...
มีแนวโน้มว่า จะมีการสร้างถนนสายเอเชีย >