ทฤษฏีสัมพันธภาพ


เราพบกันเพราะหนังสือ

...ตั้งแต่เล็กจนโต ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตของผมทำไมต้องมาผกผันและผันแปรกับลมหนาว ความเหงา และความรักอะไรนั่นด้วย...เมื่อก่อนผมเป็นเด็กดี(ตอนนี้ก็เกือบดี)และเรียบง่ายกับความคิด มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผมนอนหลับช้ากว่าทุกวัน อย่างพรุ่งนี้จะชวนเพื่อนลงทุ่งไปยิงกระปอม(กิ้งก่า)แถวใหนดี....แต่ปัจจุบันวันนี้ แค่คนบางคนไม่พูดด้วยหรือพูดน้อยลง(จริงๆก็เพราะตัวเราเอง)ก็แทบจะไม่ได้นอน เพราะความคิดมันวิ่งพร่านหล่นตกผลึกมากองเต็มหัวกองเต็มห้อง...ผมคิดไม่ตกในบางเรื่องที่คนอื่นเค้าทำกันอย่างง่ายดาย ผมคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำอย่างไรดีกับเรื่องบางเรื่อง เฝ้าครุ่นคิด..คิดเยอะพอๆกับ "อั๋น" (ชื่อเล่นของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์) ที่พยายามหาความหมายของทฤษฎีสัมพันธภาพ E=MC² ...นาธานกระทั่งกึ่มคะยั้นคะยออยากฟังเกี่ยวกับทฤษฎีที่ว่านี้ เลยเอาเรื่องที่ว่านี้มาเล่าต่อให้ฟังอีกที เพราะผมก็ฟังมาจากพี่"บินหลา สันกาลาคีรี" อีกทีเช่นกัน....."

..อั๋น - อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ประกาศทฤษฎีสัมพันธภาพอันโด่งดังของเขาในปี พ.ศ.2448 แต่ที่ผมสนใจเป็นอีกทฤษฎีหนึ่ง ไม่ใช่สัมพันธภาพทฤษฎีที่ว่าประกาศโดยไอน์สไตน์อีกคน ไอน์สไตน์คนนี้ชื่อพอลลีน นามเต็มๆว่าพอลลีน ไอน์สไตน์ เธอเป็นคุณแม่ของอัลเบิร์ตครับทฤษฎีของเธอประกาศตัดหน้าลูกชาย 2 ปี ว่าไปแล้ว ไม่ใช่แค่ตัดหน้าเท่านั้น แต่ยังประกาศกรอกหู"ลูกอั๋น"ของเธอโดยตรง ไอ้อันนี้แหละ - ทฤษฎีสัมพันธภาพ เพื่อความเข้าใจทฤษฎีที่ว่านี้ เราจะย้อนกลับไปใน พ.ศ.2446 ขณะนั้นอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์อายุ 24 ปีเป็นหนุ่มวัย24ที่เพิ่งรับปริญญาและเป็นหนุ่มวัย24ปีที่กำลังจะแต่งงาน ว่าที่เจ้าสาวของเขาชื่อ มิเลวา มาริตซ์.... มิเลวาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของไอน์สไตน์ เธอเป็นชาวเซิร์บ ดั้นด้นมาจากเซอร์เบียบ้านเกิด ด้วยที่นั่นไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าเรียนในมหาลัย แต่เมื่อมาอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ความเฉลียวฉลาดของเธอเปล่งประกาย ไม่เพียงได้รับการพูดถึงในฐานะ"สาวน้อยแสนฉลาด"เท่านั้น ชายหนุ่มที่มาติดพันยังเป็นว่าที่จอมอัจฉริยะของโลกอีกด้วย อะไรจะเหมาะสมขนาดนั้น คนฉลาดคู่กับคนฉลาด หากแต่รักนี้มีอุปสรรคกลายเป็นรักทางขวาง ผู้ขวางทางรักคือพอลลีน พอลลีนลุกจากเก้าอี้โยก วางเข็มโครเชต์มาเท้าสะเอวสู้กับมิเลวา เธอขวางตั้งแต่ไอน์สไตน์เริ่มเหล่เพื่อนสาว ขวางตลอดกระทั่งเขาเรียนจบ ขวางในช่วงบุตรชายหางานทำ ขวางในช่วงได้งานทำ ขวางแม้รู้ว่ามิเลวากำลังตั้งท้อง ขวาง ขวางและขวางมันถึง 3 ปีติดต่อกัน พูดง่ายๆว่า เธอเปลี่ยนตัวเองเป็นอุปกรณ์กีฬาข้ามเครื่องกีดขวาง แต่ถึงอย่างไรอัลเบิร์ตก็ยืนกรานจะแต่งงาน พอลลีนจึงยื่นไม้สุดท้าย เธอบอกกับบุตรชายว่า "อั๋น ลูกต้องฟังแม่นะ มิเลวาเป็นพวกบ้าตำราเหมือนกับลูก อั๋นรู้ไหม ผู้ชายควรแต่งงานกับผู้หญิง"....ผู้ชายควรแต่งงานกับผู้หญิง....ไอ้อันนี้แหละ - ทฤษฎีสัมพันธภาพ......อ่านประวัติไอน์สไตน์มาถึงตรงนี้ คนหนุ่มที่ผมประหวัดใจถึง มาจากอีกฟากโลก ชายผู้ได้ชื่อว่าเฉลียวฉลาด เป็นจอมวางแผนระดับเสนาธิการ เขาคือ"ขงเบ้ง" นังสือสามก๊กบรรยายว่า นางอึ้งสี ภรรยาของขงเ้บ้ง รูปไม่สวย ทรัพย์สินไม่รวย แต่เก่งกาจฉลาดเฉลียว มีผู้สรรเสริญว่า ขงเบ้งเลือกผู้หญิงที่สมอง สมที่เป็นอัจฉริยะ....แต่นาทีนี้ผมอยากรู้ว่า แล้วหม่าม้าของขงเบ้งล่ะ? เธอว่าอย่างไร? เธอบอกกับลูกชายว่าไงบ้าง ในวันที่เขาตวัดพู่กันแจกเทียบเชิญขุนศึกจอมยุทธทั้งหลายดื่มสุรามงคล!! ในสายตาของคนเป็นแม่ มองเห็นลูกชายของตนเป็นอย่างไร?...ในสายตาของคนเป็นพ่อ มองลูกชายของตนเป็นอย่างไร? มีจดหมายฉบับหนึ่งซึ่ง "เฮอร์แมน ไอน์สไตน์" คุณพ่อของอัลเบิร์ตเป็นผู้เขียน พอจะสะท้อนภาพบางภาพออกมาได้จดหมายฉบับนี้ผู้รับคือศาสตร์ตราจารย์ออสต์วาลด์แห่งมหาลัยไลป์ซิก ดูตามวันเวลาจ่าหัวแล้ว(พ.ศ.2444) ไอน์สไตน์ผู้พ่อเขียนก่อนที่เขาจะเสียชีวิตราว 1 ปี เป็นจดหมายที่เขาไม่ได้รับคำตอบ นั่นอาจแปลว่า เฮอร์แมน ไอน์สไตน์ ตายตาไม่หลับ? นี่คือเนื้อความในจดหมาย (สำนวนแปลของ ดร.พีรศักดิ์ วรสนทโสถ) "(ท่านศาสตร์ตราจารย์ขอรับ)..ขอได้โปรดให้อภัยแก่พ่อธรรมดาคนหนึ่งที่มีความห่วงใยในลูกชาย และบังอาจเขียนจดหมายมารบกวนท่านศาสตร์ตราจารย์เพื่อขอร้อง ผมอยากจะเล่าเรื่องลูกชายของผม อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งกำลังมีความทุกข์และหมดกำลังใจ เพราะเขายังคงตกงานอยู่ และมีความฝันลมๆแล้งๆเกี่ยวกับอาชีพในอนาคตและกำลังหดหู่ลงทุกวัน โดยที่เขาเองคิดว่าตัวเองเป็นลูกที่ต้องรบกวนพ่อแม่อยู่ ผมจึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้มาเพื่อกราบขอร้องอาจารย์ถ้าจะกรุณาเรียกเขาไปพูดคุยให้กำลังใจ ถ้าท่านจะพิจารณาให้งานช่วยสอน หรือผู้ช่วยนักทดลองในมหาวิทยาลัยในฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึงด้วย ก็จะเป็นพระคุณแก่กระผมเป็นอย่างยิ่ง จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นจากหัวอกพ่อผู้มีความทุกข์ แต่กรุณาปิดเป็นความลับเพราะลูกชายผมไม่รู้เรื่องจดหมายฉบับนี้.."...ถึงแม้เนื้อความจะสะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นในตัวลูกชาย แต่ใครเล่าจะกล้าตำหนิเฮอร์แมน เพราะเขาเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วย'ความรัก' คนเป็นพ่อห่วงใยอนาคตของลูกชายเรื่องใหน? ใช่ความเป็นนายใน'งาน'หรือไม่ เช่นเดียวกัน คนเป็นแม่ห่วงใยอนาคตของลูกชายเรื่องใหน? ใช่ความเป็นนายใน'บ้าน'หรือไม่? ไม่ใช่หรือว่าประโยคนั้น(ทฤาฎีสัมพันธภาพ ของพอลลีน) ก็หลุดออกมาด้วย'ความรัก' แม้มันหมายถึงการ แยก-พรากคู่รักก็ตาม แล้วใครคือ'ผู้หญิง'ในความหมายของพอลลีน? อย่างไรคือ'ผู้หญิง'ในความหมายของคนเป็นแม่? มิเลวา มาริตซ์ต้องซัดเซจากบ้านมา เพราะความเป็น'เพศหญิง' แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ผู้หญิงบางคนกลับบอกว่าเธอไม่ใช่'ผู้หญิง'.....ว่ากันว่า ในเช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิของปีความรักผลิบาน พ.ศ.2446 ขณะที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กำลังจะออกไปเดินเล่นและครุ่นคิดอะไรต่างๆตามนิสัยเคยชินของเขา ไอน์สไตน์พบว่าบนโต๊ะอาหาร มีกระดาษแผ่นหนึ่ง มีตัวอักษรเพียงบรรทัดเดียวว่า E=MC² นักวิทยาศาสตร์หนุ่มตะลึงงันราวถูกสาป E=MC² อะไรบางอย่างสว่างวาบเข้าไปในหัว อะไรบางอย่างนั้น วาบด้วยความเร็วเท่ากับความเร็วแสง E=MC² ไอน์สไตน์งงและสงสัยมากว่าใครเป็นคนเขียน ยิ่งกว่านั้น...มันหมายถึงอะไร? การเดินเล่นในเช้านั้นใช้เวลานานกว่าปกติ และกิ่งไม้ที่ขีดเขี่ยพื้นก็ถูกใช้ไปมากกว่าทุกวันด้วย ความปราดเปรื่องทำให้เขาสามารถคลี่ปมเปลาะแล้วเปลาะเล่า ไอน์สไตน์คิดว่าเขากำลังจับต้องอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจหมายถึงทฤษฎีที่จะผันเปลี่ยนโลกในอนาคตก็เป็นได้ ความคิดนี้ทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นเร็วขึ้น เขารีบวิ่งเข้าบ้าน และพบว่าคุณแม่พอลลีนรออยู่แล้ว พร้อมกับกระดาษแผ่นนั้น "ผมรู้แล้ว" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์พูดเสียงดัง "ผมคิดว่าผมรู้ความหมายของมัน" (ความจริงเขายังไม่รู้ จนอีกหลายปีต่อมา..) มารดาของเขานัยน์ตาเป็นประกาย "ดีจ๊ะ" แม่ของเขายิ้ม "แม่เป็นคนเขียนสมการนี้ใช่มั้ยครับ ? " พอลลีนนิ่งไปครู่หนึ่ง "ก็ไม่เชิงหรอกจ๊ะ.."เธอพูดในที่สุด "ใจแม่ลอยมือก็เลยตวัดไปเรื่อยเปื่อย".."แม่ของผมเก่งที่สุดในโลก!"เขาจูบมือมารดาและกอดแน่น "ความหมายของมัน ? E นี่คือ energy พลังงานใช่ใหม ? ผมพยายามเข้าใจว่าแม่กำลังจะบอกโลกนี้ว่าอย่างไร ?" เขาพูดอีกยืดยาว ทุกคำ ทุกสัญลักษณ์ที่เขากล่าว ไม่ว่าจะเป็นมวล หรือความเร็ว หรืออะไรก็ตามพอลลีนรับฟังอย่างดียิ่ง เธอรู้ว่าบุตรชายเป็นอัจฉริยะ ถ้าวันนี้ยังไม่เปล่งประกาย วันหน้าเขาก็จะต้องเปล่ง เธอรอกระทั่งบุตรชายกล่าวจบ จึงลูบเรือนผมที่ยุ่งเหยิงให้ พูดอย่างอ่อนโยนว่า "แม่ไม่ได้จะบอกกับโลกหรอกจ๊ะ แต่จะบอกกับลูกนั่นแหละ"  ในความหมายของเธอ............E คือ Einstein (ไอน์สไตน์) M คือ Marry (แต่งงาน) !!! อัลเบิร์ตฟังแล้วแทบจะกลืนน้ำลาย แต่ยังแข็งใจถาม "ถ้าอย่างนั้น ตัว C นี่ล่ะครับ หมายถึงอะไร ? ทำไมแม่ต้องยกกำลังสองมันด้วย" พอลลีนยิ้ม "ตรงที่ต้องเน้นย้ำนี่ล่ะจ๊ะมีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่รู้" เธอปล่อยให้ความเงียบยึดครองพื้นที่ครู่หนึ่ง "มันเทียบเท่าความลับของจักรวาลเชียว"  คนเป็นแม่กระซิบแทบหูC² คือ Cookies & Crochet (คุ้กกี้ และ โครเชต์) "ก็อย่างที่แม่เคยบอกแหละจ๊ะ...ลูกอั๋น ผู้ชายน่ะควรแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นผู้หญิง".........ทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ ต้องใช้เวลาถึง 40 ปีในการพิสูจน์ให้โลกประจักษ์ ขณะที่ทฤษฎีสัมพันธภาพของแม่ไอน์สไตน์ ใชัเวลาเพียง 11 ปีเท่านั้น นับจากวันแต้งงาน 'ครั้งแรก' ของลูกชาย....................................

   ทฤษฎีสัมพันธภาพทั้งหมดนี้ มีคนเล่าให้พี่'บินหลา สันกาลาคีรี' ฟังอีกทีหนึ่ง จริงเท็จอย่างไรจึงไม่กล้ายืนยัน แต่ว่าไป ลึกๆแล้ว ผมก็อยากสวมเสื้อโครเชต์ฝีมือใครซักคนอยู่(เหมือนกัน)

หมายเลขบันทึก: 462834เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2011 08:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:20 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

E  = Einstein
M =Marry
C² = Cookies & Crochet 

เป็นสูตรที่น่ารักมากคะ 

E  = Einstein 
M =Marry
C² = Cookies & Crochet 

เป็นสูตรที่น่ารักมากคะ 

...ครับ คุณหมอ(ขอเรียกตามเพื่อนๆGotoknowก็แล้วกันนะครับ) เป็นบทความที่ผมคัดลอกมาครับ ไม่ได้เขียนเอง(ทั้งหมด) มีเพียงบางส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่ผมเขียนตามอำเภอใจ บทความ 'ทฤษฎีสัมพันธภาพ' ผมหยิบแล้วก็ยืมมาจากหนังสือของพี่ 'บินหลา สันกาลาคีรี' ครับ ยืมมาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านเอาเพลิน ถ้าคุณหมอได้อ่านหนังสือของพี่เขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้น นิทานหรือบทความ ผมเชื่อว่าคุณหมอคงจะหลงรักพี่เขาพอๆกับผมแหละครับ แหะๆ และอีกอย่าง ก็พี่บินหลาเนี่ยแหละครับ พาผมหลงทางมาที่Gotoknow^^

"เห็นเพียงภาพวาบจิตพิศยิ่งชอบ

เลาะเลียบขอบบันทึก"เขียบ"ที่ไขขาน

สัมพันธภาพของ"อั๋น" อันเนิ่นนาน

ขอบใจจ้าน นักเดินทางนักอ่านอิสระ นามว่า"เขียบ".....

ติดใจจึงตามมาจากบ้านหมอ ปัท

Ico24 วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

'ดอกไม้ดอกที่สาม' มีหนังอยู่เรื่องหนึ่ง ที่พูดถึงความพยายามของพระเอกที่เขาทำอะไรจะต้องพยายามทำให้ครบสามครั้ง(ถ้าครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สองไม่ได้ผล) และบังเอิญเหลือเกินว่าในหนังเรื่องนี้ พระเอกของเรื่องก็มักจะแห้วกับความพยายามในครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองอยู่เป็นประจำ จนครั้งที่สามนั่นล่ะครับ พระเอกของเรื่องจึงประสบพบเจอกับความสำเร็จ ผมพูดอ้อมโลกเล็กของผม เพียงเพราะอยากจะบอกพี่นเรศ ว่า ขอบคุณค๊าบ กับดอกไม้กำลังใจ(ดอกที่สาม) แหะๆ

ขอบคุณครับ ผมก็ชื่นชอบงานของ บินหลา สักากาคีรี

เคยเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มนักเขียนอยู่บ้าง ก้คุ้นชินกับบางคนอยู่ ในนามของนักชอบอ่าน เมื่อก่อน ช่อการะเกดจัดที่ไหนตามไปที่นั้น ประมาณว่า"บ้าหัวจุก"ครับ

มาให้กำลังใจอีกรอบ ชอบ เขียนแบบเล่าจับเข่าคุยกัน สบายๆ แบบนี้คะ ปล. เรื่องยาว ตัวอักษรใหญ่ขึ้น จะทำให้อ่านง่าย บันทึกเคล็ดลับจาก อ.wasawat นี่คะ หากคุณเขียบสนใจวิธีการปรับ CSS

..ขอบพระคุณ(PS)ครับคุณหมอ ผมก็เป็นซะแบบนี้ล่ะครับ เขียนแบบเล่า เล่าเรื่องที่เรื่อยเปื่อยบ้าง เรื่องที่ชวนฉงนบ้าง ฉงนว่าเรื่องอะไรกันนี่ และคงจะอีกหลายเรื่อง ที่แม้กระทั่งตัวเองยังงงงวย แต่ผมก็คงไม่กล้าจับเข่าใครคุย อย่างที่คุณหมอแนะนำหรอกมั้งครับผม เหตุเพราะเป็นคนขี้อาย เลยตั้งใจจะเขียนเล่าเอาเพลิน(ให้ตัวเองอ่าน) ให้หายเหงาพอพ้นวันเท่านั้นล่ะครับ...แหะๆ :)

สวัสดีตอนเช้าครับ ...เขียบนักเดินทาง นักอ่าน นักทำงานอิสระ(คนนอกคอก)

ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ สำนักมานุษ ของวีระศักดิ์ ขันแก้ว เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องมานุษ ที่แสวงหาตัวตนแสวงหาความรู้ที่นอกห้องเรียน จนมาตั้งสำนักมานุษ อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับสิ่งที่อยากอยู่อยากทำ...

เขาให้มานานแต่ไม่มีเวลาได้อ่าน

จนได้มาอ่านบันทึกสัมพันธภาพ เป็นผลักให้ต้องไปอ่านจนจบ

ต้องขอบคุณ....เขียบที่เขียน

สวัสดีตอนเช้าครับ ...เขียบนักเดินทาง นักอ่าน นักทำงานอิสระ(คนนอกคอก)

ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ สำนักมานุษ ของวีระศักดิ์ ขันแก้ว เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องมานุษ ที่แสวงหาตัวตนแสวงหาความรู้ที่นอกห้องเรียน จนมาตั้งสำนักมานุษ อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับสิ่งที่อยากอยู่อยากทำ...

เขาให้มานานแต่ไม่มีเวลาได้อ่าน

จนได้มาอ่านบันทึกสัมพันธภาพ เป็นผลักให้ต้องไปอ่านจนจบ

ต้องขอบคุณ....เขียบที่เขียน

...เห็นทีผมต้องรีบไปซื้อหามาอ่านบ้างแล้วล่ะครับ หวังเผื่อว่าจะได้เห็นและเก็บเอาความรู้นอกห้องเรียน เหมือนกับวีระศักดิ์ ขันแก้วบ้าง รังจะหยิบยืมคุณอา 'วอญ่า' เห็นทีคงจะไม่ได้อ่านกันพอดี ฮ่าๆ

 

 

 

ขออนุญาตเรียกคุณอา ว่าคุณอา'นเรศ'นะครับผม

เพิ่งทราบเบื้องหลัง อย่างลึก ที่มาของสูตร

E = MC²

เบื้องหลังความสำเร็จ ของหนุ่มน้อยใหญ่ อยู่ทีสองมือที่ไกวเปล นี่เอง :)

เพิ่งทราบเบื้องหลัง อย่างลึก ที่มาของสูตร

E = MC²

เบื้องหลังความสำเร็จ ของหนุ่มน้อยใหญ่ อยู่ทีสองมือที่ไกวเปล นี่เอง :)

 

ใครเล่าจะลุ่มลึก รู้ซึ้งกว่าเจ้าของสองมือที่ไกวเปลนี่ล่ะ :) 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท