ในการประชุมงานวิจัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นดีเด่น เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในงานประชุมวิชาการ สกว. บ่ายวันที่ 24 ส.ค.49 ผมไปนั่งฟังด้วยความสนใจ
ผมชอบวิธีจัดรูปแบบการประชุมที่ให้มีประธาน session (ผศ. ดร. ประโยชน์ คปต์กาญจนากุล) และมีผู้ทรงคุณวุฒิ (ดร. อุทัย ดุลยเกษม) ให้ข้อสังเกตและวิจารณ์ผลงานวิจัยและการนำเสนอในที่ประชุม ซึ่งช่วยให้ผู้มาร่วมประชุม (รวมทั้งผม) ได้ความรู้มาก
เครือข่ายวิจัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นของ มรภ. ถือเป็นนวัตกรรมในการจัดการงานวิจัยของ มรภ. ที่น่าชื่นชม เครือข่ายนี้มีการเริ่มต้นที่ดี แต่ก็ยังจะต้อง "เดินทางไกล" คือดำเนินการและปรับปรุงวิธีการอย่างต่อเนื่อง
เพื่อประกอบการพิจารณาพัฒนาระบบดังกล่าว ผมขอให้ความเห็น (ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่) สัก 3 ข้อ
1. ผมสังเกตว่ารายงานผลการวิจัยทั้งฉบับเอกสาร และทั้งที่นำเสนอด้วยวาจา ขาดส่วนที่เป็นการทบทวนความรู้เดิม รายงานผลการวิจัยเดิมที่มีคนทำไว้แล้วในเรื่องนั้น (literature review) บรรยากาศของการนำเสนอและในที่ประชุมคล้าย ๆ กับยอมรับว่าโจทย์วิจัยเป็นการสร้างความรู้ที่คิดขึ้นใหม่ ไม่มีบรรยากาศว่าเป็นการต่อยอดความรู้ที่มีผู้ทำไว้เดิมส่วนหนึ่งแล้ว ขาดการทบทวนว่าความรู้เดิมที่ชัดเจนคืออะไร ส่วนที่ขาดคืออะไร
ถ้าทำกันแบบนี้จนเป็นวัฒนธรรมว่าทุกโครงการคิดโจทย์ขึ้นเอง คิดใหม่จากสภาพการปฏิบัติหรือปัญหาที่มี แต่ไม่ได้คิดขึ้นบนฐานความรู้เดิมด้วย ทั้งที่เป็นความรู้ที่มีอยู่และที่พร่อง ต่อไปวัฒนธรรมวิจัยของ มรภ. จะไม่สามารถต่อไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ จะทำได้เพียงการพัฒนา ไม่สามารถสร้างความรู้ที่เป็นความรู้เชิงหลักการหรือเชิงวิชาการได้
2. คำถามวิจัยไม่ค่อยชัดเจนและการนำเสนอข้อค้นพบก็ไม่ค่อยชัดเจน เป็นการนำเสนอปน ๆ ไปกับการอภิปรายผลการศึกษา
3. บรรยากาศของที่ประชุมยังมีลักษณะผู้นำเสนอ - ผู้ฟัง ไม่มีบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนซักถามโต้แย้ง คล้าย ๆ เป็นเวทีของผู้รู้ ในวัฒนธรรมวิจัยที่แท้จริงเวทีเช่นนี้ควรมีบรรยากาศที่เป็นแนวราบมากกว่านี้
วิจารณ์ พานิช
24 ส.ค.49