...เมื่อปี พ.ศ. 2510 อมร ได้เข้าเรียน ชั้น ม.ศ. 1 ที่โรงเรียนดัดดรุณี จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เข้าเรียนวิชาภาษาไทยกับคุณครูสอิ้ง กานยะคามิน มีวันหนึ่ง คุณครูสอิ้ง ได้ใช้ชอล์ก เขียนกลอนไว้บนกระดานดำบทหนึ่ง กลอนบทนี้ตราตรึงอยู่ในความจำตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ความจริงเป็นกลอนของท่าน อาจารย์ ฐะปะนีย์ นาครทรรพ และท่านเคยมาเป็นอาจารย์ใหญ่ ที่โรงเรียนดัดดรุณี สมัยก่อนที่อมรจะเข้ามาเรียนท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านภาษาไทย 40 ปี แล้ว เป็นกลอนที่ใช้คำง่าย ๆไม่ซับซ้อน แต่ช่างซ่อนความหมายมากมายเหลือเกิน รวมถึงความไพเราะเพราะพริ้ง อย่างยิ่งยวด โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด ท่านคงนำมาใช้ในการสั่งสอนลูก ๆ นักเรียนหญิงของท่าน ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณให้ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาษาไทย ท่านอาจารย์ ฐะปะนีย์ นาครทรรพ แม้จะเข้าเรียนไม่ทันท่าน แต่รู้สึกเสมอว่า เป็นลูกศิษย์ของท่านด้วยกับรุ่น พี่ ๆ ค่ะ...
...แม้นมิเป็นดังเช่นกุหลาบหอม
ก็จงยอมเป็นเพียงลดาขาว
แม้นมิเป็นดวงจันทร์อันสกาว
จงเป็นดาวดวงแจ่มแอร่มตา...
...แม้นมิได้เป็นหงส์ทะนงศักด
ก็จงรักเป็นโนรีที่หรรษา
แม้นมิได้เป็นแม่น้ำคงคา
จงเป็นธาราใสที่ไหลเย็น...
...แม้นมิได้เป็นมหาหิมาลัย
จงพอใจจอมปลวกที่แลเห็น
แม้นมิได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ
ก็จงเป็นวันแรมที่แจ่มจาง...
...แม้นมิได้เป็นต้นสนระหง
จงเป็นพงอ้อสะบัดไม่ขัดขวาง
แม้นมิได้เป็นนุชสุดสอางค์
จงเป็นนางที่มิใช่ไร้ความดี...
...อันจะเป็นสิ่งใดไม่ประหลาด
กำเนิดชาติดีทรามตามวิถี
ถือสันโดษทำประโยชน์ในชีวี
ให้สมที่เกิดมาน่าชมเอย...
อมร ตันสุตะพานิช
สวัสดีครับ
เป็นบทกลอนที่ไพเราะมากนะครับ
มาส่งความสุขด้วยปฏิทินชุด "รอยยิ้มของพ่อ" ค่ะ
สวัสดีปีใหม่ ครับ