(ดีนะที่มีหลวงท่านเจ้าอาวาสนั่งอยู่ด้วย...)
ราวสองทุ่มเศษหลังฝนเม็ดสุดท้าย...พี่หนานชักชวนเราเดินไปวัดแม่ละนา พร้อมกับบอกว่า พวกพ่อเฒ่า และชาวบ้านคนอื่น ๆ ในทีมจัดการท่องเที่ยวชุมชนแม่ละนานัดเจอกันที่นั่น จากบ้านพี่หนานไปวัดแม่ละนาระยะทางประมาณ 500 เมตร พี่หนานถือไฟฉายส่องไฟเดินนำหน้า เราเดินกันไปท่ามกลางเสียงกบเขียดร้องระงมหลังฝนตก และอากาศที่สูดได้เต็มปอด เดินไปถึงข้างวัดพี่หนานบอกให้ระวังเพราะถนนไม่ดีกำแพงวัดเพิ่งทำใหม่หลังจากโดนน้ำหลากปีที่แล้วยังสร้างไม่เสร็จ
หลักฐานที่นำมาให้ดู
เมื่อขึ้นไปบนศาลาวัด มีพ่อเฒ่า และชาวบ้านอีกสองสามคนนั่งรออยู่พร้อมกาน้ำชาตรงหน้า ที่มีเทียนเล่มใหญ่จุดให้แสงสว่าง ท่านเจ้าอาวาสนั่งอยู่ด้านหลัง ในฐานนะคนแปลกหน้าเราไปไหว้พระประธานบนศาลาและกราบท่านเจ้าอาวาส มีพ่อเฒ่ามาสมทบอีกสองคน
หลังจากแนะนำตัวกันเรียบร้อย วงสนทนาก็เริ่มขึ้น โดยทีมบ้านแม่ละนาประกอบด้วย พี่เทียนทอง พงษ์จักร์ ประธานกลุ่มท่องเที่ยวบ้านแม่ละนา พ่อเฒ่าจรินทร์ผู้ฟื้นฟูการอีดน้ำมันงา คุณจอมจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร พ่อเฒ่าบูรณ์ ประธานกลุ่มผุ้สูงอายุ และอีกสองท่าน(ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้) พี่เทียนทอง บอกว่ากว่าจะเป็นอย่างที่เห็น ชุมชนใช้ประสบการณ์เรียนรู้ ถูกผิดกันมาหลายปี จากเดิมที่เห็น “นักท่องเที่ยว” หรือ “ฝรั่ง” เป็นคนที่จะเอาเงินมาให้ แล้วก็เกิดการแย่งกันทำอย่างไรจะให้ได้เงินนักท่องเที่ยว เลยนำมาซึ่งปัญหาทำให้สังคม วัฒนธรรมเสื่อมลง ชุมชนก็สื่อกับนักท่องเที่ยวเข้าใจยาก กับเจ้าหน้าทีป่าไม้ก็มีปัญหา ประสบการณ์ที่ว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการที่ชาวบ้านได้ร่วมทำงานวิจัยท้องถิ่น ได้เรียนกระบวนการสืบค้น ปัญหา สาเหตุ ร่วมกันกับชุมชน โดยนักวิจัยเป็นพี่เลี้ยงที่คอยให้คำแนะนำช่วยเหลือโดยเฉพาะในการรายงานผลงานวิจัยอย่างเป็นทางการ แต่องค์ความรู้เกิดจากการคิดค้นร่วมกันของชุมชน ที่มีกลุ่มผู้สูงอายุเป็นศูนย์กลาง ผู้ใหญ่สานต่อ และเยาวชนสืบทอด
หลังฝนพรำยามเช้า
พี่เทียนทอง ประธานกลุ่มท่องเที่ยวแม่ละนามาคุยต่อตอนเช้า
วัดแม่ละนา
ทีมชาวบ้านนำทัวร์บ้านแม่ละนา