เครือข่ายมัคทายกและโฆษกชุมชนสร้างเสริมสุขภาพ


ถ้ารวมเงินกันได้ตั้งเป็นกองทุนก็ไม่ต้องมาให้โรงพยาบาลหรอกให้ตั้งชาวบ้านด้วยกันเป็นผู้ดูแลเงินเลย ถ้าเห็นว่าโรงพยาบาลขาดอะไรก็ให้มาช่วยสนับสนุนได้ตามความต้องการของชาวบ้าน ถ้าเอามาให้หมอให้โรงพยาบาลอาจจะเอาไปทำตามใจหมอแต่ไม่ตามใจชาวบ้านจริง
วันนี้ ทางงานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ได้เป็นแม่งานจัดกิจกรรมเครือข่ายมัคทายกและโฆษกชุมชนสร้างเสริมสุขภาพ โดยเชิญมัคทายกจากวัดต่างๆและโฆษกชุมชนที่ออกงานบวชงานบุญตามหมู่บ้านของเขตอำเภอบ้านตาก มาร่วมเสวนากันกับทางทีมงานของโรงพยาบาลบ้านตากซึ่งมีกิจกรรมที่ให้ผมในฐานะผู้อำนวยการได้พูดคุยกับผู้เข้าเสวนา หัวหน้ากลุ่มงานทุกคน งานต่างๆได้พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองในบรรยากาศสบายๆเพื่อให้มัคทายกและโฆษกชุมชนได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับโรงพยาบาลบ้านตาก ขั้นตอน ระบบงานต่างๆ รู้จักหมอในโรงพยาบาล รู้ว่าถ้าเจ็บป่วยหรือมีคนซักถามจะได้ช่วยตอบได้ ครึ่งวันของการพูดคุยเล่นเอาเวลาไม่พอเลย ทำให้กิจกรรมกลุ่มของตะบลต่างๆที่ต้องสรางสัมพัน์กับประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลประจำตำบลเหลือเวลาน้อยลง แต่ก็ได้ใช้เวลาในช่วงรับประทานอาหารร่วมกันพูดคุยได้อีก มีการให้ช่วยแสดงความคิดเห็นโดยการตอบแบบสอบถาม และถ่ายรูปหมู่ร่วมกันก่อนแยกย้ายกัน ในช่วงเช้าผมได้เล่าให้เห็นถึงสภาพต่างๆของโรงพยาบาลก็มีคนซักถามในประเด็นต่างๆและให้ข้อเสนอแนะดีๆหลายด้าน ทั้งในด้านการรักษา การดูแล การใช้บัตรทองหรือการติดต่อโรงพยาบาลในด้านต่างๆ และก็มีคำชมติดมาด้วยโดยเฉพาะเรื่องความสะอาดของอาคารสถานที่ของโรงพยาบาล มีคุณลุงทับจากตากออกเสนอให้มีการแนะนำตัวกันด้วยเพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้น และติดต่อประสานงานกันมากขึ้น พร้อมทั้งขอให้โรงพยาบาลช่วยจัดกิจกรรมฝึกอบรมโฆษกให้มีความรู้ทางด้านการประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งทางเราก็รับมาทำในปีงบ 2549 และจะมีการนัดเครือข่ายมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันด้วย ผู้ที่มาร่วมงานในฐานนะมัคมายกและโฆษกชุมชนนี้ หลายคนก็เป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน หลายคนก็เป็นอบต./เทศบาล หลายคนก็เป็นมัคทายกตามวัดต่างๆ ก่อนจะแยกย้ายกัน ทางผู้เข้าร่วมหลายท่านก็บอกว่าโรงพยาบาลจัดอย่างนี้ดีมากเพราะทำให้เรารู้จักโรงพยาบาลขึ้นอีกเยอะ เราจะได้ช่วยพูดช่วยบอกให้แก่ชาวบ้านได้และมีท่านหนึ่งท่านก็มานั่งคิดว่าที่หมอพิเชฐบอกว่าทำไมวัดไม่มีงบประมาณแต่ก็อยู่ได้แถมขยายโตขึ้นเรื่อยๆ แต่โรงพยาบาลมีงบประมาณแท้ๆแต่ก็พัฒนาได้ช้า เขาก็คิดว่าถ้าชาวบ้านช่วยกันแบบช่วยวัดโรงพยาบาลก็จะพัฒนาได้ดีขึ้น แล้วก็ลองมาคิดว่าถ้าแต่ละครัวเรื่อนช่วยกันคนละ 1 ร้อยบาทก็ได้ 1 แสน ถ้าช่วยคนละ 5 ร้อยก็ได้ 5 แสน ถ้ารอมๆเงินกันไปเรื่อยๆตั้งเป็นกองทุนก็จะได้เพิ่มขึ้นทุกปีๆ ลุงแกก็บอกว่าจะไปขายไอเดียต่อ ผมก็บอกไปว่าถ้ารวมเงินกันได้ตั้งเป็นกองทุนก็ไม่ต้องมาให้โรงพยาบาลหรอกให้ตั้งชาวบ้านด้วยกันเป็นผู้ดูแลเงินเลย ถ้าเห็นว่าโรงพยาบาลขาดอะไรก็ให้มาช่วยสนับสนุนได้ตามความต้องการของชาวบ้าน ถ้าเอามาให้หมอให้โรงพยาบาลอาจจะเอาไปทำตามใจหมอแต่ไม่ตามใจชาวบ้านจริง เขาก็เห็นด้วย จริงๆแล้วผมพยายามขายไอเดียเรื่องโรงพยาบาลชาวบ้านมาหลายปี เพื่อให้ชาวบ้านเป็นเจ้าของและช่วยกันดูแลโรงพยาบาลอย่างแท้จริง แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรชัดขึ้นแต่ที่บ้านตากเราก็เกิดเป็นมูลนิธิโรงพยาบาลบ้านตากได้แล้วส่วนหนึ่ง หากชาวบ้านเขาร่วมมือกันจริงๆรับรองว่าโรงพยาบาลจะมีคุณภาพตรงใจชาวบ้านมากกว่าแค่การได้ใบรับรองคุณภาพอีก แต่สิ่งที่ผมมองเห็นชัดอย่างหนึ่งก็คือที่ชาวบ้านช่วยวัดเพราะเขาศรัทธา ถ้าจะให้เขามาช่วยโรงพยาบาลก็ต้องให้เขาศรัทธาโรงพยาบาลก่อนจึงจะได้ นี่ก็เป็นโจทย์ข้อสำคัญของชาวโรงพยาบาลบ้านตากที่จะต้องทำให้ชาวบ้านตากศรัทธาเขาจะได้รักและห่วงโรงพยาบาลและรู้สึกว่าเป็นโรงพยาบาลของเขา อีกหน่อยเขาจะได้มาลงขันถือหุ้นเป็นเจ้าของโรงพยาบาลกัน นี่ก็น่าจะเป็นโรงพยาบาลใกล้บ้านใกล้ใจ นั่นเอง
คำสำคัญ (Tags): #kmกับงานประจำ
หมายเลขบันทึก: 4552เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2005 14:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สร้างความประทับใจยิ่งกว่าการโกอินเตอร์ เพราะโรงพยาบาลบ้านตากได้เข้าไปถึงจิตใจของชุมชนได้อย่างลึกซึ้ง

ยิ่งประเด็นงบประมาณวัดกับงบประมาณของโรงพยาบาล ทำให้นึกถึงทัศนคติของพุทธศาสนิกชนไทย ที่พุ่งเป้าไปที่การสร้างวัตถุธรรม

เรียน จาก หมอหาดใหญ่

รพ.บ้านตาก เป็นสุดยอด  รพ.แห่ง ชาติ

สิ่งที่ ผมคิด ผมทำ  รพ. บ้านตาก ได้ทำ มาแล้ว

สิง่ที่ คิดจะทำ( ยังไม่ลงมือ )  บ้านตาก ก็ทำหมดแล้ว เช่น เชื่อมโยงหมอ  กับ พระ

แต่ยกความดี ให้ทีม รพ.บ้านตาก จริงๆ  และ สุดยอด คุณเอื้อ

ที่หาดใหญ่ เราคิดจะ สร้างเสริมศักยภาพชุมชน ผ่านกิจกรรม วัฒนธรรมชุมชน วัด  ให้เป็นระบบ  จะชักชวนทีมลงไป แต่ รพ.บ้านตาก ทำไปแล้ว เยี่ยมจริงๆ   

มองเชิงบวก วัดเป็นศูนย์กลาง และ มีแผนที่คนดีอยู่แล้ว ยิ่งหาเจ้าอาวาส มือดี ร่วมงานกัน  หาได้ไม่ยากหรอก  ครับ

 ชุมชนเป็นสุขแน่  ทั้ง  กาย ใจ ปัญญา   

พระ หมอ  ครู ผู้เฒ่า ผู้รู้วิชา   พาสังคมไทย อยู่เย็นเป็นสุข

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท