ตอนผมเด็ก ๆ ผมชอบไปกับพ่อเวลาพ่อจุดกองไฟ ในไร่ ในนา ตอนหัวค่ำ ซึ่งตามประสาเด็ก ๆ เราได้เล่นจุดไฟด้วย ตอนกลางคืนไฟสว่างสนุกสนานร้องตะโกนเล่นกับเพื่อน ๆ เพราะพ่อบอกว่าอากาศไม่ร้อน ไฟไม่ลุกพรึบรุนแรงเหมือนตอนกลางวัน กลางคืนลมไม่พัดแรง ความร้อนไม่ร้อนมาก เป็นการป้องกันการที่ไฟจะลุกลามไปติดไร่ นา หรือสวนข้างเคียง ซึ่งการปฏิบัตินี้คนชนบทจะถือปฏิบัติกันมา ในกรณีที่จะเผาป่าที่ถางเตรียมไว้เพื่อการเพาะปลูกและได้ตากแดดไว้หลายวันแล้ว และเมื่อมีเนื้อที่มากการลุกลามของเปลวไฟจะรุนแรง
วันหนึ่งผมกับพ่อเก็บกวาด กิ่งไม้ ใบไม้ใบหญ้า ที่ยังหลงเหลือจากการเผาแปลงใหญ่ มากอง บ้านผมเขาเรียกว่า "กองปรน"
ผมก็รอเวลาให้ให้มืดเพราะจะได้เล่นจุดไฟ และเมื่อถึงเวลาผมเห็นพ่อเอาไม้ไผ่มาตีลงบน "กองปรน" ตีแบบแรง ๆ และแย่กระทุ้งเข้าไปข้างใน "กองปรน" ด้วย และพูดแบบบอกและไล่ ว่า "จะจุดไฟแล้วให้ออกไปเดี๋ยวไปไม่ทัน" แล้วก็เริ่มจุดไฟ แต่พ่อก็ยังพูดอยู่เรื่อย ๆ ว่า "ไฟติดแล้วรีบออกไปซะ" ผมงงแต่ไม่ได้ถามพ่อตอนนั้นว่าจะถามตอนกลับบ้านแต่แล้วก็ลืม
มาอีกวัน เพื่อนบ้านหลายคนเดินผ่านมาเห็นพ่อผมกำลังจะจุดไฟ ก็แวะมาคุยด้วย และก็เดินไปหยิบไม้ไผ่มาช่วยตี "กองปรน" เหมือนที่พ่อผมทำ และก็พูดบอก/ไล่ คล้าย ๆ กับที่พ่อทำ และก็จุดไฟ และเขากันและบอกเด็ก ๆ ห้ามวิ่งเผ่นพ่านเมื่อเริ่มจุดไฟ
ผมเริ่มตั้งคำถามกับพ่อทันทีเมื่อเดินกลับบ้าน ว่าที่ทำก่อนจุด "กองปรน" มันคืออะไร ? และทำไม ?...เมื่อเริ่มจุดไฟใหม่ ๆ ห้ามเด็ก ๆ วิ่งหรือเคลื่อนที่และให้ยืนอยู่กับที่หรือยืนบนที่สูง ๆ
พ่อเริ่มอธิบายว่า สิ่งที่ทำนั้นปฏิบัติกันมาตั้งแต่โบราณ พ่อก็ได้รับการสั่งสอนมา ว่าเราเป็นชาวพุทธ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีจิตวิญญาณเหมือนกับเรา มีเลือด เนื้อ รู้เจ็บ รู้ร้อน รู้หนาว รู้หิว รู้อันตราย รักชีวิตของตนทั้งนั้น เราจึงควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา ใน
ขณะที่เราทำประโยชน์ ของเรา เช่นการเผา เพื่อทำแปลงไร่นา หรือสวน มีสิ่งมีชีวิตมากมายอาศัยอยู่ เราต้องไล่ให้ออกไปก่อน เพราะจะได้รับอันตรายจากเปลวไฟ ถ้าตายเราก็บาปเพราะเราเป็นเหตุโดยประมาทให้สัตว์พวกนั้นตาย และไม่ควรตายเพราะเรา
ผมถามต่อว่า ที่ไม่ให้ออกเดินตอนจุดไฟใหม่ ๆ เพราะอะไร พ่อบอกว่า เวลาจุดไฟใหม่ ๆ สิ่งมีชีวิตจะตกใจ จะวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตเพราะความร้อน เมื่อเราเดินเราอาจจะเหยียบเอามันจะตาย หรือไม่ถ้าเป็นพวกมีพิษจะกัดเราเป็นอันตรายกับเราเองด้วย
ผมนึกถึงวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนแล้ว ช่างมี คุณธรรม จริยธรรมจิตใจเป็นกุศลจริง ๆ ครับ เขาอยู่แบบเอื้ออาทรกัน แม้แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อยยังได้รับความปลอดภัยจากใจที่บริสุทธิ์ ผมฟังพ่อเล่าบอก รู้สึกจิตใจสดชื่น ทั้ง ๆ ที่ผมยังเด็ก ๆ แต่เมื่อได้เสพรสชาติของความดี ทำให้มีความสุขใจอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ