ทำให้สมองของพี่เม่ยต้องวนเวียนอยู่กับคำว่า มาตรฐาน อยู่ตลอดเวลา
พี่เม่ยก็วางแผนรายการอาหารมื้อเย็น ว่าจะโทรศัพท์สั่ง "พิซซ่า" ไว้ นัดเวลาประมาณว่าเมื่อเลิกงานก็จะแวะไปรับได้พอดี
แต่เนื่องจากสาขาร้านพิซซ่าที่เราไปรับสินค้าเป็นประจำนั้นปิดบริการไปแล้ว จึงต้องเปลี่ยนไปรับที่สาขาบริการแห่งใหม่ ..... ก็ได้พิซซ่ามาสมใจ ดูจากภายนอกแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิมค่ะ พิซซ่าหอมหวล สีสันงดงามบาดตา ราคาบาดใจ
แต่แล้ว....เมื่อได้ลิ้มรส...ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับประทานพิซซ่าทั้งหลายที่บ้านก็เปรยๆกันขึ้นมาว่า
"พิซซ่าวันนี้ ไม่ค่อยอร่อยเหมือนทุกทีเลยนะ..."
"ไม่รู้ซี่ แต่ไม่ค่อยอร่อยเลย ทำยังงี้ก็เรียกว่าไม่มีมาตรฐานน่ะซี่...."
แล้วผลการทดสอบทางห้องปฏิบัติการล่ะ จะเป็นอย่างไรหากอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นบ้าง.....
เรื่อง อาหาร หา มาตรฐานกับมันยากครับ ลิ้นคนเราเปลี่ยนแปลง อารมณ์ตอนนั้นๆก็สำคัญ สีสัน บรรยากาศ คนที่ไปกินด้วย ความอิ่มตกค้าง กินกับอะไร สัญญาที่ได้รับ (Perception) อคติ ลำเอียง voice of judgement จิตที่อยาก กับกายที่อยากมันต่างกันมากๆ ฯลฯ
ผมเคยวางมาตรฐานอาหาร เลยต้องวางเป็น วิทยาศาสตร์มากๆ
เช่น วัดความเผ็ด นิยามความเผ็ดของลูกค้าชาติต่างๆ เผ็ดเกาหลี ไทย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ต่างกันมาก
เช่น แค่ไหนเรียกว่าสด ผมหมดเวลากับ การหา ความสดของใบโหระพา ให้ ครัวระดับนานาชาติอยู่ตั้งนาน
2) ขอเสริมในเชิงธรรมะนะ :-
หากคนเรา ละซึ่ง ความอร่อย ความไม่อร่อย ออกไปเสียได้
จะเจอความสุขที่แท้จริง
อร่อยที่ใจ บันเทิงใจ นี่แหละ สุดยอดของการทำ LO
ความห่วงใย ความดีที่จะให้โลกนี้มีมาตรฐาน มาจากจิตใจที่งดงามของ พี่เม่ย
หากแต่ว่า ถ้า If นะ if ความกังวลนั้นๆ .... ที่ก่อตัวมาจาก ความห่วงคนอื่น มาทำให้เกิดเวทนาที่จิต จิตก็จะผลิตความคิดที่เป็นการปรุงแต่ง
ดักทาง ตรวจจับความคิดที่เข้าร่วมกับจิตให้ทัน นี่แหละ คือ สติ
ทำ LO ต้อง ค้นหา จิตให้เจอ
เคยได้ยินเพลง Live & learn ไหม มีอยู่ท่อนหนึ่ง คือ "ตามความคิดสติเราให้ทัน"
หรือเพลง ของ บอย ชื่อ "เปิด" มีท่อนหนึ่ง คือ "ขึ้นอยู่กับใจของเรานี้"
หรือเพลง ทะเลใจ ของ บาว มีท่อนหนึ่ง คือ "หาใจเจอก็เป็นสุข"
ขอเจริญพร ให้ พี่เม่ย ประสบสุขครับ