วันนี้มี case กระตุ้นพัฒนาการมานั่งรอแต่เช้า...น้องก้อง กับน้องหริ่ง ทั้งสองคนมีความพิการทางด้านสมอง และมีพัฒนาการล่าช้า แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น CP ทั้งสองคนนี้อายุไล่เลี่ยกัน น้องก้องเป็นเด็กผู้ชายและน้องหริ่งเป็นเด็กผู้หญิง ด้วยสภาพทางอารมณ์ทั้งสองนี้จะอารมณ์ดีมาก แต่จะมีปัญหาเรื่องเกร็ง น้องก้องจะเกร็งมากหน่อย แต่น้องหริ่งนี้ อาการเกร็งจะดีขึ้น และหยิบจับ...เคลื่อนไหวร่างกายโดยมีอาการเกร็งน้อยกว่า...
การที่น้องหริ่ง และน้องก้องอารมณ์ดีนี้ต้องชื่นชมคนเลี้ยง คุณแม่ของน้องหริ่งและคุณยายของน้องก้อง...เพราะท่านทั้งสองนี้เป็นผู้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับน้องสองคนนี้...
คุณยายน้องก้องเล่าให้ฟังว่าช่วงหลังๆ น้องก้องเวลาเกร็งจะกัดตัวเองด้วย หมายถึงว่า เวลาที่เกร็งแขนขาจะงอเข้ามา จะไม่สามารถควบคุมอวัยวะส่วนต่างๆ ของตนเองได้ น้องก้องจะมีแผลเต็มไปหมดตั้งแต่มือจนถึงตามแขน เป็นแผลเหวอะ ดิฉันส่งปรึกษากุมารแพทย์ เพื่อนำส่งต่อถึงทันตแพทย์ เผื่อที่จะได้จัดการอะไรสักอย่างเกี่ยวกับฟันเช่น อาจใส่ที่ครอบฟัน หรือแล้วแต่ดุลยพินิจ...ของแพทย์เอง
...
พอมาถึงวันนี้ตามนัด คุณยายน้องก้องบอกเล่าให้ฟังว่า คุณหมอให้แค่ยาลดเกร็ง และส่งต่อไปที่แผนกทันตกรรม แต่ไม่ได้ทำอะไร ..."เป็นเรื่องธรรมดาที่เกร็งจึงได้กัดตัวเอง..." คุณหมอบอกคุณยายอย่างงั้น แม้วันนี้น้องก้องจะเกร็งน้อยลง แต่รอยแผลจากการกัดตนเอง ยังคงมีใหม่เพิ่มขึ้นอยู่ ...อย่างวันนี้ ขณะนั่งรอรับการกระตุ้นพัฒนาการ ก็ได้ยินเสียงร้องจ้าขึ้น...หันไปมองเห็นน้องก้องกัดมือตัวเอง โดยที่น้องก้องควบคุมตนเองไม่ได้...
...
สำหรับน้องหริ่งวันนี้อารมณ์ดี อาการเกร็งลดลงอาจเป็นเพราะยาคลายกล้ามเนื้อและลดอาการเกร็งก็อาจเป็นได้...ดิฉันให้เธอฝึกการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กในการหยิบจับสิ่งของที่ถนัดมือ ... น้องหริ่งทำได้คะ พอตัวเองทำได้ก็รู้สึกมีความสุข ผู้บำบัดเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย...
ทั้งน้องหริ่งและน้องก้อง ต่างพูดได้สื่อสารรู้เรื่องและเข้าใจ ทำตามคำบอกได้...จะมีปัญหาก็เฉพาะการเคลื่อนไหว และการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่...มัดเล็กนี่แหละคะ...ส่วนน้องก้องสำหรับวันนี้ เราให้ฝึกการกระตุ้นกล้ามเนื้อมัดใหญ่...และการผ่อยคลายลดเกร็ง
...
สำหรับน้องก้อง การเรียนรู้ด้านอื่นทำได้ดี จะมีปัญหาที่เหลืออยู่ก็การกัดตนเองนี่แหละ
ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวของน้องก้องกับน้องหริ่ง นั้นต้องส่งต่อทางกายภาพบำบัดด้วย...
สำหรับเรา..มีหน้าที่กระตุ้นพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาของเด็ก
แม้ว่าเราจะไม่ได้หวังไปถึงว่าน้องสองคนนี้จะเดิน หรือวิ่งได้
แต่เราหวังเพียงว่าในแต่ละครั้ง น้องก้องกับน้องหริ่งดีขึ้นกว่าเดิม...เราก็มีความสุขแล้วคะ
งานของ Dr.Ka-poom ไม่ค่อยแตกต่างจากงานของครูแบบครูอ้อยนะคะ
ต้องศึกษานักเรียนด้วย บางครั้งก็ได้แต่สังเกต บางครั้งก็เข้าช่วยตามแต่จะมีโอกาสและรู้ว่าจะทำอะไร
มีเด็กอย่างนี้มากใหมคะ น่าสงสารจัง ไม่รู้ว่าครูอ้อยรำพึงถูกหรือเปล่า ขออภัยค่ะ เป็นความรู้สึกจากลึกๆในหัวใจ จะจำไว้ค่ะ
เสียดายว่าน้องก้องและน้องหริ่ง...ไม่ได้เข้าโรงเรียนคะ...ตอนนี้น้องทั้งสองอายุ 9 ขวบ และ 8 ขวบคะ...
...
เพียวเพราะมีปัญหา...ที่ถูกตีตราว่าเป็นเด็กพิการจึงไม่ได้เข้าเรียน...
ในส่วนงานของกะปุ๋มนี้...เรามีคลินิกกระตุ้นพัฒนาการที่เราต้องรับผิดชอบดูแลด้วยคะ...
ขอบพระคุณ"คุณครูอ้อย"มากนะคะ...ที่มา ลปรร.
การที่น้องหริ่ง และน้องก้องอารมณ์ดีนี้ต้องชื่นชมคนเลี้ยง คุณแม่ของน้องหริ่งและคุณยายของน้องก้อง...เพราะท่านทั้งสองนี้เป็นผู้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับน้องสองคนนี้...
อ่านข้อความนี้แล้วยิ่งช่วยตอกย้ำคำว่า "ไม่มีใครหรอกที่จะโชคร้ายเสมอไป" ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ถือเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายของน้องทั้งสอง ที่มีคุณแม่และคุณยายที่ให้ความรัก ความเอาใจใส่ และพาน้องเข้ารับการบำบัดอย่างถูกวิธี ซึ่งถือว่าน้องโชคดีกว่าเด็กที่มีสภาพเดียวกันอีกหลายๆคนที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อยปะละเลยตามมีเกิด...
ฝาก Dr.ka-poom ส่งกำลังใจให้น้องทั้งสองด้วยนะค่ะ
เรียนรู้ได้ทุกคน ตามศักยภาพที่จะต้องได้เรียน หนึ่งในความเท่าเทียมกันของ "คน" นะครับ
ขอบคุณ "คุณ Bee Angle" มากนะคะ...
บนความโชคร้าย...เราต้องมองหาความโชคดีให้เจอ...
และหากเมื่อไรที่เราโชคดี...ก็ขอให้มีสติ...พึ่งตั้งรับหากมีโชคร้ายตามมา...
....
กะปุ๋มจะเล่าให้ทั้งคุณยายและคุณแม่...ของน้องก้องกับน้องหริ่งทราบนะคะ...ว่ามีคนฝากกำลังใจมาให้...คงจะเป็นน้ำชะโลมดวงใจ..ที่แห้งเหือดนั้นได้ดียิ่งนักคะ...
ขอบคุณคะ
ขอบพระคุณ "คุณชายขอบ" นะคะที่อุตส่าห์แวะเวียนมา...
โอกาส คือ สิ่งที่มนุษย์พึงได้พึงมี...
ภายใต้สิทธิของความเป็น "มนุษย์"...คะ
วันนี้ได้พบเด็กคล้ายๆกับน้องก้องและน้องหริ่ง คือ มีความพิการทางสมองแล้วมาพบหมอด้วยอาการฟันผุ ในส่วนตัวรู้สึกชื่นชมพ่อแม่ของเด็กมากๆที่ดูแลลูกเป็นอย่างดี...
แต่ก็มีข้อปรึกษาที่จะรบกวนถามกะปุ๋มหน่อยคะว่า พ่อแม่ของเด็กมีปัญหาในการดูแลสุขภาพช่องปากของลูก เพราะถ้านำอะไรเข้าไปในปากของลูกแล้ว เขาจะกัด(ไม่ปล่อย) ปัจจุบันเลยทำให้น้องฟันผุมาก เคยปรึกษากับทันตแพทย์แล้วแต่ก็ยังไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร??
ขอบคุณค่ะ...
คุณ moomi ...
กะปุ๋มพลาดไป..ไม่เจอ คห. ของคุณ..จึงทำให้มา ลปรร. ช้า...ขออภัยด้วยนะคะ...
...
น้องก้อง...ก็มีปัญหาฟัน...เช่นกัน ส่งไปพบทันตแพทย์...แล้วก็ไม่ได้รับการแก้ไข...มากกว่าการตรวจ...เพราะน้องก้องก็มักกัดเช่นเดียวกัน...ตอนนี้กุมารแพทย์ก้ทำได้แค่เพียงให้ยาลดอาการเกร็งคะ...
หากได้แนวทางอะไรอย่างไร...นำมาแลกเปลี่ยนหน่อยนะคะ...จะได้เป็นวิทยาทานและนำไปช่วยเหลือ case ได้ต่อไปคะ...
คุณ moomi ขอบคุณมากนะคะ...
กะปุ๋มกำลังสงสัยว่าหากเป็นไปได้น่ามียางครอบฟันหรือเรียกว่าอะไรนะคะที่นักมวยใส่เวลาขึ้นชกมวยนั้น น่าจะมีสำหรับเด็กที่มีปัญหาอย่างน้องก้องนะคะ...
...
*^__^*
น้องสร้างเป็นเด็ก CP เช่นเดียวกัน มีอาการเกร็งและชอบกัดนิ้วตัวเองเสมอ วิธีแก้ที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ตอนนี้ คือ เวลาเขากัดนิ้วมือแม่จะรีบจุ๊บ เสียงดัง ยาว ๆ เมื่อเขายิ้มเขาก็จะปล่อยมือ (เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันต้องสังเกตุและลองทำกันดู) สำหรับเรื่องฟันผุมีเหมือนกันค่ะ รพ.รัฐ (ยาก ค่ะ) คุณยอมเสียเงินเข้า รพ.เอกชน เขาจัดการได้ ได้ดีกว่าที่แม่คิดอีก มีแผ่นยืดติดครอบฟันป้องกันเศษสิ่งของที่อุดฟันหรือน้ำลงคอน้อง เพราะน้องจะสำลักง่ายและร้องตลอดเวลา และมีคล้าย ๆ กรรไกรสำหรับถ่างปากไว้ไม่ให้เด็กกัดค่ะ จ่ายแพงหน่อยแต่เพื่อลูกต้องยอมค่ะ