ผมเพิ่งลงบันทึกแสดงความชื่นชมคุณสิงห์ป่าสักแห่ง จ.เพชรบูรณ์ไปหยก ๆ ที่ http://gotoknow.org/blog/thaikm/44524 (click) พอวันที่ 15 ส.ค.49 ในการประชุมภาคีจัดการความรู้ท้องถิ่น ผมก็ได้รับทราบว่าเวลานี้ภาคีของ สคส. ได้ช่วยกันเผยแพร่ทักษะ KM สู่กัลยาณมิตรกันอย่างขมักเขม้น ทำให้เครือข่าย KM ขยายวงกว้างขวางออกไปอย่างรวดเร็ว ผมจึงมีความสุขมากที่ความฝันเรื่อง KM เต็มแผ่นดินใกล้ความจริงขึ้นทุกขณะ
เราได้รับรู้การขยายและถักทอเครือข่าย KM โดยทีมคุณทรงพล, คุณสุรเดช, คุณหมอสมพงษ์และมูลนิธิข้าวขวัญ (มขข.)
แต่ในบันทึกนี้จะเล่าสั้น ๆ เฉพาะเรื่องราวของบริการเผยแพร่การจัดการความรู้ฉบับโรงเรียนชาวนาของ มขข. ที่เล่าโดยคุณจันทนา หงษา (จิ๋ม) ผู้จัดการมูลนิธิที่เล่าด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
มขข. มีบริการ 2 แบบคือ แบบดูงาน กับ แบบฝึกอบรม
การดูงานใช้เวลา 1 วัน เช้าบรรยาย บ่ายลงดูงานในพื้นที่
การฝึกอบรมมี 3 หลักสูตร
- หลักสูตรที่ 1 สำหรับชาวนา ใช้เวลา 3 วัน 3 คืน
- หลักสูตรที่ 2 สำหรับหน่วยงานทั่วไป ใช้เวลา 3 วัน 3 คืน
- หลักสูตรที่ 3 สำหรับเด็กและเยาวชน เรียนรู้เรื่องระบบนิเวศ การบำรุงดิน ความสำคัญในการรักษาพันธุกรรมข้าว คุณธรรมพื้นฐานและการมองเห็นคุณค่าของตัวเองในการเป็นคนดีของสังคมในอนาคตเวลานี้โรงเรียนใน สพท. สุพรรณบุรี เขต 2 นิยมส่งนักเรียนมาฝึกอบรมเพราะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
เราคุยกันเรื่องค่าบริการที่ มขข. เรียกเก็บว่าทำไมราคาถูกนัก เป็นราคาแบบไทย ๆ ที่มักไม่คิดค่าวิชา ไม่คิดว่าทำอย่างไร มขข. ในฐานะหน่วยวิชาการจะอยู่ได้
ท่านที่สนใจบริการนี้ติดต่อได้ที่ มขข. โทรศัพท์ & โทรสาร 035-597-193 หรือที่คุณจันทนา หงษา ผู้จัดการมูลนิธิ 04-646-5903
คุณจันทนา หงษา ผู้จัดการมูลนิธิข้าวขวัญ
การดูงานและฝึกอบรมที่ มขข. จะได้ทั้งเรื่องการทำนาปลอดสารพิษ ปลอดการทำลายสิ่งแวดล้อม และได้เรียนรู้เรื่อง KM ด้วย และยิ่งกว่านั้นได้เรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงด้วย
สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ทรงยกย่อง มขข. ถึงกับส่งเจ้าแขวงและเจ้าหน้าที่จาก สปป. ลาวมาเรียนรู้ที่นี่
ผมมีความสุขที่ได้เห็นมูลนิธิเชิงวิชาการ สร้างความรู้ให้แก่แผ่นดิน สร้างความรู้จากการปฏิบัติในแผ่นดินแม่ เผยแพร่ให้แก่คนในแผ่นดินหรือบ้านเมืองของเรา
วิจารณ์ พานิช
16 ส.ค.49
อดไม่ได้ค่ะ...ขอร่วมชื่นชมกัลยาณมิตร "มขข." ร่วมกับอาจารย์หมอด้วยคนนะคะ
ชาว สพท.สุพรรณบุรี เขต 2 มีโอกาสได้ใช้บริการของ มขข. มาแล้วทั้ง 2 แบบ ....อิ่มใจจริง ๆ ค่ะ
เป็นความโชคดีของเราเราชาวเขต 2 ค่ะ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับกัลยาณมิตรชาว มขข.ค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ ขอร่วมชื่นชมด้วยคนครับ ผมเป็นผู้ประสานของในการนำพนักงานจากปูนแก่งคอย ไปร่วมเรียนรู้ที่มูลนิธิข้าวขวัญ ทั้งดูงาน และจัดสัมมนาเต็มหลักสูตร ครับ มูลนิธิข้าวขวัญเป็นองคกรเล็กๆที่มากด้วยคุณภาพเจ้าหน้าที่ทุกคน ทำงานด้วยใจจริงๆครับ เรื่องเงินค่าตอบแทนก็ถูกมาก จนบางครั้งต้องขอจ่ายเพิ่มเพื่อสนับสนุนอีกต่างหากครับ ผมได้ชื่นชมผ่านการเขียน blogแล้วครั้งหนึ่ง ตาม link นี้ครับhttp://gotoknow.org/blog/lifeandlearn ปูนยังมีโปรแกรมที่จะไปเรียนรู้ที่ มขข. อีกหลายโครงการ และหลายรุ่นเร็วๆนี้ก็ผู้บริหารไปเยี่ยมชม มขข. ด้วยครับ
ถ้าอาจารย์ beeman สนใจไปเยี่ยม มขข.ก็เรียนเชิญนะครับผมจะไปจัดสัมมนารุ่นต่อไปในวันที่ 6 -8 กันยายน นี้ครับ
เรียนอาจารย์ที่เคารพ ขอขอบคุณแทนพี่น้องชาว มขข. ทุกคนด้วยค่ะ ก่อนอื่นต้องขอเรียนว่า มขข. ไม่ใช่นักจัดอบรมมืออาชีพ เพียงแต่พยายามที่จะทำหน้าที่ในการเผยแผ่ความรู้ด้าน KM.ของมูลนิธิให้กับกัลยาณมิตรได้รับรู้ แต่ในขณะเดียวกันเรากลับได้รับความรู้กลับเข้ามาทั้งที่เป็นบทเรียนให้เราได้รับขบคิดใหม่ ในการเสริมศักยภาพทางปัญญาให้กับเจ้าหน้าที่มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเอาชาวบ้านมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับชาวบ้านปากพนังและร่วมเป็นคุณอำนวยที่มูลนิธิตลอดหลักสูตรชาวบ้านบอกว่าเขาได้ทบทวนและรู้ว่าเขามีข้ออ่อนข้อดีตรงไหน จึงนับว่าการเปิดรับดูงานหรืออบรมเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย คงจะจริงอย่างที่มีคำกล่าวที่ว่า "ยิ่งให้ยิ่งได้"
ขอชื่นชมในกระบวนการจัดการความรู้ของพี่น้องชาวนาสุพรรณ และ "ม.ข้าวขวัญ"
พี่น้องชาวใต้ได้ความรู้และมีทางเลือกกลับมาฟื้นฟูการทำนาแทนเรื่องการใช้พื่นที่ปลูกยางพารา จังหวัดตรังกำลังเคลื่อนชุมชนไปสู่วิถีแห่งข้าวร่วมกันผลักดันนาเกษตรอินทรีย์และควบคู่กับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมป่าสาคูอยู่ในขณะนี้
ด้วยความเคารพรักจากพี่น้องชาวใต้
เครือข่ายกลุ่มทำนาเกษตรอินทรีย์คลองลำชาน
ข่าวการสมัครงานช่วงนี้ทางมูลนิธิยังมีการเปิดรับสมัครอีกอยู่หรือเปล่าค่ะ ข้าพเจ้าสนใจเป็นอย่างมาก หรือว่าตอนนี้ได้บุคคลที่เข้าร่วมกับทางมูลนิธิแล้ว หากว่าต้องการติดต่อกับทางมูลนิธิข้าวขวัญจะติดต่อได้อย่างไรค่ะ ข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่อยากร่วมงานกับทางมูลนิธิ ชื่นชมและชอบการพัฒนางานของทางมูลนิธิที่ทำเพื่อชุมชนและได้เห็นผลประโยชน์ต่อชุมชน ชาวนาทุกๆคน เรียกได้ว่าการทำงานแบบที่ทางมูลนิธิทำนี้คือการพัฒนาที่เกิดผลอย่างแท้จริงและยังมองเห็นความยั่งยืนอีกด้วย
หากมีโอกาสข้าพเจ้าก็อยากร่วมงานกับทางมูลนิธิด้วย