โรงเรียนชาวนาระดับมัธยม (๗)_๑


รงเรียนชาวนาระดับมัธยม (๗)


           มาแล้วครับการปฏิบัติเพื่อสร้างความรู้    และการสร้างความรู้จากการปฏิบัติ    ทั้งที่เป็นการสร้างความรู้โดยชาวนาแต่ละคน    และการยกระดับความรู้โดยการเอาผลการทำนาหรือประสบการณ์และความเข้าใจมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน    ความรู้ที่กล่าวถึงนี้เป็นความรู้เพื่อการปฏิบัติทั้งสิ้น

ตอนที่  6  ปลูกข้าวเพื่อเรียนรู้ดิน

                            

                                                 เพลงเกษตรกร



             นักเรียนชาวนาในโรงเรียนชาวนาบ้านดอน  (ตำบลบ้านดอน  อำเภออู่ทอง  จังหวัดสุพรรณบุรี)  มีวิธีการเรียนรู้เรื่องดิน  ด้วยการทดลองปลูกข้าวในกระถาง  ซึ่งก็นับเป็นกระบวนการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยฝึกทักษะให้นักเรียนชาวนาเป็นชาวนานักวิจัย

             คราวนี้  นักเรียนชาวนาจะต้องนำดินในนาของตนเองมาใส่กระถาง  ...  บอกกล่าวกันอย่างนี้แล้ว  ...  แต่ละคนก็ต่างแบกจอบแบกเสียมพร้อมกับกระสอบ  เดินไปในนาข้าว  แล้วก็ขุดเอาดินที่คิดว่าอุดมสมบูรณ์หรือดีที่สุดมาใส่ในกระถาง  พอเห็นดินจากหลายสิบนามาอยู่ในกระถางแล้ว  ก็จึงสังเกตอย่างง่ายๆ  วิเคราะห์จากตาเปล่าได้ว่า  ดินของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร  อาทิเช่น  สีของดิน  วัตถุต่างๆที่อยู่ในดิน  ความสามารถในการอุ้มน้ำ  เป็นต้น 

ภาพที่  31  นักเรียนชาวนากำลังช่วยกันตรวจสอบค่า pH  ในดินที่นำมาจากนาข้าว

            

             ในเมื่อดินของใครหลายๆ  คนมีความแตกต่างกัน  แล้วดินของใครจะสามารถปลูกข้าวให้ได้ข้าวงามและรวงดี  ประเด็นนี้เป็นคำถามที่ชักชวนให้ต้องติดตาม  ดินจากหลายสิบนา  เจ้าหน้าที่ภาคสนามจะใช้ข้าวพันธุ์เดียวกันทดลองปลูกในทุกสภาพดิน  ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า  ข้าวกับดินจะเป็นอย่างไรต่อภายในเงื่อนไขของการทดลอง

             เงื่อนไขของการทดลองเปิดกว้างให้นักเรียนชาวนาทุกคนสามารถใช้วิธีการทุกรูปแบบเพื่อบำรุงดูแลรักษาการปลูกข้าวในกระถาง  โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า  นักเรียนชาวนาสามารถเรียนรู้และอธิบายได้ว่า  ดินเป็นอย่างไร  ข้าวเป็นอย่างไร  ซึ่งนักเรียนชาวนาจะต้องอธิบายให้ได้ตามที่ตนได้เรียนรู้จากการทดลองด้วยการปฏิบัติจริง  เงื่อนไขที่ตามมาสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ก็คือ       นักเรียนชาวนาทุกคนจะต้องจดบันทึกรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงใดๆ  ที่เกิดขึ้นและที่เกี่ยวข้องกับดินและข้าวในกระถางของแต่คน  (และรวมถึงกระถางของเพื่อนนักเรียนด้วย) 

             การปลูกข้าวเพื่อทดลองในกระถางมีเงื่อนไขอยู่อย่างที่เหมือนกันทุกกระถางก็คือ  เจ้าหน้าที่ภาคสนามนำเมล็ดพันธุ์ข้าวจากมูลนิธิข้าวขวัญมาให้ทดลองปลูก  นักเรียนชาวนาทุกคนจึงต้องปลูกข้าวพันธุ์เดียวกัน  โดยนำข้าวพันธุ์อินโดนีเซีย  มีอายุข้าว  88  วัน  มาเป็นพันธุ์ข้าวที่ใช้ในการทดลอง

             ในขั้นแรกของการเตรียมดิน  นักเรียนชาวนาจักต้องตรวจสอบค่า  pH  ในดินก่อนว่าอยู่ในระดับใด  โดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า  เครื่องตรวจสอบดิน  หรือมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า  Soil  Tester  ค่าตัวเลขที่ได้นั้นสื่อความหมายไว้อย่างไร  ซึ่งนักเรียนชาวนาจะต้องทำความเข้าใจในประเด็นนี้ก่อน  เพราะบางคนก็ตกใจจนเป็นเหตุให้พากันวิตกกังวลว่าดินจากนาข้าวของตนมีค่า  pH  เท่ากับ  0  หรือบางคนก็มีค่า  pH  มากกว่า  6  ทั้งนี้ก็ต้องมานั่งอธิบายกันว่าตัวเลขนั้นบอกถึงสภาพความเป็นกรดและด่างในดิน

 

             การตรวจสอบดิน  ด้วยการตรวจสอบลักษณะการเจริญเติบโตของต้นข้าว  โดยที่นักเรียน    ชาวนาจะต้องถอนต้นข้าวมาตรวจสอบวิเคราะห์ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง  ในกระถางหนึ่งๆ  จะปลูกข้าวไว้หลายต้น  แล้วในแต่ละครั้งของการเรียน  คือ  สัปดาห์ละ  1  ครั้ง  ก็จะให้ถอนต้นข้าว  จำนวน  1  ต้น  เพื่อนำมาวิเคราะห์และจดบันทึกรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับดิน  ข้าว  อย่างเช่น

             -  เกี่ยวกับดิน  ได้แก่  ค่า  pH  สภาพดินในจังหวะที่ตรวจสอบ  เป็นต้น

             -  เกี่ยวกับต้นข้าว  ได้แก่  อายุของต้นข้าว  ความสูงของต้นข้าว  การแตกกอ  จำนวนใบ  โรคของข้าวที่เกิดขึ้น  เป็นต้น

             -  เกี่ยวกับรากต้นข้าว  ได้แก่  ความยาวของรากต้นข้าว  จำนวนรากฝอย  ลักษณะของราก  สีของราก  เป็นต้น

             -  เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม  ได้แก่  สภาพอากาศในจังหวะที่ตรวจสอบ  แมลงต่างๆ  เป็นต้น


     

 

ภาพที่  32  ข้าวในกระถางที่พึ่งงอกจาก

ส่วนจมูกข้าว  (ระยะไม่เกิน  7  วัน)

 

ภาพที่  33  ข้าวในกระถางทดลองของ   นักเรียนชาวนา


    
 

ภาพที่  34  ใช้  Soil  Tester  ในการตรวจค่า  pH  ในดินที่ใช้ปลูกข้าว

 

ภาพที่  35  Soil  Tester  เป็นเครื่องมือที่ช่วยในกิจกรรมการเรียนรู้

 


      

ภาพที่  36  นักเรียนชาวนากำลังวัดความสูงของต้นข้าว

 

ภาพที่  37  นักเรียนชาวนาวิเคราะห์ลักษณะของต้นข้าว

 


       

 

ภาพที่  38  นักเรียนชาวนาเฝ้าดูแลและ

เรียนรู้การเจริญเติบโตของต้นข้าว

 

ภาพที่  39  เรียนรู้ร่วมกันและเรียนด้วยช่วยกันในกลุ่มนักเรียนชาวนา


        
 

ภาพที่  40  จดบันทึกรายละเอียดต้นข้าว

ภาพที่  41  นับรากของต้นข้าว

 

             ในระหว่างการเรียนและการทดลองนี้  นักเรียนชาวนาได้ฝึกทักษะการเรียนรู้ด้วยการจดบันทึก  และการที่จะสามารถจดบันทึกข้อมูลได้อย่างมีรายละเอียดนั้น  นักเรียนชาวนาก็จะต้องรู้จักการสังเกต  การพิจารณาดูอย่างละเอียดและรอบคอบ  เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้อง  การเก็บข้อมูลในแต่ละครั้ง  จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า  ได้ข้อมูลถูกต้องแล้ว  หากไม่แน่ใจหรือไม่มั่นใจ  ก็จะขอให้เพื่อนนักเรียนช่วยเหลือ  อาศัยความร่วมมือจากกลุ่มเพื่อน  เพื่อช่วยกันเรียนรู้ 

             หลายครั้งด้วยกันในขณะที่นักเรียนชาวนาเก็บข้อมูลอยู่นี้  ก็เกิดข้อสงสัยและคำถามขึ้นมาอย่างมากมาย  ทั้งๆที่ทุกคนต่างก็คลุกคลีอยู่กับการทำนามาตลอดและทำนากันมานาน  แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้  หลายคนก็บอกว่า  ตนเองไม่เคยต้องสังเกตต้นข้าวอะไรมากมายไปกว่าถึงเวลาปลูกก็ปลูก  ถึงเวลาใส่ปุ๋ยก็ใส่ปุ๋ย  ถึงเวลาเกี่ยวก็เกี่ยว  แต่การเรียนรู้ในโรงเรียน      ชาวนานั้น  ทำให้นักเรียนชาวนารู้จักสิ่งใหม่ๆ  เพิ่มมากขึ้น  จากในเรื่องเดิมๆ 

             เมื่อมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ  ก็ใช้นำเสนอประเด็นต่อกลุ่ม  เพื่อให้กลุ่มช่วยกันคิดพิจารณาถึงสภาพของปัญหา  ทำให้การถามและการตอบเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกันในกลุ่มไป  บางคนพอมีความรู้เดิมจากบรรพบุรุษเคยสั่งสอนมา  ก็นำข้อมูลเดิมๆในอดีตมาเล่าสู่กันฟังในเวลาใหม่  บางคนก็ไปได้ความรู้ใหม่ๆจากสื่อต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ  โทรทัศน์  หนังสือพิมพ์  ก็ดี  ฟังอ่านกันมาแล้วก็นำมาเล่าสู่กันฟัง  หลายคำพูดที่พูดแลกเปลี่ยนกัน  กลายเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนนักเรียนชาวนาที่ใคร่จะเรียนรู้ได้รู้เรื่อง

             จำกันได้ว่า  เมื่อถึงคราวเข้าเรียนในชั่วโมงทดลองแล้ว  นักเรียนชาวนาต่างสาระวนอยู่กับต้นข้าวในกระถางของตน  บ้างก็รีบจะไปตรวจสอบค่า  pH  ตื่นเต้นที่จะรู้ว่าความเป็นกรดด่างของดินจากนาตนเองนั้นเป็นเท่าใด  แม้จะเคยวัดมาก่อนหน้านี้ในทุกๆสัปดาห์  บ้างก็รีบจะไปถอนต้นข้าวเพื่อเอามานับราก  นับใบ  เอาไม้บรรทัดมาวัดดูความสูงความยาวของต้น  ดูการแตกกอของต้นข้าว  แล้วก็จับกลุ่มนั่งจับเข่าคุยกันท่ามกลางความร้อนแรงของแสงแดดในเวลาเที่ยงบ่าย  หลายคนบอกว่า  ไม่ได้กลัวความร้อนหรอก  เป็นชาวนาสู้แดดอยู่แล้ว  แต่กลัวเรียนไม่ทันเพื่อนๆ  ...  นี่ซิ  กลัวยิ่งนัก  เดี๋ยวคนอื่นเขารู้เรื่อง  แล้วตัวเราไม่รู้เรื่อง  ก็ตามเขาไม่ทัน  สุดท้ายก็อายเขา  เพราะเขาพูดอะไรกันไปแล้ว  แต่เราไม่เข้าใจ  ตามไม่ทัน

             ทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนชาวนาเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือแนวความคิด  ซึ่งมีผลทำให้นักเรียนชาวนามีทักษะการเรียนรู้ที่ดีขึ้น  รู้จักการจดบันทึก  ในระหว่างการจดบันทึกนั้น  นักเรียนชาวนาจะค่อยๆ  เรียนรู้ไปเองว่า  ต้องไปสังเกตดูสิ่งใดมาก่อน  แล้วนำเรื่องราวหรือสิ่งที่ไปสังเกตดูนั้นมาเขียนจดลงไปเป็นบันทึก  ในขณะเดียวกัน  นักเรียนชาวนายังได้ใช้จังหวะเวลาดังกล่าวนี้  ฝึกทักษะภาษาไทยไปด้วยในด้วย  หลายคนทิ้งทักษะการเขียนมานาน  ก็ต้องมีรื้อฟื้นกันใหม่  มีทั้งสะกดผิดบ้าง  สะกดถูกบ้าง  นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่  แต่เรื่องใหญ่ก็คือ  ทักษะการเรียนรู้  หลายคนได้ฝึกเลขฝึกคำนวณ  เพราะต้องวัดความยาวความสูง  นอกจากนี้  นักเรียนชาวนาหลายคนยังสนุกกับการขีดๆ  เขียนๆ  วาดรูปต้นข้าวประกอบ  เพื่อให้ตนเองและผู้อื่นที่มาอ่านได้เห็นภาพประกอบไปด้วย

             สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วมีอยู่ในตัวของนักเรียนชาวนา  โรงเรียนชาวนาเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักเรียนชาวนาทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้  ดังตัวอย่างจากการจดบันทึกของนักเรียนชาวนา  2   คน  ที่สนุกกับการจดบันทึก  เรื่อง  การปลูกข้าวเพื่อเรียนรู้ดิน  ซึ่งเป็นตัวอย่างที่นำมาจากกลุ่มนักเรียนชาวนาหลายสิบคน  บันทึกของคนแรกเป็นของลุงสุข  (คุณสุข  เชื้อหนองปรง)  และอีกคนหนึ่งเป็นบันทึกของน้าอุไร  (คุณอุไร  แอบเพชร)  โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 4483เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2005 15:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท