ในเวลา

โอ้ว่าหอมอันใดมีในชาติ

ไม่หอมได้ลึกประหลาดดังหอมเจ้า

ใช่หอมเศษสุวคันธ์พอบรรเทา

หากหอมเร้าชีวิตหอมติดตรึง

อันอ่อนนุ่มอันใดมีในหล้า

ไม่นุ่มกว่าเนื้อละมุนชวนครุ่นถึง

ใช่นุ่มเพียงสัมผัสเพียงรัดรึง

หากลึกซึ้งนุ่มกระหวัดสัมผัสใจ

อีกทั้งห่วงอันใดมีในโลก

ไม่ห่วงเท่าทุกข์โศกของเจ้าได้

ใช่ห่วงแค่ที่เห็นที่เป็นไป

หากห่วงใยถึงเบื้องหน้าชะตากรรม

โอ้เนื้อหอมพร้อมเพราเจ้าบุญละเอียด

ใครหนอเจียดบุญให้ใครอุปถัมภ์

ชมพูผิวผ่องนวลชวนหอมประจำ

ประหลาดล้ำเนื้อตัวไม่มัวมอม

โอ้ละมุนเจ้าบุญตามาจากไหน

พรากสวรรค์ชั้นใดมาให้ถนอม

พลัดดาวสวงดวงใดมาให้ดอม

มาสู่อ้อมอกโลกตามโชคชะตา

โอ้ว่าเจ้าเหมือนกับไม่รับรู้

ว่าต้องเติบต่อสู้แสวงหา

หากที่จริงคล้ายเจ้ารู้เจ้าสู้มา

คือสู้ความไร้เดียงสามาทุกวัน

            บทกวีชื่อสำนวน  สุขุมสุคนธชาติ  รจนาโดย  แรคำ     ประโดยคำ  ในหนังสือกวีนิพนธ์  ในเวลา  ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซี่ยน (ซีไรท์)  ของประเทศไทย  ประจำปีพุทธศักราช  ๒๕๔๑  ดังคำประกาศของคณะกรรมการตัดสินที่กล่าวว่า  ในเวลา  เป็นบทกวีนิพนธ์ที่แสดงความคิดแหลมคมด้วยเนื้อหาหลากหลาย  โดยกวีสามารถจับจังหวะลีลาของ โคลง  ฉันท์  กาพย์  กลอน  ร่าย  มาร้อยเรียงให้เห็นอัจฉริยลักษณ์ของกวีนิพนธ์ไทยอย่างช่ำชอง  สร้างจินตภาพ  กระทบอารมณ์  และให้ความรู้สึกลึกซึ้ง

            กวีใช้เวลาเป็นกรอบนำเสนอความคิดที่ว่า  สรรพสิ่งล้วนเวียนว่ายอยู่ในมิติของกาลเวลา  มนุษย์ต้องต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงอันเป็นสัจจะของโลกและชีวิตอยู่ตลอดเวลา  มนุษย์กับเวลาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันอย่างกลมกลืนจนไม่อาจแยกจากกันได้........................................................

        แรคำ     ประโดยคำ  เป็นบัณฑิตด้านภาษาไทย  จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  มหาบัณฑิตด้านวรรณคดี  จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ปัจจุบันเป็นรองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย  คณะมนุษยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่     

            ในเวลา  พิมพ์ครั้งที่สิบ  เมษายน  ๒๕๕๓  โดยสำนักพิมพ์รูปจันทร์  รูปเล่มขนาด  ๑๖  หน้ายก  หนา ๑๒๘  หน้า  ราคา  ๙๕  บาท  สายส่งศึกษิต  บริษัทเคล็ดไทย  จัดจำหน่าย

 

                                                            ด้วยจิตคารวะ

                                                            ธีระ     เงินแก้ว

                                                            กลางเมษา’ ๕๔