หน้าแรก
สมาชิก
ห้องสมุดกรมบัญชีก...
สมุด
สรุปข่าวประจำวันข...
3 ปี 'อีออกชัน' บ...
ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
3 ปี 'อีออกชัน' บทเรียนที่ต้องแก้ไข
3 ปี 'อีออกชัน' บทเรียนที่ต้องแก้ไข
แม้ว่าประเทศไทยจะมีประสบการณ์การประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อีออกชัน) มาเป็นเวลา
3
ปีแล้ว
แต่ก็ต้องยอมรับว่าอี-ออกชัน เป็นเรื่องใหม่สำหรับบ้านเรา โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐยังขาดความรู้ความเข้าใจใน
เรื่องดังกล่าว
อีกทั้งอี-ออกชันยังไม่ใช่สูตรสำเร็จแก้ปัญหาการฮั้วหรือการโกงการประมูลได้แบบเบ็ดเสร็จ เพราะการ
ประมูล
ผ่านอีออกชัน เป็นแค่วิธีการเท่านั้น และวิธีการก็กำหนดขึ้นโดยคน ฉะนั้นระบบจะดีอย่างไร หากคนไม่ดี
ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชั่นได้ เห็นได้จากตลอดเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นกระแสข่าวในทางลบเกี่ยวกับอี-
ออกชันออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การให้รหัสลับ หรือพาสเวิร์ด คู่แข่งไปนั่งเคาะราคา หรือการเข้าไปใช้บริการ
อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เคาะราคาประมูล
อย่างไรก็ดีกระบวนการคอร์รัปชั่นที่ซับซ้อนล่าสุดหน่วยงานที่รับผิดชอบ
อย่างกรมบัญชีกลางได้มีแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับการประมูลจัดซื้อผ่านอี-ออกชันมาอย่างต่อเนื่อง ถึง
ปัจจุบัน
แม้ว่าอี-ออกชัน จะยังไม่ได้ช่วยขจัดปัญหาการโกงการฮั้วได้
100%
แต่ก็ทำให้การตรวจสอบการทุจริตหรือความไม่
ชอบมาพากลได้ง่ายขึ้น
พันเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพันธวณิช จำกัด ผู้ให้บริการ
ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่าที่ผ่านมายังพบปัญหาการทุจริต หรือการฮั้วประมูลผ่านอิเล็กทรอนิกส์หรือ อี-
ออกชันอยู่ แต่มีแนวโน้มลดน้อยลง เนื่องจากมีการนำระบบซิลด์ บิต มาใช้ทำให้ผู้ร่วมประมูลไม่เห็นหน้าจอ
ระหว่างการแข่งขันเสนอราคา ทั้งนี้เชื่อว่าอี-ออกชันในเมืองไทยจะมีการพัฒนามากขึ้น ทั้งในแง่ของหน่วยงาน
ราชการ
,
ผู้ให้บริการตลาดกลางและผู้ประกอบการ และคาดว่าภายใน
3
ปี จะมีความโปร่งใส
"
ถ้าหน่วยงานราชการ
ล็อกสเปค และตั้งราคากลางสูงเกินไป การฮั้วประมูลจะเกิดขึ้น แต่ถ้าเปิดกว้าง ตั้งราคากลางไม่สูง การฮั้ว
ก็จะไม่
เกิดแน่นอน ซึ่งอี-ออกชัน จะช่วยสร้างความโปร่งใส และความยุติธรรม ในการประมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ"
พันเอกรังสี กล่าวต่อไปว่าปีที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐและตลาดกลางมีความเข้าเกี่ยวกับเรื่องอี-ออกชั่นมากขึ้น
โดยในปี
2548
อี-ออกชั่นสามารถช่วยให้ภาครัฐประหยัดงบประมาณ
16,000
ล้านบาท หรือคิดเป็น
สัดส่วน
6.9%
ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้ถ้าประเทศไทยมีความเข้าใจมากขึ้นเชื่อว่าจะช่วยภาครัฐในการ
ประหยัดงบประมาณได้
50,000-60,000
ล้านบาทต่อปี
ด้านนายบุญศักดิ์ เจียมปรีชา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
กล่าวว่ากรมบัญชีกลาง
ค่อนข้างพอใจกับผลที่ได้รับจากอี-ออกชัน โดยสามารถช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบลงได้
7%
จากงบทั้งหมด
ลดระยะเวลาการจัดซื้อของหน่วยงานภาครัฐลง
3
เท่าตัว
อย่างไรก็ตามกรมบัญชีกลาง ได้ดำเนินการแก้ไขระเบียบ
ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการประมูล
โดยที่กำลังผลักดันไปยังหน่วยงานภาครัฐ คือ เรื่องการ
กำหนดราคากลางของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งหากมีการกำหนดราคากลางสูงเกินไปจะทำให้เกิดการฮั้วประมูล ขณะที่
เงื่อนไขการประมูลหรือ ทีโออาร์
ที่ผ่านมากลไลอีออกชั่นได้แก้ไขปัญหาไปส่วนหนึ่งแล้ว โดยถ้าเกิดปัญหาการร้องเรียนการล็อกสเปค แต่ผู้บริหารไม่แก้ทีโออาร์ และเปิดให้มีการประมูลจัดซื้อ หากเกิดปัญหาขึ้นผู้บริหารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนี้กรมบัญชีกลางยังได้ร่วมกับพีเอ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด ประเมินผลการดำเนินงานของ
ผู้ให้บริการตลาดกลาง
10
ราย ทั้งด้านบุคลากร ความปลอดภัยของระบบการเสนอราคา รวมถึงการปฏิบัติงานตามขั้นตอนของระเบียบ ซึ่งผลการประเมินเป็นที่น่าพอใจ
"
ในอดีตผู้คนไม่เชื่อถือ อี-ออกชัน เพราะเป็นการ
ประมูลอีออกชั่นเป็นระบบเปิด ผู้ร่วมประมูลสามารถเสนอราคาที่ไหนก็ได้ บางคนแจกพาสเวิร์ด ให้คนอื่น
ไปเคาะราคาแทน ซึ่งเราก็ได้มีการแก้ไขระเบียบให้เป็นระบบปิด โดยให้ทุกคนมาอยู่สถานที่ประมูลเดียวกัน
มีคณะกรรมการทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมการประมูล เพื่อสร้างให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น จนเวิล์ด แบงค์
ให้การ
สนับสนุน โดยเล็งเห็นว่าสร้างความโปรงใสให้กับประเทศ"
นายบุญศักดิ์ กล่าวต่อไปว่าผลการจัดหาพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่
1
ตุลาคม
2548 -
31
กรกฎาคม
2549
พบว่ามีการจัดหาพัสดุทั้งหมด
19,193
ครั้ง รวมงบประมาณ
232003
ล้านบาท ราคาที่จัดหา
ได้ คือ
215,789
ล้านบาท หรือ คิดเป็น
93%
ของงบประมาณทั้งหมด ราคาที่ประหยัดได้ทั้งหมด
16,217
ล้านบาท หรือคิดเป็น
6.99%
ของงบประมาณทั้งหมด
ซึ่งจังหวัดที่มีการจัดหาพัสดุมากสุด คือ กรุงเทพ จำนวน
5,869
ครั้ง
คิดเป็น
30.58%
ของยอดรวม
,
ขอนแก่น
750
ครั้ง คิดเป็น
3.91%
ของยอดรวม
นครราชสีมา
505
ครั้ง
หรือ
2.63%
ของยอดรวม
และจังหวัดอื่น ๆ
12,069
ครั้ง หรือ
62.88%
ของยอดรวม
ส่วนจังหวัดที่มีการประหยัดงบประมาณสูงสุด คือ นนทบุรี ประหยัดงบได้
602
ล้านบาท
,
ฉะเชิงเทรา ประหยัดงบได้
135
ล้านบาท
,
สุพรรณบุรี ประหยัดงบได้
101
ล้านบาท
และจังหวัดอื่น ๆ ประหยัดงบได้
15,379
ล้านบาท
ประเทศไทยเริ่มนำอี-ออกชัน หรือ การประมูลผ่านอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ตั้งแต่ปี
2547
โดยเริ่มจาก
โครงการประมูลออนไลน์จ้างเหมาจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ หรือ สมาร์ทการ์ด จำนวน
12
ล้าน
ใบ ที่ได้ราคาต่ำกว่าราคากลางประมาณ
400
ล้านบาท ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เป็นครั้งแรก
เมื่อวันที่
29
มิ.ย.
2547
ขณะที่โครงการที่สร้างความฮือฮามากสุดจากการนำระบบอี-ออกชันมาใช้ คือโครงการจัดซื้อจัดจ้าง
อุปกรณ์ขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบซีดีเอ็มเอ มือถือระบบซีดีเอ็มเอ ภูมิภาค มูลค่า
1.3
หมื่นล้านบาท ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่
24
มกราคม
2548
ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และประกาศให้ทุกหน่วยงานใช้การประมูลโครงการดังกล่าวเป็นต้นแบบ โดยโครงการดังกล่าวนั้นได้นำวิธีการประมูลแบบปิด หรือ ซิลด์บิต มาใช้เพื่อให้ไม่ผู้ร่วมประมูลทราบราคาที่คู่แข่งเสนองานนั้นหัวเหว่ย ผู้ชนะการประมูล เคาะราคาในนาทีสุดท้ายที่
7,199,800,000
บาท ช่วยให้ภาครัฐประหยัดงบประมาณ
ได้ประมาณ
6,000
ล้านบาท
ฐานเศรษฐกิจ 15 ส.ค. 49
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library
ใน
สรุปข่าวประจำวันของห้องสมุดกรมบัญชีกลาง
คำสำคัญ (Tags):
#การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ
หมายเลขบันทึก: 44777
เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2006 13:01 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 20:12 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ห้องสมุดกรมบัญชีก...
สมุด
สรุปข่าวประจำวันข...
3 ปี 'อีออกชัน' บ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท