ผมได้แรงบันดาลใจในการเขียนบันทึกนี้ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.49 จากการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาฯ โดยได้รับมอบหมายจากสภามหาวิทยาลัย จุฬาฯ ให้ผมเป็นกรรมการในกรรมการชุดนี้
ที่จริงผมไม่ค่อยได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแบบนี้ (ซึ่งผมได้รับแต่งตั้งเป็นครั้งคราว) เพราะมักไม่มีเวลาเข้าร่วม แต่แปลกที่กรรมการชุดนี้นัดประชุมมาแล้ว 2 ครั้ง ผมว่างเข้าประชุมได้ทั้ง 2 ครั้ง และสาระจากการประชุมช่วยกระตุ้นจินตนาการของผมได้ดีมาก
กล่าวใหม่ว่าการประชุมนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้มาก กระบวนการและสาระของการประชุมสอนผมมาก เป็นการ "สอนแบบไม่สอน"
ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า ทักษะอย่างหนึ่งของ "บุคคลเรียนรู้" คือทักษะในการ "หาครู" มาสอนตัวเอง โดยที่ครูอาจเป็นต้นไม้ ก้อนหิน นก (สัตว์) บุคคล เหตุการณ์ และกระบวนการต่าง ๆ คล้าย ๆ มือกระบี่ไร้กระบวนท่า หยิบอะไรขึ้นมาก็ใช้เป็นอาวุธได้ทั้งสิ้น หรือในสภาพของการเรียนรู้ บุคคลเรียนรู้ คือผู้ที่เรียนรู้ได้จากทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์
ยกหางตัวเองเกินไปหรือเปล่านี่
ผมมองว่ากระบวนการสรรหาผู้บริหารสถาบันเป็นโอกาสอันดีที่เราจะร่วมกันทบทวนว่า positioning ในปัจจุบันของสถาบันคืออะไร ในขณะนี้สถาบันมี "สินทรัพย์" อะไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินทรัพย์ทางปัญญา ความสำเร็จที่ภาคภูมิใจของสถาบันในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมาคืออะไรบ้างแล้วช่วยกันคิดวางเป้าหมายอยู่ว่า ต้องการให้ผู้บริหารท่านใหม่มาขยับ positioning ของสถาบันไปด้านไหน ต้องการให้เน้นหนัก (focus) หน้าที่หรือผลงานด้านไหน จะมองหาผู้บริหารที่มีความสามารถ (และมีจริต) ในการต่อยอดความสำเร็จที่มีอยู่แล้วด้านใดของสถาบัน
ผมมองว่าคุณสมบัติที่สำคัญของผู้บริหารที่พึงปรารถนาคือ ไม่เป็นโรค NIH (Not Initiated Here Syndrome)
ผมสังเกตว่าช่วงเวลาของการสรรหาผู้บริหารหน่วยงาน บุคลากรในหน่วยงานมักมีความกังวล ไม่สบายใจ รู้สึกถึงความไม่แน่นอน ไม่มั่นคง เป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์
ผมถามตนเองว่า เราจะพลิกกลับให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้น ความหวัง และความสุขของบุคลากรภายในสถาบันและผู้เกี่ยวข้องได้อย่างไร
เป็นความคิดที่พิเรนทร์ไหมนี่ เอาเป็นว่าเป็นการฝึกฝนวิทยายุทธในการมองต่างมุมก็แล้วกัน
ผมชอบมองช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นและความหวัง ชอบเอามาใช้ในการเรียนรู้
ผมมีคำถาม แต่ไม่มีคำตอบชนิดเขียนออกมาได้ว่าจะกระตุ้นความมีชีวิตชีวาในสถาบันด้วยกระบวนการสรรหาผู้บริหารได้อย่างไร แต่ถ้าให้ผมทำ ผมคิดว่าผมทำได้ (แต่จะดีแค่ไหนไม่รู้)
นั่นคือเรื่องนี้เป็นทักษะ เป็น tacit knowledge มากกว่าเป็นความรู้เชิงทฤษฎีหรือ explicit knowledge
วิจารณ์ พานิช
11 ส.ค.49
ไม่มีความเห็น