เนื่องจากเราย้ายออกมาอยู่บ้านใหม่นอกรั้วมหาวิทยาลัย จึงยังไม่รู้เส้นทางที่จะมีพระเดินบิณฑบาตในตอนเช้าๆ พี่เม่ยจึงนัดกับคุณพ่อบ้านว่าเราจะออกจากบ้านแล้วขับรถเลาะเรื่อยๆย้อนทางไปที่ วัดคลองแห เมื่อพบเห็นมีพระบิณฑบาตที่ไหน เราก็จะจอดรถให้เลยไปด้านหน้า...แว้บ.....!
พี่เม่ยเอ่ยว่า "นิมนต์ค่ะท่าน....."
แหม! รับศีลรับพรเรียบร้อย รู้สึกจิดใจปลอดโปร่งค่ะ จนพี่เม่ยอดใจไว้ไม่ได้ เอ่ยปากพูดกับคุณพ่อบ้านว่า "ดีจังเนาะ!...วันนี้ได้เป็นคนดีแต่เช้าเลย.... "
ท่านเทศน์ว่า "คนเราเกิดมาต้องประพฤติตนเป็นคนดี การเป็นคนดีไม่ใช่เพียงแค่ไปทำบุญใส่บาตรที่วัดแล้วขอศีลขอพรจากพระมา แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็นคนดีนะ......"
พี่เม่ยสะดุ้งโหยง....(นี่ถ้าเป็นเทปนะ จะคิดว่าคุณพ่อบ้านตั้งใจเปิดให้ฟังแน่ๆ แต่นี่เป็นวิทยุค่ะ...) จึงตั้งใจฟังต่อค่ะ......
"เราต้องทำความดีตลอดเวลา ทำอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งปราชญ์และบัณฑิตทั้งหลายในสังคมมองเห็น กล่าวยกย่องนับถือและให้ศีลให้พรเรา ....อย่างนี้จึงจะนับได้ว่าเป็นคนดี..."
พี่เม่ยยิ้มแห้งๆ......"ยังเลย!...เพียงแค่ทำบุญใส่บาตร รับศีลรับพร เพื่อให้จิตใจของเราผ่องแผ้ว...พร้อมที่จะทำความดีต่อไป เท่านั้นเอง..."
ทั้งพูดดี...คิดดี...และทำดี
จนมีผู้กล่าวถึงว่า...เราเป็นคนดี.........เฮ้อ! เกือบจะหลงตนว่าเป็นคนดีเสียแล้วสิเรา...
ก้อ เริ่มต้นทำความดี ก็เป็นความดีแล้วละคะ ความดีของตัวเองนั้น ก็คือ คิดดี พูดดี ทำดี ... อุ๊ย ไม่ได้ลอกนะเนี่ยะ เหมือนของพี่เม่ยข้างบนเลย เอาใหม่ ... เอาแบบว่า ชื่นชมคนที่ทำดีก็แล้วกัน เห็นเขาได้ดีก็ยินดีด้วยละกันเน๊าะ
เหมือนพี่เม่ยเหมือนกันน๊า มองเพื่อนในแง่ดี ก็เป็นคนดีแล้วละค่ะ
ทำไมประจวบเหมาะเวลานั้นพอดีเลยนะคะ คุณเม่ย
เข้าใจดีเลยค่ะ เพราะเหตุการณ์ที่คาดคิดบางทีอาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ
การทำดี ต้องทำทั้งกาย วาจา และใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ใช่ใหมคะ
ที่ว่าทำดี ลับหลังหมายถึงว่า ไม่จำเป็นต้องทำอวดใคร ไม่มีใครเห็น ก็ตัวเราเองที่เห็น 1 คนใช่ใหมคะ
เกิดมาเกือบครึ่งร้อยปีแล้ว มีความสุขกับการที่ได้ทำดีมาหลายครั้งหลายหน บางคราวที่ทำดีไปก็ได้รับตอบแทนทันที แต่บางคราวทำดีแล้ว เขาไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของเราก็มีนะคะ ก็ไม่ว่ากัน
การทำดีแล้วได้ดีนี่มีความสุขที่อิ่มเอมใจจริงๆค่ะ
การเป็นคนดีหรือไม่ดี ต้องอยู่ที่คนอื่นมองเราค่ะ ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่มองพี่เม่ยนะคะ เชื่อคะ ว่าพี่เม่ยเป็นคนดี อย่างน้อย พี่เม่ย ก็เป็นแม่พระในใจของลูก ๆ จริงไหมค่ะ
แอบอ่านบันทึกพี่เม่ยมานานแล้วครับ
อ่านแล้วจิตใจแช่มชื่นมาก
วันนี้เลยเปิดตัวจากแฟนลับ มาเป็นแฟนเปิดเผย
อ่านเรื่องวันนี้แล้วรู้สึกว่า
คนดี คล้าย บัณฑิต(คนเรียนเก่ง)ครับ
ถ้าบอกว่า เราเก่งแล้ว เรียนเท่านี้พอ
ก็หยุดเก่งจนโดนคนอื่นก้าวล้ำไป
เราต้องหมั่นเรียนรู้เรื่อยๆ ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
จึงได้ชื่อว่าเป็น บัณฑิต
อ่านแล้วยิ้มเลยค่ะพี่เม่ย...ประมาณว่าเห็นหน้าคุณพ่อบ้านพี่เม่ย...อุทานในใจเพราะไม่กล้าส่งเสียงดัง ๆ..."ฮึ!! เธอแน่มาก" แต่พอกลับเข้ารถก็คงนั่งจ้องหน้าพี่เม่ยแบบยิ้ม ๆ "ที่เธอพูดตะกี๊นะ...ฟังไว้นะเธอนะ"
บันทึกนี้ทำให้คนอ่านจิตนาการไปตามเหตุการณ์ และคิดไปเองได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ...ครอบครัวน่ารักดีจังค่ะ โชคดีที่คุณพ่อบ้านพี่เม่ยเป็นคนพูดน้อย
ถึงแม้ว่าสิ่งที่เราทำจะยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคนดี...
แต่การทำความดีวันละเล็กละน้อย ก็สร้างความสุขให้เราได้นะครับ...